Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
พี่อ้อย - พี่ฉอด "น้ำกับรักจัดการไม่ได้" แห่งรายการคลับ Friday

โดย : ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ ภาพโดย : อนุช ยนตมุติ



คุยหลังไมค์กับ "พี่อ้อย-พี่ฉอด" ศิราณีบนหน้าปัดที่ไม่ได้แค่จัดรายการแต่ยังช่วยจัดพื้นที่จิตใจให้หลายๆ คนรักเป็น

ไม่ได้เรียนจบมาทางจิตวิทยา การโทรไปคุย ปรึกษา ระบาย ตัดพ้อ กับ "พี่อ้อย-พี่ฉอด" แห่งรายการคลับ Friday


คำเปรียบเปรยอย่าง "มารขาว-มารดำ" หรือ "ตบ-จูบ" ถูกยกมาอธิบายสไตล์การจัดรายการของ ดีเจพี่อ้อย - นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล และ ดีเจพี่ฉอด - สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ซึ่งคนหลังรั้งตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) มาด้วย

ประโยคหนึ่งในบทสนทนา ดีเจนภาพรบอกว่า น้ำ(ท่วม)กับความรักก็เหมือนกัน ตรง "จัดการไม่ได้" และ "ไม่แน่นอน"


"ไม่ต้องถามหรอกว่าบ้านเราจะท่วมไหม
คิดไปเลยว่าท่วมแล้วจะทำยังไง เตรียมอะไรได้บ้าง มากกว่าไปช็อคในวินาทีนั้น ความรักก็เหมือนกัน ถ้าวันหนึ่งมันเกิดขึ้นกับเรา เรารับมือยังไง เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนที่สุดของโลก"

ปัญหาความรักในช่วงนี้ เรื่องไหนเยอะเป็นพิเศษ

พี่อ้อย :
ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่คนทุกคนในประเทศนี้ต้องโทรมาคลับFriday หมด แต่หลังๆ ที่รู้สึกได้คือ เริ่มมีอาการรักซ้อนเกิดขึ้นเรื่อยๆ เช่น เค้ามีแฟนแล้วค่ะ แต่หนูคบกันมาสองปีแล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องพูดง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อน ก็คงจบตั้งแต่ต้นแล้วว่า เค้ามีแฟนก่อนแล้ว แล้วหนูคบเค้าทำไม แต่ระยะต่อๆ ไป เริ่มกลายเป็น เธอมีคนของเธอ ฉันก็มีคนของฉันแต่เราก็ยังตัดสินใจคบกัน โดยที่ให้ไปเลิกกับคนของตัวเองก็ไม่เลิก บอกว่าเขาไม่ผิดอะไร เราก็เลยทำผิดกับเค้าไปทุกคน เพราะถ้าทุกคนรู้ความจริงก็ไม่มีใครสามารถอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพราะยุคนี้อะไรก็สามารถยอมรับกันได้ง่ายจังเลย และถือสากันน้อยมากโดยเฉพาะเรื่องแบบนี้

พี่ฉอด :
เอาเข้าจริงๆ แล้ว ปัญหาความรัก มันไม่ได้มีอะไรแตกต่าง มันก็คือเรื่องเดิมๆ ที่เราก็คุ้นๆ ชินๆ กันอยู่ เพียงแต่ว่าระยะหลังตัวละครมันเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง เมื่อก่อนนี้จะเป็นเรื่องของคนสองคน ตอนหลังมีตัวละครเพิ่มซึ่งไม่ได้เพิ่มแค่คนเดียว ไม่ได้เป็นรักสามเส้า แต่เป็นสี่ ห้า หก

ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นน่าจะมาจากอะไร

พี่ฉอด :
สภาพสังคมมันเปลี่ยนไป เมื่อก่อนชีวิตก็แค่เกิดขึ้นมา เติบโต แต่งงาน มีลูก แล้วก็เป็นปัญหาในครอบครัวตัวเอง แต่ทุกวันนี้โดยสภาพแวดล้อมทุกอย่างของสังคม โซเชียลมีเดีย ความไฮเทคต่างๆ มันมีส่วนต่อจิตใจความรู้สึกหมดเลย ทำให้คนคิดแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด เหมือนที่เรางงๆ ว่า เดี๋ยวนี้คนโทรมาสามารถจะบอกได้ว่า อ๋อ หนูเป็นกิ๊กเค้าค่ะ ได้อย่างสบายใจ

พี่อ้อย :
ส่วนหนึ่ง มันอาจจะเป็นความรวดเร็ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาจีบกันที ส่งจดหมายกว่าจะได้เจอหน้ากัน ยุคนี้มันง่ายไปหมด บอกรักก็บอกง่าย บอกเลิกยิ่งง่ายใหญ่เลย ส่งเอสเอ็มเอสแล้วจบกัน หรือกระทั่งการติดต่อสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียทั้งหลาย พอเราเข้าไปอยู่ปั๊บ ก็เกิดอาการคิดและจินตนาการว่า คนนี้น่ารักอ่ะ เราคบกันแล้วค่ะแต่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลย มันจะมีอย่างนี้อยู่เยอะ

พอการสื่อสาร เทคโนโลยีมันก้าวหน้าขึ้นเราเลยลืมไปหาแก่นจริงๆ ของการคบหากันหรือลืมเรื่องของการเรียนรู้ในโลกแห่งความเป็นจริง
เพราะคิดว่า แค่นี้โอเคค่ะ ไม่ผูกมัด ประกอบกับว่า ยุคนี้ผู้หญิงดูแลตัวเองได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน หาเลี้ยงตัวเองได้ เพราะฉะนั้นความแคร์หรือภาวะพึ่งพิงน้อยลง แปลว่าถ้าอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ชั้นก็เลิก ทำให้ความสัมพันธ์ของคนในวันนี้มันเกิดขึ้นเร็ว แบบรีบรัก รีบเลิก เพราะฉะนั้นจึงมีคนโสดมากมายที่ไม่ได้โสดจริง โสดแบบไม่มีพันธะผูกพัน แต่ก็ทำตัวไม่โสดด้วยนะ

ย้อนไปสมัยเด็กหรือวัยรุ่น ทั้งคู่มีลักษณะการชอบช่วยเหลือคนอื่นเป็นพื้นฐานบ้างหรือไม่

พี่ฉอด :
คงเริ่มจากการเป็นคนชอบดูคน รู้สึกว่าคนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ มีความละเอียดอ่อนหลายอย่าง ถ้าเราจะเรียนรู้ ศึกษา หาความรู้อะไรในโลกใบนี้ การดูคนทำให้เรารู้ทุกอย่าง เอาแค่นั่งเฉยๆ แล้วดูพฤติกรรมของแต่ละคน วิธีคิด วิธีการแสดงออก มีความรักแล้วเป็นยังไง มันเป็นเรื่องที่เรียนรู้ไม่จบ

แล้วมันก็กลายมาเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานดีเจ หลายสิ่งหลายอย่างมากที่เราต้องคิดเอาเองว่าคนฟังเป็นอย่างไร เราอยู่กับไมโครโฟน ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ แต่เราต้องรู้อย่างลึกซึ้งว่าคนที่นั่งฟังเรา ซึ่งเราไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน เค้าคิดอะไรอยู่บ้าง อยากฟังอะไร ชีวิตเค้าเป็นยังไง เปิดเพลงอะไรถึงจะตรงใจเค้า พูดคุยยังไงเค้าถึงจะถูกใจ วิทยุเป็นสื่อซึ่ง กระดิกนิดเดียวเค้าก็หนีไปแล้ว โจทย์ของเราก็คือ ทำยังไงให้คนหยุดและฟังเรา สิ่งเหล่านี้เลยกลายเป็นประโยชน์ตอนเราจัดรายการวิทยุ

ถามถึงพื้นฐานเราก็มี
คือ ความรู้สึกชอบดูแลคนอื่น เหมือนทุกวันนี้ทุกคนจะขำที่พี่เล่นทวิตเตอร์ ทำไมใครถามอะไรพี่ตอบหมด ใครถามแล้วพี่ไม่ตอบ พี่จะหงุดหงิด ทุกคนก็จะบอกว่าพี่จะตอบอะไรนักหนา คือ ถ้าไม่ได้ตอบเหมือนละเลยเค้า ต้องดูแลเค้า ตอบคำหนึ่งก็ยังดี แสดงว่าเรารับรู้แล้วในสิ่งที่เขาบอกมา

พี่อ้อย :
อาจจะเป็นเพราะความลำบากของชีวิตตอนเด็ก เราไม่ได้มาทางสายสะดวก เกิดจากครอบครัวฐานะปานกลางไปจนถึงขั้นไม่ค่อยโอเค จะมีโจทย์หลายอย่างที่ทำให้เราต้องปรับวิธีคิดแล้วชีวิตก็ดันไปอยู่ในที่ที่อุดมไปด้วยคนที่มีความพร้อม เช่น ศึกษานารี เพื่อนมีคนขับรถมาส่ง

พี่ฉอด :
เราเองต้องเดินไปส่งคนขับรถ

พี่อ้อย :
ใช่ค่ะ (ประชด) เราเลยดูแตกต่างจากคนอื่น แล้วพอไปอยู่นิเทศ จุฬาฯ...

พี่ฉอด :
ซึ่งเป็นที่ที่มีแต่สาวสวย ดูพี่เป็นตัวอย่าง

พี่อ้อย :
ใช่ค่ะ(ประชด) ความกดดันทุกอย่างเลยมาตกที่เรา ฉะนั้น พี่คิดว่าทุกคนมีเงื่อนไขในชีวิตแตกต่างกันไป และเชื่อว่าไม่มีชีวิตไหน ไม่มีเงื่อนไข เราแค่มีวิธีคิดยังไงที่จะมีความสุขให้ได้ภายใต้เงื่อนไขของเรา

คราวนี้พอมาเริ่มคุยกับตัวเองว่าต้องคิดอย่างนี้สิ ก็เริ่มกระจายแนวคิดนี้ไปถึงเพื่อนๆ จากที่เราเองรู้สึกว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ก็ไม่ได้ง่าย เลยตั้งใจกับตัวเองว่า สิ่งที่ทำต่อจากนี้น่าจะเป็นการขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีวันนี้ได้ แม้ว่าทางจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก

จะพูดเสมอว่าตัวเองเป็นผู้หญิงต้นทุนต่ำ ไม่ได้มีวัตถุดิบอะไรมากมายที่จะอำนวยความสะดวกให้ชีวิต พอมาถึงวันนี้ มันเกินกว่าที่คาดหวังเยอะแล้ว ต่อจากนี้ ทำให้คนอื่นได้เลย สบายมาก เพราะเราถึงจุดคุ้มทุนไปนานมากแล้ว

แบ่งหน้าที่บทบาทกันอย่างไร

ตอบพร้อมกัน - ไม่เคยแบ่งค่ะ


พี่อ้อย :
เราคิดว่าเค้าดีเจเป็นคนที่พูดเก่ง แต่พี่อ้อยว่าหลักสำคัญคือต้องฟังเก่ง เราต้องฟังให้ได้จังหวะ เช่น คนๆ หนึ่งเล่าเรื่องเค้าอยู่ พี่ฉอดจะรู้สึกว่าต้องฟังเค้าก่อน ฟังเสร็จ ก็ต้องดูจังหวะ จะไม่ได้แบ่งหน้าที่กันชัด พอพี่อ้อยตอบไป พี่ฉอดจะฟัง ฟังทั้งคนที่โทรเข้ามา ฟังทั้งเรา และคิดถึงอีกมุมหนึ่งเพื่อทำให้คลับFriday ไม่ได้มีลักษณะ ยืนข้างกันจนหลังแอ่น

พี่ฉอด :
มันเตี๊ยมกันไม่ได้ขนาดนั้น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าคนที่โทรมาจะมาแบบไหน อย่างไร เราสองคนมีความคิดที่แตกต่างกันได้ ฉะนั้นจะพยายามมองเพื่อหาคนละมุมมากกว่า ในการที่จะตอบเค้า เพราะถึงที่สุดแล้วเราจะไม่ใช่คนตัดสินชีวิตเค้าหรือตอบว่าเขาต้องทำยังไง เราแค่ฟังกันและเสนอแนะความคิดเห็นในบางมุม แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินใจจริงๆ คือตัวเค้า ไม่มีใครตัดสินใจแทนใครได้ในเรื่องแบบนี้

การโทรเข้ามา ส่วนหนึ่งเป็นการบำบัดจิต ให้เขาได้พูด ได้ระบาย
มีคนฟัง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปทบทวนเอาเองว่า จะฟังจากตรงไหน หรือ อันไหนที่ตรงใจเค้ามากกว่ากัน ชีวิตพวกนี้ไม่มีถูกผิด ดีเลว บางทีดีเลวยังไม่มีด้วยซ้ำไป

เอาเข้าจริง คนต้องการรับฟังหรือคำปรึกษา


พี่ฉอด :
เค้าต้องการที่พึ่งมากกว่า คนเราก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดไม่มีคนฟัง ทุกคนต้องมีพ่อแม่เพื่อนฝูง แต่ในที่สุดเค้าก็ต้องตัดสินใจเอง แต่บางทีเรารู้สึกว่าสิ่งที่คนขาดคือ ที่พึ่งทางใจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นคนมาตัดสินอะไรให้ แต่เป็นใครสักคนหนึ่งซึ่งอยู่ในที่ทางที่พอดี สำหรับการที่เขาอยากจะคุยด้วย ระบายความรู้สึก หลายครั้งตัวพี่เองไม่ได้รู้สึกว่าตอบอะไรที่มหัศจรรย์ เป็นเรื่องเบสิคมากๆ เช่น เค้าทำอย่างนี้กับหนู หนูก็อย่าอยู่กับเค้าสิคะ มันธรรมดามาก แต่ทำไมคนรู้สึกเชื่อจังเลย ว่า พี่ฉอดทำไมเก่งอย่างนี้ มันเป็นเรื่องความเชื่อกัน เท่านั้นเอง เป็นความไว้วางใจ ซึ่งก็สำคัญ ซึ่งบางทีเราก็ตกใจมากว่าทำไมเค้าถึงไว้ใจเรามากขนาดนี้ เล่าเรื่องส่วนตัวลึกสุดๆ จนเราแอบคิดว่า น้องคะ ไม่ต้องบอกหมดก็ได้

การได้รับความไว้วางใจอย่างสูง คิดว่าเป็นเพราะอะไร

พี่ฉอด :
อาชีพดีเจเป็นอาชีพที่กำลังพอดี อยู่ในจุดที่พอเหมาะพอดีสำหรับคนที่เค้ารู้สึกว่า มีอะไรแล้วอยากพูดด้วย เพราะดีเจไม่ใช่คนที่อยู่ใกล้มากเกินไป อย่างคนที่ใกล้มากอย่างพ่อแม่พี่น้อง จะไม่ค่อยเชื่อ หรือถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักเลยก็ไม่เชื่ออีก ส่วนดีเจไม่ใช่คนที่เคยเห็นหรือรู้จักนั่งคุยกันด้วยซ้ำไป แต่รู้สึกว่าเค้ามีตัวตน จับต้องได้ รู้จักกันได้จากการที่ได้ฟังเค้าพูดคุย ในรายการหรือโทรศัพท์มา ดีเจจึงเป็นคนที่มีตัวตนสัมผัสได้ ไม่ไกลมากจนเกินไปและไม่ใกล้มากเกินไป มีระยะห่างกำลังพอดี จังหวะตรงนี้เราเลยได้รับความไว้วางใจ

พี่อ้อย :
ที่เค้าให้ความไว้วางใจ พี่ไม่ค่อยไปสนใจตรงนั้นเท่าไหร่ แต่ต้องถามตัวเองบ่อยๆ ว่า ในเมื่อเค้าเลือกที่จะไว้วางใจเราแล้ว สิ่งที่เราตอบไปต้องมั่นใจมากพอสมควรว่า ต้องไม่กระทบความเดือดร้อนคนอื่นๆ ที่ไม่ได้โทรเข้ามา โดยเฉพาะบุคคลที่สาม ที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกว่าไม่ใช่ ยิ่งเค้าไว้ใจเท่าไหร่ เรายิ่งต้องคิดเยอะกับคำตอบของเรา

พี่ฉอด : คลับFriday เป็นรายการที่จัดยาก ยากมาก เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟมาก
การที่เราพูดอะไรออกไป มีความหมายมากที่เขาจะไปตัดสินใจทำอะไร ที่กระทบกระเทือนชีวิตตัวเค้าได้

มันเป็นเหมือนโชว์หนึ่งโชว์
มันต้องดูแลหลายส่วน บางคนโทรศัพท์เข้ามา เราสงสารเค้ามาก เค้าพูดๆๆๆ แต่เราก็ยังมีสายอื่นรออยู่ เพราะมันคือการทำโชว์ที่ไม่สามารถฟังเค้าพูดได้คนเดียว รายการสด 2 ชั่วโมงมีหลายอย่างให้คิดและกังวล เหนื่อยค่ะ

งานนี้มีผลต่อการใช้ชีวิตหรือกดดันตัวเองไหม

พี่อ้อย : ไม่ค่อยค่ะ
อยากเป็นอะไรก็เป็น มันก็คือชีวิตธรรมชาติ แต่มันดีต่อชีวิตตัวเองอย่างหนึ่งคือ สมมติเราไปเจอเหตุการณ์อย่างคนที่โทรเข้ามา จะรู้สึกว่า ชั้นเคยได้ยินมาแล้ว ถ้าเราฟังอยู่บ่อยๆ จะเห็นว่าโลกนี้สอนเรื่องความเปลี่ยนแปลงผ่านเรื่องความรัก ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ รักกันมา10 ปี ปีที่ 11 เปลี่ยน เรื่องความรักมันไม่มีสูตร แค่ ณ ตรงนั้นรับมือยังไงให้รอดไปวันๆ แค่นี้จริงๆ ไม่กดดันเลยค่ะ เฉยๆ

คำปรึกษาของเราไม่ใช่คำชี้ชัด แค่ปรับวิธีคิดเท่านั้น เพียงแต่ถ้ามันเกิดเรื่องร้ายขึ้น ถ้าคนดีมีสติ คนดีก็จะรอด
เช่นเดียวกันถ้าอะไรก็ตามเกิดขึ้นกับเรา ก็แค่กลับไปปรับวิธีคิดที่เราเคยบอกคนอื่น เอามาปรับกับความสุขที่พอมีอยู่บ้างภายใต้เงื่อนไขของเรา

พี่ฉอด : เวลาที่เราจัดรายการ เราพูดอยู่เสมอว่า เราไม่ได้เป็นผู้รู้ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่กูรูเรื่องรถยนต์
ถ้าคุณศึกษาเรื่องรถยนต์มาอย่างเชี่ยวชาญคุณก็จะตอบได้ เพราะรถยนต์ว่าด้วยเหตุผล แต่เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ ต่อให้เก่งกล้าสามารถแค่ไหน เจออะไรมาเยอะ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญได้

พี่กับพี่อ้อยแสดงให้คนอื่นเห็นอยู่เสมอว่าเราก็แค่คนๆ หนึ่ง เท่านั้น
ซึ่งมีสิทธิที่จะมีปัญหา มีสิทธิคิดไม่ออก เรายังพูดกันด้วยซ้ำว่า เวลาเป็นเรื่องคนอื่น พูดง่าย เพราะเราไม่ได้รักคนๆ นั้นเท่ากับที่เค้ารัก ...เราพูดแบบนี้ตลอดเวลา คนก็เลยไม่คาดหวังว่าพี่ฉอดกับพี่อ้อยต้องเพอร์เพ็ค

แล้วจุดที่ยากที่สุดของโชว์ชุดนี้คืออะไร

พี่ฉอด : มันเป็นเรียลลิตี้โชว์มากๆ
เพราะทุกอย่างคนที่โทรเข้ามาเป็นคนกำหนดด้วยเรื่องที่เล่า เราสองคนก็ต้องรับฟังและตอบ ความยากคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะเราไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่เป็นแขกรับเชิญที่เราเตี๊ยมกันมาก่อน เค้าอาจจะโทรมาร้องไห้สติแตก หรืออาจจะโทรมาแล้วพูดแต่เรื่องตัวเองแล้วไม่ยอมวางสาย หรือล่อแหลมศีลธรรม ฯลฯ ความยากอยู่ที่ว่าเราก็ต้องมีสติอย่างมากในการควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างให้มันเป็นไปอย่างราบรื่น
เวลาพี่อ้อยพี่ฉอดมีปัญหาเรื่องความรัก ปรึกษาใคร

พี่อ้อย : คิดก่อนมั้งคะ
แล้วอยู่นิ่งๆ พอเรารู้ว่าความรักเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ คำปรึกษาใดๆ ก็ตามมันน่าจะเป็นการให้กำลังใจมากกว่า ปัญหามี 2 อย่าง คือ แก้ได้รีบแก้ แก้ไม่ได้ช่างมัน นั่งคิดก่อน พอคิดแล้วว่าเราจะรับมืออยู่ ค่อยกระจาย เช่น พี่คะ ช่วงนี้หนูกำลังนั่นนี่อยู่ คุยเพื่ออยากรู้ว่า เค้ามองเรื่องนี้ยังไง มากกว่ามานั่งขอคำปรึกษา เป็นวลาของการแชร์กันมากว่าไปขอความช่วยเหลือ

พี่ฉอด : คือพอเราปูนนี้แล้ว (หัวเราะ) มันไม่ใช่เรื่องแล้วที่จะต้องไปปรึกษาใคร
สิ่งเหล่านี้มันคิดได้ด้วยตัวเอง และโชคดีมากๆ ที่เราทำคลับFriday บ่อยครั้งมากที่เรามีเรื่องอะไรอยู่ บางทีการฟังเค้า อาจไม่ใช่เรื่องเดียวกันด้วยนะ แต่มีวิธีหรือบางมุม ที่ทำให้เราคิดว่า เหมือนกันเลย หรือ ควรจะทำยังไง

มีคนมาปรึกษานอกรอบเยอะแค่ไหน

พี่อ้อย : เยอะค่ะ เยอะมาก คลับFridayจริงๆ สองชั่วโมงแต่คนมีปัญหาเยอะกว่านั้นมาก,/b> ถ้ามีเวลาพี่ก็จะตอบอีเมล์ หรือกระทั่งเวลาไปซื้อกาแฟ พี่อ้อยครับ ผมอยากคุยเรื่องนี้กับพี่ ก็มีนะ ก็บอกว่า ในช่วงนี้น้องชงกาแฟ เล่าจบไหม เล่าจบน้องเล่าเลย ยังไม่พอ ขนาดลงลิฟต์นะ พี่คะ (หัวเราะ) บอกว่าช่วงก่อนลิฟต์เปิดน้องเล่าจบไหม ถ้าจบเล่ามา

พี่ฉอด : ของพี่มาแบ่งเบาเรื่องทวิตเตอร์ค่ะ
แต่บางวันก็ไม่ไหวเหมือนกันเพราะถามเข้ามาเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความรัก เรื่องเข้ามาประชิดตัวก็มี แต่บางทีก็ทำเท่าที่เราสามารถทำได้

มีการติดตามผลไหม

พี่อ้อย : มีค่ะ
ดิฉันจะต้องรู้ค่ะ (หัวเราะ) เราอยากรู้ว่ามันลงเอยยังไง มันก็จะมีความต่อเนื่องของมัน บางทีเค้าก็ติดต่อกลับมาเอง เช่น พี่อ้อย จำได้มั๊ยคะ ที่หนูโทรมาตอนนั้น ตอนนี้หนูแต่งงานแล้วนะ หรือ ตอนโทรมาปรึกษาอยู่มในช่วงง่อนแง่น โทรมาบอกเลิกกันแล้ว ชีวิตเรามันเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

พี่ฉอด : เหมือนดูหนังแล้วอยากรู้ตอนจบน่ะค่ะ


พี่อ้อย : คนที่มีปัญหา
เวลาที่ฟังก็จะค้างคาทั้งนั้นแหละ ทางเลือกมี 2 ทางคือ สู้กับถอย บางทีพี่ฉอดบอกไม่ต้องสู้หรือถอยหรอก นิ่งค่ะ

พี่ฉอด :
หลักสูตรพี่ชอบนิ่งๆ อย่าเพิ่งทำอะไรในวันที่เราเสียศูนย์ เพราะเราจะคิดหรือตัดสินใจไม่รอบคอบพอ สมมติจะฆ่าตัวตาย ฆ่าตอนนี้กับฆ่าพรุ่งนี้เหมือนกัน ตายเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้อาจจะไม่รู้สึกอยากตายแล้วก็ได้ เดี๋ยวมาเสียดายทีหลัง ถ้านิ่งได้ มันจะดีกับชีวิตเรามากกว่า ทุกอย่างเกิดจากอารมรณ์ชั่ววูบทั้งนั้น

โจทย์แต่ละสัปดาห์เอามาจากไหน

พี่ฉอด :
คุยกันค่ะ ทีมงานประชุมกัน วางแผนกัน ให้ไม่ซ้ำแนวทางกัน เช่น ศุกร์นี้เศร้าสุดขีด ศุกร์หน้าดีๆ บ้างไหม

พี่อ้อย :
พี่ฉอดบอกว่าถ้าเป็นเรื่องดีพี่ไม่จัด (หัวเราะ) ชั้นไม่ชอบคนมีความสุข (หัวเราะ)

พี่ฉอด :
วันไหนรักสมหวังให้พี่อ้อยเค้าทำไปละกัน (หัวเราะ) เรียกมารขาวมารดำกัน

พี่อ้อย :
มีทั้งตบและจูบ บางทีก็ต้องบอกทีมงานให้หัดไปมีแฟนบ้างนะ จะได้มีข้อมูล เอาเรื่องมาทำ เอาตัวเข้าแลกนะ ไปอกหักมา (หัวเราะ)

พี่ฉอด :
บางคนช่วงนี้มีความสุขดี คิดเรื่องไม่สนุกเลย ดูง่อยๆ ว่ะ (หัวเราะ) แกต้องไปอกหักมาก่อน จะได้คิดหัวข้อได้สะใจ

ผู้ชายโทรเข้ามาเยอะไหม

พี่ฉอด : หลังๆ เยอะขึ้นค่ะ เยอะขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่กวน มึน โฮ ผู้ชายเข้ามาเยอะ เพราะเต๋อยังโทรมาปรึกษาเลย (ยิ้ม)


ผู้ชายสนใจหัวข้อไหนมากเป็นพิเศษ

พี่อ้อย -
ต้องเอาตั้งแต่ความเร็วในการกดโทรศัพท์ก่อน ผู้ชายจะสู้ไม่ได้ แต่จะหนักไปทางเอสเอ็มเอส อีเมล์เยอะมาก คืออยู่ในที่ของตัวเองแล้วพิมพ์ ไม่ใช่ลักษณะจะมาพร่ำเพ้อหน้าไมค์ คนที่ส่งอีเมล์เข้ามาจะกลั่นกรองสูงกว่าการพูดสด เรียบเรียงมาแล้ว แต่เชื่อว่าเรื่องทุกเรื่อง ผู้ชายก็โดนมาไม่ต่างจากผู้หญิง

5 ปีที่ทำคลับ Friday มา ได้สัจธรรมของชีวิตอะไรบ้าง

พี่อ้อย :
เรื่องรักเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนที่สุดในโลก ถ้าคุณมีความสุขกันตรงนี้ก็ดูแลกันเต็มที่ ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่ของเรา ความรักมันหมดอายุแล้ว เราก็แค่มีความทรงจำที่ดีกับมัน แต่ขอให้ทำเต็มที่ก่อน

พี่ฉอด : สุดท้าย
เรื่องทั้งหลายทั้งปวงที่ดูใหญ่หลวง มีผลกระทบกับชีวิตเรามหาศาล เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าถอยห่างออกมานิดนึงแล้วมองไป เราจะพบสัจธรรมว่าจริงๆ แล้วมันก็แค่นั้นเองล่ะค่ะ จักรวาลใหญ่ยักษ์ เรื่องของเรามันแค่จุดเล็กๆ นิดเดียวเอง ไม่มีอะไรใหญ่หลวงจริงๆ ถ้ามันผ่านไป แล้วเราย้อนมองกลับมา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

และทุกอย่างมันจะจบลงด้วยคำว่า “มันก็แค่นั้นเอง”
แล้วเดี๋ยวมันก็กลายเป็น “ถูกทุกเรื่องในชีวิต”

credit ://www.bangkokbiznews.com/
พี่อ้อย - พี่ฉอด "น้ำกับรักจัดการไม่ได้" แห่งรายการคลับ Friday


Create Date : 26 ตุลาคม 2554
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2554 6:08:32 น. 1 comments
Counter : 1067 Pageviews.

 
หวัดดีคับพี่คนสวยทั้งสองผมอยากรุ้ว่าคนเราอยากมีแฟนกับเขาทามมั่ยมายมีกับเขาชักทีนะ อยากมีคนรักกับเขาบ้างอะ


โดย: เพียวคับ IP: 203.92.218.30 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:34:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.