■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

สำรวจความต้องการที่แท้จริงของเว็บไซต์คุณ

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

อันดับแรก ผู้ใช้งานต้องทราบถึง"ความต้องการที่แท้จริง" ของตัวเองก่อนค่ะ ว่าเว็บไซต์ของตัวเองคือเว็บไซต์อะไร ปริมาณผู้เข้าชมต่อวันมีปริมาณมากน้อยเพียงใด

หากเป็นเว็บนำเสนอข้อมูล ไม่มีการโต้ตอบ ไม่มีคนออนไลน์ในเว็บแบบเรียลไทม์ จำนวนคนเข้าชมไม่เกิน 1,000 คนต่อวัน สามารถเลือกใช้แพคเกจพื้นฐานของโฮสติ้งโดยทั่ว ๆ ไป ได้ค่ะ ค่าบริการอยู่ในหลักไม่กี่ร้อยบาทต่อปีเท่านั้น

หากเป็นเว็บที่มีผู้เข้าชมต่อวันจำนวนมากเกิน 1,000 คน หรือเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ควรใช้งานแพคเกจที่สูงหรือในหลักพันจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับขนาดของเว็บไซต์ ถ้าคนเข้าเยอะมากจริง ๆ แนะนำ VPS ค่ะ

หรือ ต้องการ optimize เอง ต้องการปรับแต่งระบบ ต้องการติดตั้งโปรแกรมที่มีฟังก์ชันพิเศษนอกเหนือจากโฮสทั่วไปมีให้ มีพื้นฐานในเรื่องการดูแลเซิร์ฟเวอร์ เราแนะนำ VPS เลยค่ะ จะได้รับรู้ความรู้สึกถึงความแรงที่ได้รับ Resource Hardware Server ที่ Reserve เป็นของตัวเอง ใช้งานได้เต็มที่เท่าที่มี #ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าเว็บคนอื่นจะมาทำให้เว็บของเราล่ม

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

Cloud Technology เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

อย่าเข้าใจผิดนะคะ ว่าการใช้ Cloud Hosting แล้วจะไม่ล่ม Cloud Hosting ของผู้ให้บริการในไทยส่วน คือ การนำเซิร์ฟเวอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป มาประมวลผลทำงานร่วมกัน ทำให้เกิด Cloud ในระดับ Infrastructure เพื่อให้เกิดทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ที่สูงจากการรรวมกัน จากนั้นก็นำมาทำการแบ่งออกเป็นหลาย VM (Virtual Machine) คอนเซปเดียวกับ VPS เลยค่ะ และทำการติดตั้งระบบโฮสลงบน VM หรือ VPS นี้ จุดไคลแม็กซ์อยู่ตรงนี้ค่ะ หากผู้ให้บริการ Config VM หรือ VPS ไม่ดี ต่อให้ Infrastructure เป็น Cloud ยังไงก็ล่มแน่นอนค่ะ

แต่ที่บอกว่า Cloud Technology เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยเหตุผลดังนี้ค่ะ จากการนำเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องมาทำงานร่วมกันทำให้ Cloud มีจุดเด่นและความสามารถในการ Scale ได้ทุกสัดส่วนตัวอย่างเช่น

VM-Server1 เริ่มต้นให้บริการด้วย Ram (Memory) อยู่ที่ 8GB เพิ่มมีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น Ram ใกล้เต็มสามารถปรับ Ram เพิ่มได้ทันทีจาก 8GB เป็น 32GB โดยที่ VM ไม่ดับและใช้งานได้ต่อเนื่อง หากเป็นระบบ Server แบบเดิม ต้องทำการ Shutdown Server > ถอดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ออกจากตู้ Rack > ขันนอตเซิร์ฟเวอร์ > ทำการติดตั้ง Ram > นำเซิร์ฟเวอร์กลับเข้าตู้ > Start Server! กว่าจะเสร็จสิ้นการเพิ่ม Momery อย่างน้อยก็ใช้เวลาถึง 15 นาทีที่ต้อง Down Server

หรืออีกหนึ่งตัวอย่าง ที่มีประโยชน์ต่อผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการได้รับผลจากข้อดีนี้คือ เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน Harddisk พัง! หากเป็นระบบเดิม ข้อมูลต้องหายทั้งหมดแน่ ๆ ถ้าหากผู้ให้บริการได้ทำการสำรองไว้ก็ดีไป แต่กว่าจะนำข้อมูลกลับมา ทำให้เซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ได้ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 วันแน่ ๆ แต่ถ้าเป็น Cloud Technology! เมื่อ Harddisk ตัวใดตัวหนึ่งพัง ข้อมูลจะถูกเรียกจากเซิร์ฟเวอร์ตัวที่เหลือทันที เพราะ Cloud ของเราไม่ได้เก็บข้อมูลไว้บน Server เพียงเครื่องเดียว ถ้าคิดภาพไม่ออก นะคะ

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

ระบบอีเมลไม่ใช่แค่พอดีมี แต่ต้องใช้งานได้ดีและเจ๋งจริง

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

นี่คือ “ป้องกันก่อนเกิดปัญหา” ผู้ใช้มักพบปัญหา เมื่อใช้งานอีเมลบนระบบเว็บโฮสติ้งเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นอีเมลส่งไม่ออก อีเมลล่าช้า ใช้งานกับอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ตไม่ได้ อีเมลของเราเป็นอีเมลขยะ หรือปัญหาใหญ่ร้ายแรงคือ “ติด Blacklist” ซึ่งต้องใช้เวลาแก้ปัญหาไม่ต่ำกว่า 7 วัน หรือนานถึง 30 วัน หรือ ไม่สามารถแก้ไขได้เลยจนกว่าจะเปลี่ยน IP Address หรือเปลี่ยนผู้ให้บริการใหม่ไปเรื่อยๆ เคล็ดลับง่ายนิดเดียว ต้องแยกระบบอีเมลออกจากเว็บโฮสติ้งโดยชิ้นเชิง ข้อมูลเพิ่มเติมศึกษาได้จากที่นี่ค่ะ https://www.thaidatahosting.com/separate-email-hosting

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

เลือก Linux Server หรือ Windows Server

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

ตรงนี้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือและภาษาที่ลูกค้าใช้พัฒนาเว็บไซต์ค่ะ หากเป็น PHP, Wordpress, Joomla, Moodle หรือ CMS ทั่ว ๆ ไป แนะนำเลือกใช้งานบน Linux ซึ่งมีความเสถียรมากค่ะ แต่ถ้าพัฒนาด้วย ASP, ASP.NET ต้องเลือกใช้เว็บโฮสติ้งแบบ Windows Server เท่านั้นค่ะ

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

การให้บริการ ! ต้องติดต่อได้จริง !

■□━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━□■

ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวค่ะ ในเรื่องของการบริการและการดูแลหลังการขาย เว็บโฮสติ้งหลายเจ้ามักทำการตลาดด้วยการบอกว่า บริการ 24 ชั่วโมง แต่พอเกิดปัญหาเข้าจริงก็ไม่สามารถติดต่อได้ เว็บต้องล่มไปหลายชั่วโมง ผลกระทบอันยิ่งใหญ่คือ อันดับเว็บไซต์ของคุณล่วงแน่ ๆ

ไทยดาต้าโฮสติ้ง แบ่งการบริการออกเป็น 2 ส่วนค่ะ ส่วนแรกการให้บริการในช่วง Bussiness Time คือ 09:00 – 17:00 วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เป็นช่วงเวลาการบริการแบบ Full Services มีกี่ช่องทาง ต้องติดต่อเราได้ทั้งหมดค่ะ ทั้งโทรศัพท์, Livechat, Support Ticket, Line หรือ แม้กระทั่ง Facebook Fanpage เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเวลาการทำงานของหลาย ๆ องค์กร จำเป็นต้องสามารถติดต่อได้อย่างง่ายดายที่สุด!

ส่วนที่สองเป็นการให้บริการนอกช่วงเวลา Business Time เราจะให้บริการแบบ Needed Service คือการให้บริการที่จำเป็นต้องมีและต้องติดต่อได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ Livechat, Support Ticket, Line และ Facebook Fanpage เราจัดเจ้าหน้าที่สำหรับการดูแลให้บริการลูกค้าได้จริงตลอดเวลา

Create Date : 21 มีนาคม 2559
Last Update : 21 มีนาคม 2559 12:42:26 น.		0 comments
Counter : 1166 Pageviews.
Share Tweet