|
ข้าวแช่ (ตอนที่ 2)▶คอลัมน์ ทำกินกันเอง▶สุคนธ์ จันทรางศุ
●ข้าวแช่ (ตอนที่ 2)● คอลัมน์ ทำกินกันเอง▶
●โดยมากหยิบฉวยอะไรในครัวได้ก็กะๆ เอาตามความเคยชิน แล้วก็อาศัย "ลิ้น"
ที่เคยเป็นนักชิมมาแต่เยาว์วัยดังที่เคยเล่าให้ฟัง
อาหารแทบทุกชนิดจึงกล้อมแกล้มออกมาพอรับประทานได้สุคนธ์ จันทรางศุ●
>>ทีนี้ก็ถึงตอนของลูกกะปิคุณย่ากันล่ะค่ะความที่ผู้เขียนเป็นคนที่ไม่ค่อยรักความเป็นมาตรฐานสุคนธ์ จันทรางศุ●
>>ทีนี้ก็ถึงตอนของลูกกะปิคุณย่ากันล่ะค่ะความที่ผู้เขียนเป็นคนที่ไม่ค่อยรักความเป็นมาตรฐานโดยมากหยิบฉวยอะไรในครัวได้ก็กะๆ เอาตามความเคยชิน แล้วก็อาศัย "ลิ้น"
ที่เคยเป็นนักชิมมาแต่เยาว์วัยดังที่เคยเล่าให้ฟัง
อาหารแทบทุกชนิดจึงกล้อมแกล้มออกมาพอรับประทานได้
ตอนจะมาเขียนตำรากับข้าวนี่แหละค่ะ เพื่อนๆ
ของลูกที่สนิทสนมไปมาหาสู่เข้าถึงก้นครัวได้ก็มาขอร้องว่า ผู้เขียนจะบอกตำราอะไร
>>>ขอให้ออกมาเป็นสูตรว่ากี่ถ้วยตวง กี่ช้อนชา กี่ช้อนโต๊ะ ก็เธอเป็นสาวสมัยใหม่นี่คะ
จะให้บอกมาแต่เพียงว่าใส่น้ำปลา น้ำตาล "พอสมควร"นั้น มันทำให้เธอปวดหัวใจค่ะ
สมัยนี้มันเป็นยุคของคอมพิวเตอร์ สมัยอินเตอร์เน็ตแล้วนี่คะ
จะมาบอกว่าให้ใส่กะปิลงไปเท่ามูลโคนี่เธอทนไม่ด๊าย..ทนไม่ได้ค่ะ
>>>ผู้เขียนก็เลยต้องมาตั้งสติให้ดีว่าจะหาอะไรมาเป็นสูตรให้ลูกสาวคนนี้ดีหนอ
พอดี๊พอดีวันนั้นเหลียวไปเหลียวมาไปเจอเอาถ้วยสีขาว
ขนาดเท่าถ้วยลายผักชีที่เขาใช้ใส่กับข้าวตามวัดเข้า อารามมือกำลังเปื้อนหมูบด
ขี้เกียจวิ่งไปหยิบถ้วยตวง (ตอนนี้ก็ชักวิ่งไม่ค่อยจะไหวแล้วค่ะ
ตั้งแต่อายุเลยเลขเจ็ดมานี่) ก็เลยคว้าเอาถ้วยที่ว่านี้มาใช้
ตั้งใจจะบอกลูกสาวคนนี้ภายหลังค่ะ
ว่าถ้าอ่านแล้วยังไม่เข้าใจมาตราจะแถมถ้วยสีขาวที่ว่านี้ให้อีกหนึ่งใบค่ะ
ต่อไปนำตะไคร้ประมาณ 3 ต้นมาหั่นให้ละเอียดรวมกันกับข่า 6 แว่น ให้ถ้วยขาว
>>>(เริ่มมาตราถ้วยขาวแล้วไง) กระชายขูดเปลือกล้างน้ำให้สะอาดหั่นซอย 1 ถ้วยขาว
>>>หอมแดงปอกเปลือกแล้ว 3 หัว หั่นหยาบ
>>>ก่อนอื่นคุณนำพริกไทย 30 เม็ดลงป่นในครกก่อนให้ละเอียด
>>>แล้วจึงใส่เครื่องที่บอกมาข้างต้น แล้วสลับกันไประหว่างตะไคร้กับกระชาย
มิฉะนั้นจะกระเด็นออกสักครึ่งครกกว่าจะตำเสร็จ
>>>พอทุกอย่างละเอียดดีแล้วก็ใส่กะปิดีลงไป 2 ช้อนอย่าลืมคำว่า "ดี"นะคะ
ต่อไปทุกอย่างจะได้ "ดี"และอร่อย
>>>ทีนี้ก็มาถึงเวลาของน้ำตาลทรายแล้วล่ะค่ะ เราใช้น้ำตาลทราย ถ้วยขาวกับเกลือป่น 3
>>>ช้อนชาค่ะ ค่อยๆ ใส่ทีละน้อย ระวังน้ำตาลจะละลายเป็นน้ำและกระเด็นเวลาโขลก
ตอนนี้คุณจะต้องค่อยๆ ใส่หมูบดลงไปสลับกับน้ำตาลจนหมดหมูอีก 2 ถ้วยขาวก็ใช้ได้ค่ะ
จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันนิดหน่อย
ตักเครื่องปรุงที่ผสมไว้ใส่ลงไปสักครึ่งช้อนชา ทอดจนสุก ทดลองชิมดูก่อน
ถ้าอ่อนหวานหรืออ่อนเค็มก็เติมน้ำตาลหรือเกลือลงไปอีก ทอดชิมดูจนรสถูกใจ
จึงลงมือปั้นใส่จานเรียงไว้จนหมดหมู
เวลาจะทอด เทน้ำมันพืชใส่ลงในกระทะให้มากสักหน่อย
พอน้ำมันร้อนก็หยิบหมูที่ปั้นไว้ลงชุบไข่ที่ดีเตรียมไว้ในชามใส่ลงไปในกระทะ
พอเหลืองก็กลับอีกด้านหนึ่งลงให้สุกสวยดีจึงช้อนขึ้นใส่จาน ทำไปจดหมดหมูที่ปั้นไว้
(ถ้าน้ำมันดำขยันเปลี่ยนน้ำมันนะคะ ลูกกะปิจะได้สวย)
จบเรื่องลูกกะปิแล้วก็ยังมีเครื่องข้าวแช่อีกชนิดหนึ่งที่เด็กๆ ชอบรับประทานกันคือ
หัวไชโป๊ผัดไข่ ค่ะ รู้สึกว่าหัวไชโป๊ผัดหวานทางเมืองเพชรจะใส่แต่น้ำตาล
ไม่ใส่ไข่นะคะ
ผิดถูกอย่างไรก็อภัยให้คนแก่ด้วยเถอะค่ะ
แต่ที่บ้านผู้เขียนชอบรับประทานกันชนิดใส่ไข่ค่ะ ก็เลยนำมาเขียนไว้ให้ด้วย
ผู้เขียนชอบไปเดินซื้อหัวไชโป๊มาจากตลาดสดค่ะ เข้าใจว่าเขาจะดองหรือหมักไว้ในไหค่ะ
แล้วเขาก็ล้างออกมาใส่ในถังพลาสติกเสียบ้าง เพื่อให้คนซื้อเลือกตามความพอใจ
ผู้เขียนจะไปเลือกซื้อหัวไชโป๊ชนิดหวานค่ะ ใช้มือนั่นแหละค่ะหยิบหัวไชโป๊ขึ้นมาบีบๆ
ดู ถ้านุ่มทั้งหัวก็เป็นอันใช้ได้ ถ้าแข็งๆ อย่าไปเลือกมาเชียวนะคะ
มิฉะนั้นเวลาเอามาหั่นผัด รับประทานมันจะแข็งกระด้าง รับประทานไม่อร่อยเลยค่ะ
คนขายหัวไชโป๊ชินกับผู้เขียนดี ปล่อยให้เลือกตามสบาย
เขาคงจะคุ้นกับยายแก่จู้จี้คนนี้ดีจนไม่อยากเข้ามาตอแย
พอกลับมาถึงบ้าน เราก็หยิบหัวไชโป๊ออกมาหั่นแฉลบๆ เป็นแว่นบางๆ บนเขียงทีละหัว
พอหั่นเสร็จก็ใช้มือดึงหัวไชโป๊ตามขวางให้มันยืดออกวางซ้อนกันเข้าเป็นตั้ง
(หัวไชโป๊ชนิดแข็งจะยืดไม่ออกค่ะ เราไม่เลือกซื้อมาเพราะเหตุนี้
เรื่องเลือกหัวไชโป๊นี้ก็ไม่เคยมีคนสอนวิธีเลือกให้ผู้เขียนเลยค่ะ
ทำไมถึงเลือกเป็นก็ไม่ทราบ แปลกแท้ๆ เข้าใจว่าคงสืบกันมาทางสายโลหิตกระมังคะ)
แล้วทีนี้เราก็ใช้มีดซอยตามขวางอีกทีหนึ่ง
เราก็จะได้หัวไชโป๊ที่ซอยละเอียดเรียงเป็นเส้นสวยดี
ต่อไปนำไปล้างน้ำให้สะอาดแล้วบีบให้แห้งค่ะ ทำเช่นนี้สักสองครั้งแล้วพักไว้
ทีนี้คุณก็นำหอมแดงและกระเทียมมาปอกเปลือกออกสับให้ละเอียดอย่างละเท่าๆ กัน
กะว่าหัวไชโป๊ซอยแล้วสัก 1 ถ้วย ก็ใช้หอมและกระเทียมสับอย่างละช้อนโต๊ะพูนค่ะ
ต่อไปคุณนำหอมสับลงเจียวในกระทะก่อนนะคะ พอหอมเริ่มเหลืองจึงใส่กระเทียมสับลงไป
(ถ้าเจียวพร้อมกัน กระเทียมจะไหม้ก่อนหอมค่ะ) กระเทียมเหลืองดี
คุณก็ใส่หัวไชโป๊ลงไป คนให้กระจายทั่วกระทะ
ผัดไปสักครู่ก็ใส่น้ำตาลปี๊บตามลงไปสักช้อนโต๊ะพูน
พอน้ำตาลเริ่มแห้งเติมน้ำตาลทรายลงไปกะให้หวานกำลังดี
ที่ไม่บอกให้ใส่น้ำตาลปี๊บเพียงอย่างเดียวเพราะไม่อยากให้หัวไชโป๊แฉะจนเกินไป
และที่ไม่ได้บอกให้เติมเกลือเพราะหัวไชโป๊ชนิดที่ว่านี้
หั่นแล้วล้างสองครั้งจะได้รสเค็มกำลังดี โดยไม่ต้องเติมเค็มลงไปอีก
แต่ถ้าคุณโชคร้าย เผอิญไปเลือกซื้ออย่างเค็มมาเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ก็ไม่ต้องไปโยนทิ้งนะคะ แต่นำมาล้างน้ำสัก 7 หรือ 8 หน จึงจะใช้ได้
หัวไชโป๊ยังมีหลายสีอีกแน่ะ!
สีออกแดงๆ อย่าซื้อค่ะ ไม่ทราบไปทำอะไรมาจึงสีประหลาดอย่างนั้น
แต่สีออกน้ำตาลเข้มราวกับช็อกโกแลตก็อย่าไปเลือกมาอีกค่ะ
หัวไชโป๊ชนิดนี้ก็เค็มราวกับเกลือในมหาสมุทร
คุณต้องซื้อชนิดที่มีสีน้ำตาลพอดีๆ
ยังพูดค้างถึงตอนใส่น้ำตาลลงในกระทะอยู่เลยค่ะ คุณลองชิมดูหรือถ้ารสถูกใจแล้ว
ตอนนี้ก็จัดแจงต่อยไข่ใส่ลงไปแล้วคนให้ไข่กระจายไปทั่วกระทะ
ใส่ไข่ลงไปสักสองฟองก็พอ ผัดไปจนไข่แห้งก็ตักขึ้นใส่จาน
ทีนี้คุณก็จะมี "กับ"ไว้รับประทานกับข้าวแช่ถึงสองอย่างแล้วสิคะ
คราวหน้านี้ล่ะค่ะ ก็จะถึงคิว "ลูกปลาแห้งของคุณยาย"กันละ
"ลูกปลาแห้ง"เป็นของโปรดของผู้เขียนค่ะ ถ้าคุณอยากจะทราบว่า
"ลูกปลาของผู้เขียนจะมีรสชาติเป็นอย่างไร ก็ต้องคอยติดตามตอนต่อไปละค่ะ
แล้วลองดูสิคะ ว่าคุณจะใจเดียวกับผู้เขียนหรือเปล่า!
▼▲ข้าวแช่ (ตอนที่ 1) ▷▷คอลัมน์ ทำกินกันเอง
credit : khaosodnews
Create Date : 18 มีนาคม 2555 |
Last Update : 18 มีนาคม 2555 3:22:39 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1127 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Upper Midwest United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]
|
"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น" ขุ.ธ. 25/15/24 เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557
| | | |