Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
▶แกะสลักหิมะเผยแพร่วัฒนธรรม หนึ่งกลยุทธ์ดึงต่างชาติเที่ยวไทย





ในช่วงฤดูหนาว ราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น มักอบอุ่นคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศที่พร้อมใจกันเดินทางมาเที่ยวชมงานเทศกาลหิมะสุดยิ่งใหญ่ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 63




งานเทศกาลหิมะซัปโปโร ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1950 โดยความร่วมมือของสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวซัปโปโร และเขตซัปโปโร โดยการจัดงานเทศกาลหิมะครั้งแรกนั้น ด้วยความที่ไม่มีใครเคยสร้างรูปปั้นหิมะมาก่อน คณะกรรมการจัดงานจึงขอให้นักเรียนชั้นมัธยมปลายในเมืองซัปโปโรมาร่วมกันก่อรูปปั้นหิมะขึ้นจนได้รูปปั้นจำนวน 6 ชิ้น จัดแสดง ณ บริเวณลานสวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเดิมใช้เป็นที่ทิ้งหิมะ

รูปปั้นหิมะที่เกิดขึ้นในรุ่นแรกๆ นั้นมีความสูงอย่างมากไม่เกิน 7 เมตร ต่อมาในการจัดงานครั้งที่ 4 ในปี ค.ศ.1953 เริ่มมีการสร้างรูปปั้นที่มีความสูงถึง 15 เมตร ซึ่งต้องใช้หิมะจำนวนมาก จึงมีการใช้รถบรรทุกและรถดันดินมาช่วยในการสร้าง และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่ดังเช่นปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม นับจากนั้นเป็นต้นมาในทุกๆ ปีก็เริ่มมีผลงานของชาวเมืองซัปโปโรเข้าร่วมแสดงในงานเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งปี ค.ศ.1972 เมื่อญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว งานเทศกาลหิมะจึงถูกแนะนำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก กลายเป็นเทศกาลหิมะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าร่วมชมงานปีละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน

สีสันน่าสนใจภายในงานเทศกาลหิมะซัปโปโร นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสชื่นชมประติมากรรมสวยงามหลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้นตัวการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่น รูปปั้นสถานที่สำคัญ หรือรูปปั้นบุคคลสำคัญแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจและถือเป็นไฮไลต์โดดเด่นภายในงานก็เห็นจะเป็น การแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติซึ่งเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1974 โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 39



ในการจัดการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติทุกๆ ปีจะมีทีมนักแกะสลักหิมะจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขันมากมาย เฉกเช่นเดียวกับการแข่งขันในปีนี้ที่เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ มีทีมนักแกะสลักหิมะฝีมือเยี่ยมลงแข่งขัน

ทั้งสิ้น 16 ประเทศ ประกอบไปด้วย จีน รัสเซีย เกาหลี ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา สวีเดน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ลิทัวเนีย มาเลเซีย เยอรมนี อินเดีย ไต้หวัน และไทย โดยทีมนักแกะสลักจากประเทศไทยนั้น ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดส่งเข้าร่วมการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และก่อนหน้านี้ก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศติดต่อกันมาแล้วถึง 3 ปีซ้อน (ระหว่างปี ค.ศ.2008-2010) ในผลงานชุดช้างพ่อ แม่ ลูก,ครุฑกับพญานาค และไกรทองกับชาละวัน ขณะที่ปีนี้ทีมไทยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 จากผลงานรูปแกะสลัก “มโนราห์” ส่วนที่หนึ่งเป็นของฮ่องกง จากผลงานการแกะสลักรูป “มังกร”



ในงานเทศกาลหิมะซัปโปโรปีนี้ นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. พร้อมคณะ ได้เดินทางมาให้กำลังใจทีมนักแกะสลักจากประเทศไทย และเข้าร่วมในพิธีประกาศผลการแข่งขัน จากนั้นได้เข้าเยี่ยมคารวะรองผู้ว่าราชการจังหวัดฮอกไกโด เพื่อเจรจาขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน พร้อมกันนั้นยังได้พบปะกับสื่อมวลชนญี่ปุ่นเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยในตลาดญี่ปุ่นด้วย



“การมาเข้าร่วมแข่งขันแกะสลักหิมะของประเทศไทยในแต่ละปี นอกจากเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นได้รู้จักมากขึ้น โดยผ่านงานฝีมือเชิงช่างที่วิจิตรประณีตงดงาม เนื่องจากงานเทศกาลหิมะซัปโปโร เป็นเทศกาลที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจ โดยนอกจากจะมีผู้เข้าร่วมชมงานวันละหลายแสนคนแล้ว ยังมีการถ่ายทอดสดและนำเสนอข่าวทางสื่อชั้นนำของญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น สถานีโทรทัศน์ NHK รวมถึงสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น”

ผู้ว่าการ ททท. แสดงทรรศนะ พร้อมกล่าวถึงผลการแข่งขันล่าสุดที่ทีมไทยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 ว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้แชมป์แต่ก็ถือว่าติด 1 ใน 5 และถือว่าการแข่งขันแกะสลักหิมะนั้นเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพ ช่วยทำให้ชาวญี่ปุ่นรู้จักวัฒนธรรมไทย รู้จักประเทศไทยมากกว่าการเป็นเมืองที่มีอาหารอร่อย มีรอยยิ้มประทับใจ โดยที่ผ่านมา ททท.ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ มาส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเติบโตขึ้นตามลำดับ



ด้านนายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวเสริมว่า ญี่ปุ่นนับเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ เป็นตลาดที่ทำได้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น วัยหนุ่มสาว วัยทำงาน คู่รัก หรือวัยสูงอายุ เพราะต่างชอบท่องเที่ยวคนละแบบ ผู้ใหญ่วัยสูงอายุมักชอบมาเที่ยววัดบ้านเรา อย่างเช่น ที่อยุธยา หรือคนวัยทำงานมักจะมาเที่ยวทะเลหัวหิน สมุย กระบี่ ที่นอกจากจะได้ชมทะเลสวยแล้ว ยังได้ชิมอาหารอร่อย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมาเที่ยวเมืองไทยปีละประมาณ 1.1-1.2 ล้านคน ซึ่งแม้ไม่มากเหมือนจีน แต่ก็นับว่าเป็นนักท่องเที่ยวชั้นดี มีคุณภาพ และในอนาคตอันใกล้น่าจะมีการเปิดให้บริการเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ มาฮอกไกโด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น

นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ช่วยปลุกตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นให้กลับมาเที่ยวไทยอย่างคึกคักอีกครั้ง หลังจากต้องเจอกับวิกฤติปัญหาทั้งด้านการเมือง และภัยธรรรมชาติ ที่ส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวหดหายไปเยอะ!




▶▶รู้จักฮอกไกโด

ฮอกไกโด (Hokkaido) มีลักษณะเป็นเกาะ เกาะฮอกไกโดเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น อาชีพหลักของชาวฮอกไกโด คือ อาชีพเกษตรปลูกข้าว ปลูกมันฝรั่งและอื่นๆ เกาะฮอกไกโดได้ชื่อว่าเป็นปากท้องของญี่ปุ่น




เมืองหลวงของฮอกไกโดมีชื่อว่า เมืองซัปโปโร

ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโตเกียวโดยเครื่องบิน 1 ชั่วโมง 25 นาที เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม เปรียบเสมือนประตูสู่จังหวัดฮอกไกโด ผังเมืองของซัปโปโรค่อนข้างเป็นระเบียบเหมือนตารางหมากรุกซึ่งรูปแบบจะคล้ายกับเกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น หัวใจหลักของเมืองนี้อยู่ที่สวนโอโดริ (Odori Park) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองทอดตัวจากด้านตะวันออกไปจรดฝั่งตะวันตกของตัวเมือง สัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ ถนนสายหลักในตัวเมืองจะเรียงรายไปด้วยน้ำพุและสวนโอโดริ (Odori Koen) ซึ่งถนนสายหลักนี้จะเป็นที่จัดงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียงของซัปโปโร ในงานมีการแสดงรูปปั้นหิมะและรูปแกะสลักน้ำแข็งของทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นตั้งตระหง่านให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก



ภูมิอากาศของฮอกไกโด จังหวัดฮอกไกโด

ด้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีฤดูร้อนที่เย็นสบายที่สุด ส่วนในฤดูหนาวก็จะมีหิมะมากและจะหนาวนานอยู่ประมาณครึ่งปี (ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนเมษายน) โดยอุณหภูมิเฉลี่ยของฮอกไกโดจะอยู่ที่ 22 ํC แต่ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปีจะเป็นช่วงที่อุณหภูมิต่ำมากประมาณ-12 ํC ถึง -4 ํC



credit : dailynews


Create Date : 10 มีนาคม 2555
Last Update : 10 มีนาคม 2555 4:09:19 น. 0 comments
Counter : 3126 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.