|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
เลือกสิ่งที่ใช่ เรียนอย่างที่ชอบ ครูแนะแนวแรงผลักสำคัญ
เรียนอย่างที่ชอบ ครูแนะแนวแรงผลักสำคัญ เลือกสิ่งที่ใช่
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของ นักเรียนชั้น ม.6 เพราะการสอบนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสอบเพื่อศึกษาต่ออย่างเดียวเท่านั้น แต่ผลลัพธ์จากการสอบอาจกำหนดอาชีพในอนาคต ซึ่งการให้ได้มาซึ่งหนทางที่ต้องการจำเป็นต้องได้รับการแนะแนวอย่างเป็นระบบ ฉะนั้น ครูแนะแนวจึงมีส่วนเป็นอย่างยิ่งในการทำให้นักเรียนได้เรียนตามความสนใจ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างอาชีพในอนาคต
ส่วนหนึ่งจากการสัมมนาทางวิชาการอาจารย์แนะแนวทั่วประเทศ ประจำปี 2555 ของ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงบทบาทครู แนะแนวเพื่ออนาคตเด็กไทยกับทิศทางแอดมิชชั่น ซึ่งมี " รศ.ดร.รุ่งแสง อรุณ ไพโรจน์" นายกสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทยมาให้ข้อเสนอแนะ
"รศ.ดร.รุ่งแสง" บอกว่า ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย สิ่งที่นำมาประมวลผลคือคะแนนสอบ GPAX, O-NET, GAT/ PAT ซึ่งคะแนน GPAX, O-NET ครูแนะแนวมีส่วนช่วยได้มาก โดยคะแนนจาก GPAX เป็นคะแนนที่เกิดจากโรงเรียน อันมาจากคะแนนสองส่วน คือ ความสามารถของนักเรียนในการสอบ และคะแนนจิตพิสัย แต่ละโรงเรียนให้ค่าน้ำหนักสัดส่วนที่ต่างกัน ดังนั้น ครูแนะแนวไม่ควรดูแต่คะแนนรวม แต่ต้องดูว่าแท้จริงคะแนนของนักเรียนเป็นอย่างไร เพื่อทราบว่าคะแนนความสามารถที่แท้จริงอยู่ด้านไหน
สำหรับการสอบ O-NET ส่วนใหญ่พบว่าแม้จะสอบเหมือนกัน แต่เนื้อหาการสอนของแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน ฉะนั้น ต้องทำให้นักเรียนมีโอกาสเข้าถึงข้อสอบ โดยสามารถเข้าไปดูข้อสอบเก่าทางอินเทอร์เน็ตได้ ให้เด็กได้ฝึกฝนตลอดเวลา ขณะเดียวกัน รูปแบบหรือลักษณะการตอบข้อสอบก็ปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเตรียมพร้อมความเข้าใจให้กับนักเรียน ด้านการสอบ GAT/PAT หากให้เกิดผลดีจะต้องเริ่มที่ครูแต่ละวิชาต้องเข้าใจและรู้ว่าสาระที่นักเรียนต้องทราบมีอะไรบ้าง เป็นการเตรียมตัวให้นักเรียนอย่างถูกทาง
"การสอบเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนต้องเลือกเรียนให้เหมาะสมกับสาขาวิชาที่ต้องการ ทำให้เด็กเรียนอย่างมีความสุข ไม่หวาดผวาเมื่อถึงเวลาเรียน นำไปสู่การประกอบอาชีพที่ใช่ โดยมหาวิทยาลัยจะเป็นตัวกลางในการพัฒนาเด็กเข้าสู่อาชีพ ซึ่งครูแนะแนวจะทราบอยู่แล้วว่าระบบการเข้ามหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร ทำให้เด็กเข้าคณะที่ต้องการ ได้จริง โอกาสในการเปลี่ยนคณะหรือ ลาออกก็จะมีน้อย ไม่ถึง 2%"
อย่างไรก็ตาม มองว่าระบบสอบเข้ายังมีปัญหาอยู่ และเชื่อว่าปัญหานี้จะไม่หมดไป เพราะไม่ว่าจะกำหนดรูปแบบ วิธีการสอบแบบใด ก็ไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาการลาออกกลางคัน เนื่องจากเด็กเลือกคณะไม่ตรงกับตัวตนของตัวเอง รวมถึงนักเรียนบางส่วนไม่สามารถเข้าเรียนสาขาที่ตนต้องการได้ เพราะไม่ได้รับข้อมูลการสอบที่มากพอ ทั้งยังมีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา ที่ไม่ได้ประกอบอาชีพตามสาขาที่ตนจบ จึงทำให้คนอื่นที่อยากเรียนสาขานั้นไม่ได้เรียนตามที่หวัง
นอกจากนั้น "รศ.ดร.รุ่งแสง" ยัง กล่าวถึงองค์ประกอบการตัดสินใจในการเรียนต่อมหาวิทยาลัยว่าประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ 1.ผู้ปกครอง ซึ่งได้รับการตีกรอบความคิดจากสังคม ครูแนะแนวจึงต้องสื่อสารให้ผู้ปกครอง เข้าใจเรื่องการศึกษาต่อ และการเข้าสู่อาชีพของบุตรหลาน โดยต้องเตรียมข้อมูลที่ดี มีหลักฐาน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถร่วมตัดสินใจกับบุตรหลานได้
2.ข้อมูลอัตราการแข่งขัน ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนเข้าถึงแหล่งข้อมูล
3.ตัวนักเรียน มีแรงกดดันจากหลายด้าน ถ้านักเรียนมีข้อมูล จะทำให้สามารถตัดสินใจเลือกเรียนได้ตามความสามารถ ความสนใจ และความถนัด อย่างถูกต้องชัดเจน
"กระทรวงศึกษาธิการควรให้ความสำคัญกับระบบการแนะแนวในโรงเรียน เพราะเรื่องของบุคลิกภาพ หรือการวัดแววอาชีพของนักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าครูไม่ได้รับการอบรมที่ดีมาก่อน หรือไม่มีความเข้าใจ นักเรียนจะไม่มั่นใจ และแม้ปัจจุบัน ครูแนะแนวได้รับการอบรมเยอะขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ 5 ปี จากนี้ไป คนที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดีเริ่มถึง วัยเกษียณอายุกันแล้ว หากเราไม่มีการผลิตบุคลากรขึ้นมาทดแทนจะเกิด ช่องว่าง ดังนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายออกมาว่า ให้แต่ละโรงเรียนมีครูที่จบแนะแนวโดยตรง"
เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ชัดเจน จะมีการวัดผลครูแนะแนวจากงานที่ทำ ตอนนี้มีเกณฑ์มาตรฐานการประเมินออกมาแล้ว กำลังจะประกาศใช้ เป็นเกณฑ์ที่ระบุถึงสิ่งที่ครูแนะแนวจะต้องทำ การวัดผลงานแนะแนวจากนักเรียน ซึ่งจะมีการประเมินภายในจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาด้วย โดยเกณฑ์ดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คาดว่าไม่เกิน ปีการศึกษา 2555 จะออกบังคับใช้ได้
เมื่อมีการบังคับใช้กฎเกณฑ์ก็จะช่วยลดความสูญเสียทรัพยากรมนุษย์และด้านเศรษฐกิจที่ต้องลงทุนเพื่อให้ได้คนที่มีประสิทธิภาพ กล่าวได้อย่างหนึ่งว่า ถ้ามีครูแนะแนวจะช่วยให้นักเรียนได้เลือกเรียนในสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง ต่อเนื่องไปถึงการประกอบอาชีพอย่างมีความสุข ทำให้ประเทศได้บุคลากรคุณภาพออกมาขับเคลื่อนสังคม
credit : prachachat news
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 28 มิถุนายน 2559 4:59:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 4620 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Upper Midwest United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]
|
"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น" ขุ.ธ. 25/15/24 เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557
| | | |