สูตรห้ามใจ ไม่ให้ใช้เงินเปลือง
- เดือนพฤษภาฯอย่างนี้ มักเป็นเดือนที่ทำให้หลายครอบครัวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ไหนจะค่าไฟฟ้า (สืบเนื่องมาจากอากาศร้อนระอุอย่างนี้) แล้วไหนจะเป็นค่าเปิดเทอมของบุตรหลานเอย แม้ประชาชนจะได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นตามนโยบายประชานิยมของรัฐบาลก็ตาม แต่คงยากที่จะควบคุมไม่ให้ค่าใช้จ่ายภายในบ้านบานปลาย มิน่า เวลาผลโพลสำรวจปัญหาภายในครอบครัวเฉลยออกมาทีไร ปัญหาอันดับ 1 ของชาวบ้านมักหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆทองๆ โดยเฉพาะเรื่องเงินไม่พอใช้และมีหนี้สินถือเป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาล
แต่ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งท้อแท้กับปัญหาทั้งหลายแหล่ไปซะก่อน หากมีเงินไม่พอใช้ คงต้องหาจ๊อบทำเพื่อเพิ่มรายได้ รู้ไหมว่าชีวิตของชาวต่างชาติฝรั่งมังค่า บางคนก็ต้องดิ้นรนหางานทำกันสอง-สามจ๊อบถึงจะพอค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น ส่วนใครมีหนี้ก็ค่อยๆใช้หนี้กันไป แล้วอย่าไปสร้างหนี้เพิ่ม ปัญหานี้น่าจะบรรเทาเบาบางลงได้
สถานการณ์แบบนี้ หากใครไม่มีภาระให้ต้องรับผิดชอบมากนักถือว่ามีบุญนะเนี่ย แต่เรื่องของการใช้จ่ายคงปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาไม่ได้ บางทีการจะซื้ออะไรสักอย่าง ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเหมือนกันว่าสมควรซื้อหรือไม่ และใช้จ่ายอย่างเหมาะสมหรือเปล่า? เช่น ถ้ารู้ตัวว่า มีเงินเดือนเพียงน้อยนิด แต่ดันไปซื้อรถสปอร์ตคันโก้ราคาแพงมาขับ โอเคล่ะนี่อาจเป็นความใฝ่ฝัน แต่หากซื้อมาแล้วผ่อนไม่ไหว ก็ไม่สมควรที่จะเสียเงินโดยใช่เหตุ นี่ถ้าเอาเงินไปทำอย่างอื่น อาจมีประโยชน์ซะกว่า อย่างแทนที่จะไปซื้อรถคันโก้ ก็นำเงินมาฝากกินดอกเบี้ยแทน ถึงแม้ดอกเบี้ยจะน้อย แต่เงินก็ไม่สูญหายไปไหน เก็บไว้ใช้ในคราวจำเป็นยังจะดีซะกว่า แต่ก็อีกมนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์อ่ะน่ะ ผิดพลาดได้ แต่อย่าผิดบ่อยก็เท่านั้นเอง
ดังนั้น สูตรของการหักห้ามใจไม่ให้จับจ่ายใช้เงินเกินตัว จึงอยากแนะนำให้ลองถามตัวเองก่อนที่จะซื้อสินค้าอะไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหนี้และมั่นใจว่าไม่ได้ฟุ่มเฟือยเกินไป ขอให้ถามตัวเองก่อนซื้อว่า 1.เราจำเป็นต้องซื้อของชิ้นนี้จริงๆหรือ? เนื่องจากบางคนเวลาไปช็อปปิ้งก็มักอยากได้นั่นอยากได้นี่ แต่แทนที่จะซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ทว่าต่อให้อยากได้ก็ไม่มีเงินซื้อ จึงควร “คัด” ซะก่อนเถอะว่า สิ่งที่อยาก ได้นั้นจำเป็นต้องซื้อไหม? ถ้าจำเป็นต้องซื้อน้ำดื่ม เพราะไม่มั่นใจน้ำฟรีของร้านอาหารบางแห่งว่าสะอาดไหมก็ต้องซื้อ
2.อย่าซื้อสินค้าเพียงเพราะมันติดป้ายเซลส์ หรือลดราคาการซื้อสินค้าลดราคาตอนอยากประหยัดน่ะดี แต่ดีสำหรับร้านที่ลดจริงๆนะ ไม่ใช่ร้านที่ติดป้ายเซลส์หรือลดราคาทั้งปี แต่เอาเข้าจริง ราคาไม่ได้ลดลงอย่างที่ประกาศไว้ก็มี อีกอย่างเป็นหลักจิตวิทยาด้วย เมื่อ คนเห็นป้ายลดราคาจะซื้อสินค้า (โดยไม่มีเหตุผล) มากกว่าปกติ จึงต้องระวังใจตัวเองไว้ด้วย
3.ซื้อมาแล้วจะได้ใช้หรือไม่? ถ้าไม่ชัวร์ว่าจะได้ใช้หรือเปล่า อย่าเพิ่งซื้อ บางคนซื้อยามาเก็บไว้ เผื่อไม่สบายจะได้หยิบใช้ทันที แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่ป่วยซะที ขืนยาที่เก็บไว้หมดอายุซะก่อนก็น่าเสียดาย
4.มีปัญญาจ่ายสิ่งที่อยากได้หรืออยากซื้อไหม? ถ้าไม่มีและไม่อยากเป็นหนี้ก็อย่าซื้อเลย.
คนสมถะ
ขอบคุณ นสพ ไทยรัฐ
Create Date : 14 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 9:08:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1425 Pageviews. |
|
|