Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
▷▷แง้มม่านย่านอะโกโก้สาว"คาวบอย" "ซอย" นี้...ใช่แค่ที่เห็น?





▶▷แง้มม่านย่านอะโกโก้สาว"คาวบอย" "ซอย" นี้...ใช่แค่ที่เห็น?

จากกรณีที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “ก่อการร้าย” มาพัวพันกับประเทศไทยในหลายรูปแบบ รวมถึงเกิดเหตุระเบิด ก็ทำให้ย่านที่พักย่านท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ถูกจับตามากเป็นพิเศษ...

’ซอยคาวบอย“ ก็เป็นหนึ่งในย่านที่ต่างชาตินิยม

ที่นี่มิได้มีข่าวโยงเหตุร้าย แต่ก็มีฉากชีวิตที่น่าคิด

“เป็นซอยยาวประมาณ 500 เมตร ตัดผ่านระหว่างสุขุมวิท 23 และถนนอโศก (สุขุมวิท 21 เดิม) มีอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จำนวน 50 ห้อง ฝั่งละ 25 ห้องหันหน้าเข้าหากัน ตรงกลางเป็นถนน เป็นแหล่งสถานเริงรมย์ที่เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00–02.00 น. มีสถานบริการประมาณ 30 แห่ง พนักงานส่วนใหญ่มาจากภาคอีสานใต้ อายุประมาณ 18–40 ปี มีอยู่ประมาณ 300–500 คน” ...นี่เป็นการระบุถึง ’ซอยคาวบอย“ ซึ่งเป็น ’ย่านบาร์อะโกโก้“ โดย ผศ.จารุวรรณ ขำเพชร สาขาสังคมวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ซึ่งทำวิจัย “ชีวิตตะวันรุ่งและยามราตรีของผู้คนในซอยคาวบอย” โดยมุ่งหวังให้เกิดการเข้าใจชีวิตที่นี่


ย้อนอดีตไปในช่วงเกิดสงครามเวียดนาม
มีทหารอเมริกันมาตั้งฐานทัพในไทย ย่านสุขุมวิทในกรุงเทพฯเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ร้านอาหาร สถานบริการ ไนต์คลับ บาร์ เกิดขึ้นรองรับชาวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริเวณซอยคาวบอย ทั้งนี้ ซอยนี้แรก ๆ เป็นย่านร้านของชำ ตัดเสื้อผ้า ตัดผม เสริมสวย ราวปี พ.ศ. 2519-2520 มีต่างชาติเชื้อชาติแขกเปิดบาร์ชื่อ “โกลด์ เลเบิ้ล” แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมา T.G. “COWBOY” EDWARDS ทหารอากาศอเมริกันเกษียณที่ได้ชื่อเล่นว่า “คาวบอย” เพราะชอบใส่หมวกคาวบอย เปิดบาร์ชื่อ “คาวบอย” ประสบความสำเร็จ ย่านนี้จึงเริ่มกลายเป็นย่านบาร์ และซอยนี้ก็ถูกเรียกชื่อตามชื่อเล่นของนายคาวบอยคนนี้

’อะโกโก้บาร์“ กลายเป็นธุรกิจหลักของพื้นที่ย่านนี้

พ่วงด้วยภาพ ’สาวอะโกโก้“ ถูกมองเป็นย่านโลกีย์

ทั้งนี้ กับการทำวิจัยซอยคาวบอยของนักวิชาการ มศว ทาง ผศ.จารุวรรณ แจกแจงไว้ สรุปได้ว่า... พื้นที่ซอยคาวบอยมีการผสมผสานวัฒนธรรมมากมาย ทั้งจากผู้ที่เข้ามาทำงาน และลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในซอยซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตกผิวขาว และบางส่วนเป็นชาวเอเชีย ขณะที่เจ้าของสถานบริการตัวจริงส่วนใหญ่จะเป็นชาวตะวันตก โดยมีภรรยาซึ่งเป็นชาวไทยทำหน้าที่ทั้งดูแลร้าน จดทะเบียน ตลอดจนทำเรื่องสัญญาต่าง ๆ แทน

การจะทำงานบาร์ในซอยนี้ ไม่ใช่ว่าใครสมัครก็ได้ทำ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยความเป็นเครือญาติเพื่อนพ้องน้องพี่แนะนำกันมา โดยในแต่ละบาร์จะมีผู้จัดการร้านหรือ ’มาม่าซัง“ ซึ่งต้องมีประสบการณ์งานบาร์เป็นสิบปี และเจ้าของร้านไว้วางใจ รองลงมาก็จะเป็นรองผู้จัดการร้าน มีพนักงานเต้น พนักงานเสิร์ฟ พนักงานบาร์เหล้า พนักงานล้างจาน แม่บ้าน และการ์ดที่อยู่ด้านหน้า แต่ที่สังคมเห็นเด่นที่สุดคือ ’พนักงานเต้น“ ที่เป็น ’ผู้หญิง“

ผู้หญิงที่จะสมัครทำงาน ถ้ามีลักษณะว่าอาจเป็นพวกติดยา ทางร้านจะไม่รับ หรือถ้าเป็นพนักงานเก่าของร้านแล้วเกิดติดยา ซึ่งส่วนใหญ่เพราะลูกค้าต่างชาติให้ลอง ทางร้านจะส่งไปบำบัดโดยออกค่าใช้จ่ายให้

สำหรับมาม่าซัง หน้าที่สำคัญส่วนหนึ่งคือคอยอบรมการทำงานของพนักงาน และยังสอนให้พนักงาน ต้องรักตนเอง เพราะทำงานแบบนี้ไม่ยั่งยืน มีการแนะนำให้เรียนภาษาอังกฤษเพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าได้ดี เผื่อได้แต่งงานกับฝรั่ง และอีกเรื่องสำคัญที่มาม่าซังจะสอนคือการดูแลตัวเอง การออกไปนอกร้านไปนอนค้างตามโรงแรมกับลูกค้าต้องระวังให้มาก ถ้าเจอ ’วิตถาร“ ให้รีบหนีเอาชีวิตรอดออกมา

สถานบริการย่านนี้ มักจะไม่รับลูกค้าคนไทย และส่วนใหญ่จะไม่รับลูกค้าต่างชาติอาหรับ สำหรับพนักงานเต้นนั้นในช่วงหัวค่ำก็ใส่เสื้อผ้า แต่ราว 21.30 น. เป็นต้นไปจะไม่สวมอะไรเลยนอกจากรองเท้าบู๊ตส้นสูงเท่านั้น จะมีการเต้นให้ดูเป็นศิลปะ ซึ่งลูกค้าชาวตะวันตกที่เป็นผู้ใหญ่มักจะชอบพนักงานที่เป็นสาวใหญ่วัย 35–50 ปี แต่จะไม่ค่อยชอบวัยรุ่นเพราะมองว่าเป็นรุ่นลูก แต่ก็มีบ้างที่ลูกค้ายังไม่มีครอบครัวจะใช้บริการสาววัยรุ่น ซึ่ง บางคนยังอยู่ในวัยเรียน ยังเรียนอยู่
ระดับมหาวิทยาลัย และบอกว่าถ้าเรียนจบก็จะออกจากอาชีพนี้

มีพนักงานร้านบางส่วนที่ ชาวต่างชาติซื้อตัวไปเป็นภรรยา จะเรียกกันว่าไปเป็น ’มาดาม“ ซึ่งต้องซื้อกับทางร้าน แต่อาจไปอยู่ได้แค่ 3–4 ปี สุดท้ายก็อยู่กันไม่ได้ ก็กลับมาทำงานรับแขกเหมือนเดิม แม้จะอายุมาก

’อยากให้คนส่วนใหญ่มองเห็นความเป็นคนของผู้หญิงที่ทำงานในยามค่ำคืน แม้เขาจะเป็นผู้หญิงหาเงิน แต่ในอีกสถานะหนึ่งเขาเป็นแม่ เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นลูก หากเขาเลือกได้ และเขามีโอกาส เชื่อว่าเขาคงจะไม่เลือกมาอยู่จุดนี้ ผู้หญิงที่ทำงานในซอยคาวบอยที่มีสถานภาพเป็นแม่ ส่วนใหญ่จะส่งลูกเรียนแทบทุกคน และลูกก็จะเรียนถึงระดับอุดมศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยเปิด มหาวิทยาลัยปิด เพราะเขาอยากเห็นชีวิตของลูกดีกว่าและมีโอกาสที่ดีกว่าตัวเอง“ …ผศ.จารุวรรณ ระบุทิ้งท้าย

เป็นทิ้งท้ายถึง “ซอยคาวบอย” โดยโฟกัส “ชีวิตผู้หญิง”

ซอยนี้ ชีวิตคนที่นี่ มีอะไรลึกลับกว่าที่เห็นอีกเยอะ??.
▷▷//www.dailynews.co.th/article/223/15538


Create Date : 05 มีนาคม 2555
Last Update : 5 มีนาคม 2555 11:13:19 น. 0 comments
Counter : 5826 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.