Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
1 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน a7

มุมมอง (2) : ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน a7
นิทานเรื่อง The Wonderful Wizard of Oz เป็น fiction = วรรณกรรมที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการ สร้างโลกของตัวเองที่ชัดเจน ตัวละครก็มีบทบาทชัดเจนว่าเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายอธรรม

ส่วนเรื่อง Wicked ใช้โลกเดียวกันนั้นเป็นสถานที่เดินเรื่อง ตัวละครหลัก ๆ ก็ชุดเดียวกัน แต่เป็นการ turn the story on its head = ทำให้เรื่องราวกลับหัวกลับหางหมด โดยเติมบริบททางประวัติศาสตร์ การเมือง และศาสนาเข้าไป และที่สำคัญโดยการพลิกมุมมอง ทำให้เป็นนิยายสำหรับผู้ใหญ่มากกว่านิทานสำหรับเด็ก

การพลิกมุมมองในเรื่อง Wicked ทำให้ “แม่มดชั่วร้ายแห่งตะวันตก” ซึ่งคนอเมริกันทั่วไปฝังใจมาตั้งแต่แรกว่าเป็นตัวร้าย กลับกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารและน่าเห็นใจ ไหนจะเพราะเกิดมาผิวสีเขียว ไหนจะฉลาดเฉลียวเกินคนทั่วไป มิหนำซ้ำยังไม่ยอมสยบต่ออำนาจ ทำให้เธอแทบไม่มีเพื่อนหรือคนที่เข้าใจ และในที่สุดก็ถูกประวัติศาสตร์ (ในนิยาย) จารึกว่าเป็นตัวร้าย

ละครเรื่อง Wicked สนุกสนานมีสีสันดีครับ แต่ในแง่ของความน่าสนใจ หนังสือ Wicked กินขาด เพราะเป็นนิยายเสียดสีสังคมและธรรมชาติมนุษย์โดยใช้เค้าโครงของนิทานเป็นกรอบ

หนังสือ Wicked กล่าวได้ว่าเป็นนิยายลักษณะ revisionist คือแก้ไขทบทวนสิ่งที่คนทั่วไปยึดถือมาตลอด ซึ่งในกรณีนี้คือนิทานของ Frank L. Baum

นิยายอีกเรื่องของ Gregory Maguire ผู้แต่ง Wicked ก็ออกมาแนวเดียวกัน นั่นคือหยิบนิทานเรื่องซินเดอเรลลามาแล้ว turn the story on its head โดยเล่าจากมุมมองของพี่สาวต่างแม่ของซินเดอเรลลา กลายเป็นหนังสือเรื่อง Confessions of an Ugly Stepsister = คำสารภาพของพี่สาวต่างแม่ผู้ขี้เหร่

นิทานที่ Maguire นำมาเล่าใหม่จากมุมมองที่แปลกใหม่ล้วนเป็นผลงานวรรณกรรมที่สำคัญ ไม่มีใครคิดจะแตะ ทุกคนพอใจที่จะเชื่อว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนดี ตัวนั้นเป็นผู้ร้าย ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวที่เล่านั้นเป็นนิทานสำหรับเด็ก ซึ่งย่อมนำเสนอทุกอย่างเป็นขาวดำ (ตัวเอกต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดีพร้อมทุกอย่าง ตัวร้ายก็ต้องชั่วไม่มีที่ติ เอ๊ย ที่ชม) แต่ถ้าพลิกมุมมองก็อาจจะเห็นอะไรที่แตกต่างไปได้

ที่ผมชอบ Maguire ก็เพราะเขาเตือนเราว่าแม้แต่นิทานก็อาจมีความซับซ้อนล้ำลึกได้ นับประสาอะไรกับชีวิตจริงของมนุษย์.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ.สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod

คลิก..มุมมอง (1)...ที่นี่ขอรับ

ติดตามได้ทุกวัน..หน้าคอมเม้นท์นะขอรับ...เพื่อเป็นการประหยัดพื้นพี่

credit :  dailynews


Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 17:03:14 น. 9 comments
Counter : 2232 Pageviews.

 
มุมมอง (3)
ทุกวันนี้คนอเมริกันหลายคนเป็นทุกข์โดยไม่รู้ตัว เพราะจิตใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่ว่าจะเกลียดชังประธานาธิบดีโอบามา เกลียดชังสถาบันการเงินที่รวยเอา ๆ ในขณะที่คนธรรมดาแทบจะไม่สามารถ make ends meet = ชักหน้าให้ถึงหลัง เกลียดประเทศจีนที่ “แย่ง” งานไปจากสหรัฐ เกลียดคนเม็กซิกันที่ “แย่ง” งานจากคนผิวขาว ฯลฯ

ความทุกข์โดยมากมีวิธีบรรเทาง่ายนิดเดียว นั่นคือการเปลี่ยนมุมมอง เช่น แทนที่จะมองผลเฉพาะหน้า (สงสัยโดนนายด่าแน่เลยเรา) ก็อาจเปลี่ยนมุมมองไป take the longer view มองผลระยะยาวกว่านั้น (อีกสิบปีข้างหน้าความผิดพลาดของเราในวันนี้จะยังคงสำคัญอยู่ไหม)

ความเกลียดก็เป็นความทุกข์ชนิดหนึ่ง แต่เรามักจะไม่รู้ตัวว่าเป็นความทุกข์ เพราะเราเป็นฝ่ายเกลียดคนอื่น เป็นฝ่าย “กระทำ” ไม่ได้แปลเป็นภาษาบาลีแล้วเป็นสิ่งที่ต้องห้าม

พระพุทธเจ้ามียาวิเศษสำหรับการขจัดความเกลียด นั่นคือการแผ่เมตตา ดูเผิน ๆ เหมือนว่าเป็นการช่วยคนที่เราแผ่เมตตาให้ แต่อันที่จริงแล้วกลับช่วยผู้ที่แผ่เมตตาเองให้จิตใจสงบเยือกเย็นลง เพราะทำให้เข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกล้วนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น เราก็เลยจะรู้สึกว่า เฮ้ย เรายังไปมัวเสียเวลาเสียสติเกลียดชังเขาอยู่ทำไม

ฝรั่งโดยมากแผ่เมตตาไม่เป็น แต่สิ่งที่เขาทำเป็นคือ empathy (เอ๊มผะถี่) = ความเห็นอกเห็นใจซึ่งมาจากการเอาใจเขามาใส่ใจเรา (ต่างจาก sympathy ซึ่งหมายถึงความเห็นใจธรรมดา โดยไม่ได้รู้สึกคล้อยตามไปด้วย)

มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีอุปนิสัยเห็นแก่ตัว มองทุกอย่างโดยยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดังนั้นเราจึงควรต้องคอยเตือนสติตัวเองให้มี empathy = เห็นอกเห็นใจคนอื่นโดยรู้สึกคล้อยตาม โดยการปรับมุมมองให้มองจากสายตาของคนอื่น

ภาษาอังกฤษมีภาษิตว่า You can’t really know a man until you’ve walked a mile in his shoes. = เราจะไม่สามารถรู้จักใครได้จริง ๆ จนกระทั่งได้เดินหนึ่งไมล์โดยใส่รองเท้าของเขา

ดังนั้นก่อนที่เราจะเกลียดใครหรือดูถูกใคร ก็ลอง put yourself in (his/her) shoes = สมมุติตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ของเขาก่อน แล้วอาจจะเกลียดเขาไม่ลงก็เป็นได้.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
//www.dailynews.co.th/article/42/10345


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:4:01:02 น.  

 
เก็บศัพท์จากหนังดัง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555


ภาพยนตร์เรื่องที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในปีนี้ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงความกล้าหาญและความเสียสละของหญิงเหล็กแห่งเอเชีย ออง ซาน ซูจี ดูแล้วนึกถึงการต่อสู้ของหญิงเหล็กของชาวบ้านกรูดพี่จินตนา แก้วขาว ค่ะ แม้จะต่อสู้กันคนละแบบ คนละบริบท แต่ความกล้าหาญ และความเสียสละ น่าประทับใจ และสมควรแก่การยกย่องเหมือน ๆ กัน หญิงนักสู้อย่างนี้เขาเรียกว่าเป็น heroine เฮ-โระอิน (อ่านออกเสียงเหมือนยาเสพติด heroin แต่เขียนไม่เหมือนกันค่ะ)

คำศัพท์ในเรื่องที่เราได้ยินในข่าวบ่อย ๆ คำว่า house arrest การกักขังให้อยู่ในบ้านของตนเอง เป็นการลงโทษที่ ซูจี ได้รับจากรัฐบาลทหารพม่า She is put under a house arrest. หล่อนถูกกักขังในบ้านตัวเอง รัฐบาลทหารพม่าตัดสินจำคุกเธอเป็นเวลา 15 ปี ยกเลิกการเข้าประเทศของสามี และลูก ๆ ของเธอ ทำให้เธอไม่ได้พบหน้าลูก ๆ และดูใจสามีเป็นครั้งสุดท้าย ในภาพยนตร์ใช้คำว่า sacrifice แซค-ริไฟซ ใช้เป็นคำกริยา หรือ คำนามได้ค่ะ หมายถึง การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ พลีชีพ ในบางบริบทหมายถึง การบูชายัญ นำไปบูชายัญค่ะ

คนจำนวนมากยังเรียกประเทศพม่าว่า Burma อยู่ ประเทศได้เปลี่ยนชื่อเป็น Myanmar หรือเรียกยาว ๆ ชื่อเต็ม ๆ ว่า the Republic of the Union of Myanmar สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ภาษาหรือสัญชาติที่ใช้เรียกว่า Burmese เบอมีส-คนพม่ามีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาคู่กับไทย รบกันบ้าง ดีกันบ้าง แต่น่าแปลกเรารู้เกี่ยวกับประเทศพม่าน้อยมาก ๆ ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะจุดประกายให้เด็ก ๆ น้อง ๆ หลายคน สนใจเกี่ยวกับประเทศพม่าเพิ่มขึ้นนะคะ มีหนังสือแนะนำค่ะ เล่มสั้น ๆ เล็ก ๆ อ่านง่าย ๆ ชื่อ จดหมายจากพม่า อยากให้ลองหามาอ่านดู

จะเขียนเรื่องนี้โดยไม่เขียนคำว่า democracy (ดิมอค-ระซิ) ไม่ได้แน่ คำนี้มาจากรากศัพท์ว่า demo ประชาชน + cracy การปกครอง รวมกันแปลง่าย ๆ คือ การปกครองโดยประชาชน เปลี่ยนเป็นคำสวย ๆ ก็คือ การปกครองระบอบประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ก็มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Democrat Party ในสหรัฐอเมริกาก็มีพรรคการเมืองชื่อเดียวกันนี้เหมือนกันค่ะ

ดิฉันชอบฟังการสัมภาษณ์ ซูจี เพราะเธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี และนี่น่าจะเป็นคุณสมบัติอันสำคัญที่หล่อนหยัดยืนสู้ได้อย่างยาวนานนัก แต่ไม่ใช่แต่หวัง ทำด้วย จึงได้มา หล่อนให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “I don’t believe in people just hoping. We work for what we want. I always say that one has no right to hope without endeavor.” “ฉันไม่เชื่อในคนที่ได้แต่หวัง เราต้องแสวงหา ในสิ่งที่เราต้องการ ไม่มีใครมีสิทธิที่จะหวังได้ โดยปราศจากความบากบั่น”.


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:4:11:42 น.  

 
Scard/scary

“มารศรี ไปกับฉันไหม เอาป้ายไปแจกนักเรียนประท้วงพวกกลุ่มนิติแรดกัน แล้วเอาแบบหนัก ๆ นี่ไปด้วย เผื่อมีโอกาสจะได้ใช้ฟาดหัวพวกนิติแรดได้”

“เอ ปกติไม่เห็นเธอสนใจจะประท้วงอะไรกับเขาสักหน่อย พวกนิติราษฎร์เขาจะออกมาเรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายก็เป็นเรื่องของเขานี่ ทุกคนมีสิทธิคิดอะไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่ได้ออกมาใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่คุกคามใคร It’s a free country. ไม่ใช่หรือ”

“มารศรี เธอไม่ได้อยู่อเมริกาแล้วนะยะ อย่ามาอ้าง free country กับฉัน แต่ถึงไงฉันก็ไม่ได้พูดถึงกลุ่มนิติราษฎร์ ฉันพูดถึงกลุ่มนิติแรด... เธอไม่รู้จักหรอก เป็นนักเรียนหญิงที่โรงเรียนฉันเองแหละ ออกมาเยิ้ว ๆ เรียกร้องสิทธิที่จะใส่กางเกงไปเรียนหนังสือเพราะอ้างว่ามีนักเรียนชายโรคจิตชอบแกล้งไปเปิดกระโปรงพวกเธอตอนเผลอ”

“อ้าว เธอก็จับนักเรียนชายนั่นมาลงโทษสิ”

“จะได้ไง นักเรียนชายกลุ่มนั้นเป็นลูกคนใหญ่คนโต ขืนไปจับโรงเรียนก็ซวยสิ โยนความผิดให้พวกประท้วงดีกว่า คนไทยชอบเบื่อความวุ่นวายอยู่แล้ว พวกเราก็เลยเรียกนักเรียนหญิงกลุ่มนั้นว่านิติแรด คนนอกแค่ได้ยินชื่อจะได้รู้สึกหมั่นไส้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องดูเนื้อหาสาระให้ยุ่งยาก ใครถามเราก็บอกว่าพวกนี้ต้องการล้มเลิกประเพณีไทยอันดีงาม เป็นพวกนอกคอก เนรคุณต่อบรรพชนที่อุตส่าห์ออกแบบเครื่องแบบสวยงามมาให้ใส่ เธอว่าไง แผนฉันเจ๋งมั้ย”

“เอ่อ I just realized what a scary person you are.”

“แหม ฉันไม่กลัวหรอก ฉันรู้ว่ามีนักเรียนหญิงอีกกลุ่มที่หมั่นไส้พวกนิติแรดอยู่แล้ว ฉันก็เลยจะเอาป้ายพวกนี้ไปให้เขาถือไง ถ้าโชคดีเดี๋ยวก็จะมีการต่อว่าต่อขานกันแล้วอาจจะถึงขั้นฟาดกันด้วยป้ายประท้วง เมื่อนั้นเราก็จะมีเหตุที่จะไล่พวกนิติแรดออกจากโรงเรียน”

“เอ่อ ฉันไม่ได้บอกว่าเธอกลัวนะ ฉันบอกว่าเธอเป็น a scary person = คนที่น่ากลัว scary (สแก๊หรี่) แปลว่าน่ากลัว… ฉันสิ I’m scared of you. = ฉันกลัวเธอ scared (สแกร์ด) แปลว่า กลัว ยังดีนะที่เธอเป็นแค่ครูใหญ่ ถ้าเธอเล่นการเมืองระดับประเทศสงสัยพวกที่ขึ้นชื่อว่าเป็น badass (แบ๊ดแดส) หรือใครที่ว่าแน่ ๆ ร้าย ๆ ทั้งหลายคงจะชิดซ้ายไปเลย”.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ. กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod


credit : dailynews
แต่งกรอบสวยๆ  lozocat


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:32:59 น.  

 
คิดเป็นภาษาอังกฤษ (1)

คุณ “เสาว์” อีเมลมาว่า “สวัสดีค่ะคุณบ๊อบ ดิฉันอ่านคอลัมน์ของคุณในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สนใจหนังสือของคุณ แต่อยากทราบว่าซีดี บรรจุการสอนพูดภาษาอังกฤษ หรือเป็นลักษณะการสนทนา หรือไม่ใช่ สงสัย???? ช่วยตอบทีค่ะ ก่อนการตัดสินใจ ตอนนี้มีความคิดที่จะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้โดยไม่ต้องคิดเป็นไทยก่อนเข้าสู่กระบวนการแปลเป็นภาษาอังกฤษ คิดเป็นอังกฤษไม่ทันน่ะค่ะ หรือคุณบ๊อบมีคำแนะนำที่ดี ๆ ก็พร้อมรับฟังคำแนะนำนะคะ”

ผมได้ตอบไปทางอีเมลแล้วนะครับว่า ซีดีของผมเป็นการสอนพูดภาษาอังกฤษ โดยมีทั้งบทสนทนาที่คุณจะไม่ค่อยได้เจอในตำราแต่อาจจะเจอในชีวิตจริง วิธีการออกเสียงภาษาอังกฤษ และการแนะนำศัพท์สำนวนที่ใช้บ่อย ๆ ในการพูดประจำวันทีนี้ก็มาถึงคำถามว่าทำอย่างไรจึงจะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้โดยไม่ต้องคิดเป็นไทยก่อน

ก่อนอื่นต้องถามว่าคุณจำได้ไหมครับตอนที่คุณเริ่มพูดภาษาคนได้ครั้งแรก ไม่ว่าภาษานั้นจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอื่นตอนที่คุณยังพูดไม่เป็นไม่ได้หมายความว่าคุณคิดไม่เป็นนะครับ สมัยโน้นคุณรู้ว่าความหิวเป็นอย่างไร ความเปียกเป็นอย่างไร ความอร่อยเป็นอย่างไร อะไรเป็นสิ่งที่คุณชอบ อะไรไม่ชอบ ฯลฯ แต่วิธีเดียวที่จะสื่อกับผู้ใหญ่ก็คือการร้องไห้หรือหัวเราะ

ตอนนั้นคุณยังไม่เข้าใจว่าภาษาคืออะไร จึงไม่คิดด้วยซ้ำไปที่จะใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด จนกระทั่งวันหนึ่งคุณถึงบางอ้อ เข้าใจว่าเสียงนี้หมายถึงสิ่ง (หรือคน) นี้ และคุณก็เริ่มพยายามหัดพูดคำแรก และเมื่อเห็นผู้ใหญ่ตื่นเต้นกันคุณก็พยายามพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ

พอคุณเติบใหญ่ขึ้น คุณก็ใช้ภาษาได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ กฎกติกาของภาษานั้นแทรกซึมเข้าไปในหัวสมองโดยอัตโนมัติ (เพราะเซลล์สมองของมนุษย์พัฒนารวดเร็วที่สุดในช่วง 2 ปีแรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าเด็กไม่รู้เรื่องอะไร แต่จริง ๆ แล้วเด็กวัยนั้นจะสังเกตทุกอย่าง ซึมซาบทุกอย่าง) จนกระทั่งไม่สามารถแยกความคิดออกจากภาษาได้ แม้ว่าจะคิดในใจ คุณก็คิดเป็นภาษา

ทีนี้พอคุณเริ่มเรียนภาษาที่สอง คุณจะทำอย่างไรดีกับภาษาแรก จะต้องคิดผ่านมันก่อนหรือว่าข้ามมันไปได้เลย คราวหน้าเรามาดูกันต่อนะครับ.


คิดเป็นภาษาอังกฤษ (2)
คราวที่แล้วคุณ “เสาว์” ถามว่าทำอย่างไรจึงจะคิดเป็นภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน คราวที่แล้วยังตอบไม่จบ ดังนั้นวันนี้เรามาดูต่อนะครับ

ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการคิดเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งจะช่วยให้เราถ่ายทอดความคิดได้ดีกว่าปกติหรือไม่

เพราะอย่างตัวผมเอง ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยคิดเป็นภาษา เพราะตอนเด็กไม่เคยมีใครบอกว่าปกติคนเราจะคิดเป็นภาษา ผมก็เลยชอบคิดเป็นนามธรรมมากกว่า แล้วใช้ภาษาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความคิดกับการถ่ายทอด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกถ่ายทอดเป็นภาษาอะไร

ถ้าคุณ bilingual = พูดได้สองภาษาเก่งพอๆ กัน ก็จะทราบว่ากระบวนคิดและวิธีการถ่ายทอดจะแตกต่างไปตามภาษาที่เลือกใช้ เช่นเวลาคุณเพิ่งรู้จักคนไทยเป็นครั้งแรกแล้วคุยกันเป็นภาษาไทย ส่วนมากจะต้องพูดอย่างระมัดระวัง สุภาพเรียบร้อย เป็นทางการ แต่ถ้าใช้ภาษาอังกฤษ คุณจะสามารถเป็นกันเองและแสดงความคิดเห็นได้เปิดเผยมากกว่า

ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าความแตกต่างนี้เป็นเพราะความถนัดเฉพาะตัวหรือเป็นเพราะความแตกต่างระหว่างภาษาจริง ๆ ซึ่งว่าไปแล้วก็มีเหตุผล เพราะภาษาเป็นสิ่งสะท้อนวัฒนธรรม ดังนั้นเวลาเราใช้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษย่อมจะรู้สึกแตกต่างกัน เพราะทั้งสองภาษาเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

เช่น ภาษาไทยจะมีเครื่องบ่งบอกสถานะทั้งโดยสัมพัทธ์และโดยสมบูรณ์ของผู้พูดและผู้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่งกับบุรุษที่สอง (กู-มึง คุณ-ผม เอ็ง-ข้า เรา-นาย ฯลฯ) คำสุภาพกับไม่สุภาพ (รับประทาน-กิน-แดก ฯลฯ) การใช้หางเสียง (ครับ-คะ-วะ ฯลฯ) ราชาศัพท์ ฯลฯ ในขณะที่ภาษาอังกฤษไม่ค่อยบ่งบอกสถานะหรือชนชั้นวรรณะในตัวเอง นอกจากจะใช้คำเฉพาะ
นอกจากนั้นแต่ละภาษายังให้ความสำคัญต่อเวลาที่แตกต่างกัน เช่นภาษาอังกฤษจะมี tenses ระบุชัดว่ากริยาเกิดขึ้นเมื่อไร ในขณะที่ภาษาไทยไม่มี
วิธีที่ดีที่สุดในการฝึกคิดเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งคือการไป

immerse ตัวเอง หรือเอาตัวเองไป “แช่” อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ใช้ภาษานั้นสัก 3-4 ปี ทางที่ดีควรทำตั้งแต่ก่อนวัยรุ่น เพราะหลังจากนั้นเส้นทางประสาทในสมองคุณก็จะแข็งเกินกว่าที่จะฝึกได้ง่าย ๆ แล้วครับ.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรีส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod

credit : dailynews
แต่งกรอบสวยๆ  lozocat


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:48:27 น.  

 
เก็บศัพท์จากหนังดัง วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555

The Lady เดอะ เลดี้

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของนักร้องคุณภาพ Whitney Houston วิทนีย์ ฮูสตัน ที่เป็นตำนานของวงการเพลง หลายคนคงเคยได้ฟังเพลง I Will Always Love You พลังเสียงของเธอเหลือล้นจริง ๆ ค่ะ เสียดายที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่มาก

สัปดาห์นี้กลับมาที่ภาพยนตร์เรื่องของสตรีเหล็กคนดัง ออง ซาน ซู จี และหลายฝ่ายกำลังเป็นกำลังใจให้เธอในการต่อสู้อันยาวนาน คำศัพท์แรกจากเรื่อง witness สิ่งที่เราเห็นมักจะมีอิทธิพลต่อเรามากกว่าที่เราคิด ชีวิตของสตรีเหล็กผู้นี้เห็นพ่อ ที่เคยเป็นนายพลที่ช่วยทำให้พม่าเป็นอิสระ เห็นครอบครัว เห็นประเทศของตนเปลี่ยนแปลงไป ศัพท์คำนี้เป็นได้ทั้งคำนาม และ กริยาค่ะ อ่านว่า วิท-เน็ซ พยาน ผู้เห็น เป็นพยาน ลงนามเป็นพยาน หรือหมายถึง ดู เห็น We will never forget the scene we witnessed during the war. พวกเราจะไม่มีทางลืมภาพที่ได้เห็นระหว่างสงคราม ประโยคนี้ใช้ witness เป็นคำกริยาค่ะ They tried to influence the witness. พวกเขาพยายามจะมีอิทธิพลเหนือพยาน witness ในประโยคนี้ใช้เป็นคำนามค่ะ แต่ซู จีไม่ได้เพียงแต่ witness เพียงแต่ได้เห็นเท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเข้าไปมีส่วนร่วม take part in - She has been taking part in building her country’s democracy. หล่อนเข้าไปมีส่วนร่วมในการนำชาติไปสู่ประชาธิปไตย หรือจะพูดให้ถูกหล่อนไม่ใช่แค่ร่วม แต่หล่อน lead อ่านว่า ลีด หมายถึง นำ นำทาง จนกลายเป็นผู้นำ leader เพื่อการนำชาติไปสู่ความเป็นอิสระ

devote (ดิโฝท-) สำหรับการเสียสละครั้งใหญ่ของซู จี ใช้คำนี้ ที่แปลว่า สละ อุทิศเวลา กาย ใจ มีใจจดจ่อ จงรักภักดี คำนี้เหมาะสมกว่า คำนี้มาจากรากศัพท์ว่า de- ดึงออกมา นำออกมา vote มาจากรากศัพท์เดิมคือ vow คำสาบาน คำว่า vote ที่เราใช้กันในความหมายว่าเลือกตั้ง เลือกตัวแทน เลือกโดยดูที่คะแนนเสียงส่วนมาก

ดิฉันได้รับคำถามว่า ในข่าวได้ยินผู้ประกาศใช้คำว่า dialogue เมื่อดูข่าวหรือสัมภาษณ์ออง ซาน ซู จี สงสัยว่าหมายถึงอะไร คำนี้เขียนได้สองแบบค่ะ dialogue หรือเขียนแบบอเมริกันว่า dialog อ่านออกเสียงเหมือนกันค่ะ ได-อะล็อก ใช้เป็นคำนาม ในห้องเรียนภาษาอังกฤษเราได้ยินคำนี้บ่อย ๆ แต่นั่นหมายถึง บทสนทนาระหว่างกัน มาจากรากศัพท์เดิม dia- แปลว่า ระหว่างกัน log คือการพูดคุย แต่ในทางการบ้านการเมืองนั้นคำนี้ หมายถึง การพูดคุยหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างกลุ่มคน รัฐบาล หรือพรรคการเมือง เป็นสิ่งที่หญิงเหล็กของเราอยากให้มี เพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมแก้ไข และหาข้อสรุปร่วมกัน

เอาไว้อ่านขำ ๆ ในเดือนแห่งความรักนะคะ ว่ากันว่าคนเราที่ยิ่งรักมากก็ยิ่งโง่มาก รักก็เหมือนนาฬิกาทราย ยิ่งหัวใจเต็มไปด้วยรัก สมองก็จะยิ่งว่างเปล่า

“Love is like an hourglass, with the heart filling up as the brain empties.”.

//www.dailynews.co.th/entertainment/12721


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:52:22 น.  

 
▷▷Martyr

“มารศรีจะไปฉลองวันแห่งความรักที่ไหนจ๊ะ”

“สำหรับฉัน ทุกวันเป็นวันแห่งความรักอยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้องฉลองเป็นพิเศษ แล้วเธอล่ะ”

“เอ่อ ฉันบอกแฟนฉันว่าอยากไปกินข้าวชมวิวจากที่สูง ๆ เขาก็เลยจะพาไปภูเขาทอง”

“ดีแล้วหละเธอ รักแท้กินร้านถูก ๆ ก็ได้ เทศกาลนี้เขาคิดขึ้นมาหลอกเอาเงินคนที่ตา
มืดมัวด้วยความรัก ไม่จำเป็นต้องไปฉลองที่แพงๆ หรอก”

“อ้าว ฉันเคยอ่านว่ามีนักบุญชื่อวาเลนไทน์ที่ปกปักรักษาคนที่มีความรักหรืออะไรทำนองนั้นไม่ใช่เหรอ”

“นักบุญชื่อ Valentine น่ะมีหลายคน เฉพาะที่เป็น martyrs โดนประหารเพราะความเชื่อก็สิบกว่าคนแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่ามีคนไหนที่เป็นนักบุญแห่งความรัก สมัยโบราณก่อนยุคกลางฝรั่งก็ไม่ได้กำหนดให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันไหน ๆ เป็นวันแห่งความรัก”

“ก็ช่างเถอะ ในเมื่อตอนนี้มีแล้วก็ฉลองมันซะหน่อย แล้วจริงเหรอที่ว่านักบุญโดนประหารเพราะความเชื่อน่ะ เธอใช้คำว่าอะไรนะ ถ้ายอมตายเพื่อความรักคงโรแมนติกดีเนอะ”

“เขาเรียกว่า martyr (ม้าร์เถ่อร์) จ้ะ แปลว่าคนที่ตายเพื่อสิ่งที่ตนเชื่อ โดยมากจะใช้ในบริบทของศาสนา อย่างพวกนักบุญที่ฉันพูดถึงนั่นอยู่ในอาณาจักรโรมันซึ่งนับถือเทพเจ้ามากมายและมองว่าพวกคริสเตียนเป็นพวกกระด้างกระเดื่อง ชาวคริสต์ก็เลยโดนจับไปลงโทษ ถ้าโดนประหารก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็น martyr ในสายตาคนที่นับถือศาสนาเดียวกัน ถ้าไม่ตายก็เป็น saint (เซ่นท) = นักบุญ ซึ่งขลังน้อยกว่า martyr โดยมีเงื่อนไขเพียงว่าต้องมีคนรับรองว่าท่านได้ perform a miracle (เพอร์ฟอร์มหมะเมี้ยรขึ่ล) = ก่อปาฏิหาริย์ ไม่ได้จำเป็นต้องยอมตายเพราะความเชื่อ”

“แค่ความเชื่อต่างกันเนี่ยนะถึงกับเอาไปประหาร ทำไมคนโบราณโหดจัง”

“ก็ความเชื่อนี่แหละสำคัญที่สุด การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ล้วนเริ่มจากความคิดหรือความเชื่อที่ท้าทายระบบอำนาจในขณะนั้น ถ้ารัฐไม่มีเมตตา ใช้แต่อำนาจเล่นงานคนที่คิดต่าง อย่างที่อาณาจักรโรมันหรือประเทศคอมมิวนิสต์ทำกัน คนที่คิดต่างก็อาจกลายเป็น saint หรือ martyr ไป blowback ที่ตามมาก็อาจจะแรงขึ้นโดยไม่ตั้งใจ”.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod

▷▷ Awesome
คุณ Wes อีเมลมาว่า “ที่บ้านผมรับเดลินิวส์เป็นประจำและผมกับลูก ๆ ก็เป็นแฟนคอลัมน์ของคุณด้วยครับ ผมสงสัยในความหมายของคำว่า awesome ซึ่งพบทั้งในภาพยนตร์และหนังสือ รวมทั้งใน YouTube ใน website ต่าง ๆ ผมเดาความหมายเอาตามประโยคที่เห็น คิดว่าคงถูกบ้าง ผิดบ้าง ผมอยากให้คุณบ๊อบช่วยกรุณานำไปอธิบายความหมายของคำนี้ในคอลัมน์ได้ไหมครับ เพราะอยากทราบว่าในความหมายปกติธรรมดาที่นิยมใช้กัน กับในความหมายที่เป็น slang หรือในความหมายอื่น ๆ ที่เป็นการเน้นย้ำบุคคลหรือสิ่งของหรือสถานการณ์อะไรก็แล้วแต่…”

Awesome (อ๊อสั่ม) จริงๆ แล้วแปลว่า น่าทึ่งปนน่าเกรงขาม ครับ สิ่งที่ awesome นั้นต้องยิ่งใหญ่ น่ายำเกรงและน่าชื่นชม เพราะมาจาก awe (ออ) ซึ่งแปลว่า ความรู้สึกทึ่ง เกรงขาม ยำเกรง

เช่นสมมุติว่าคุณยืนอยู่ที่ตีนเทือกเขาหิมาลัยแล้วมองขึ้นไปก็อาจกล่าวได้ว่า It was an awesome sight. = มันเป็นภาพที่น่าทึ่งน่าเกรงขาม

หรือถ้าคุณไปเจอเผ่าคนป่าที่ไม่รู้จักวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีแต่พูดภาษาอังกฤษได้ แล้วคุณสำแดงอิทธิฤทธิ์โดยสาธิตการใช้ปืน พวกเขาก็อาจจะคุกเข่ากราบไหว้คุณแล้วพึมพำในหมู่กันเองว่า He has awesome powers. = เขามีพลังที่น่าทึ่งน่าเกรงขาม

จริง ๆ แล้ว awesome ควรเก็บไว้ใช้ในโอกาสที่พิเศษ

จริง ๆ เพราะเราคงไม่ได้เจออะไรบ่อย ๆ ที่ทำให้เราอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง แต่ในทางปฏิบัติ awesome กลับเป็นคำที่ติดปากคนอเมริกันมากที่สุดคำหนึ่ง จนติดอันดับคำที่พึงเนรเทศของ Lake Superior State University ประจำปี 2527 และอีกทีในปี 2550

ความหมายในเชิงสแลงของมันคือ สุดยอด ยอดเยี่ยม ใช้เวลาต้องการแสดงความปลาบปลื้มชื่นชมอย่างมาก เช่น “That slam dunk was awesome!” = การโดดขึ้นไปยัดห่วงนั้นสุดยอดเลย

ก็อย่างว่าแหละครับ อะไรก็ตามที่ใช้พร่ำเพรื่อย่อมคลายความพิเศษ เมื่อเวลาผ่านไป awesome ก็กลายมาเป็นคำที่ใช้แสดงความชื่นชมกับอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน เช่น This fried rice is awesome. = ข้าวผัดนี่สุดยอด You’re no longer constipated? That’s awesome. = คุณหายท้องผูกแล้วเหรอ ดีจังเลย.

▷▷..ยิ่งใหญ่แต่ไม่ยืนยง

ก็ตะลึงกันทั่วโลกนะครับเมื่อ Whitney Houston นักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ดวงดับจากโลกไปด้วยวัยก่อนสมควร ตามหลัง Michael Jackson และ Amy Winehouse ผู้ยิ่งใหญ่แต่ไม่ยืนยง

ทุกคนคงจำได้ว่ารู้สึกอย่างไรครั้งแรกที่ได้ยิน Whitney เค้นเพลง I Will Always Love You ออกมาจากวิญญาณทุกอณูของเธอ บันดาลใจให้นักร้องคาราโอเกะทั่วโลกนำเพลงนี้ไปเชือดคืนแล้วคืนเล่าจนเราแทบจำไม่ได้ว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเพลงนี้เคยไพเราะกระชากวิญญาณขนาดไหน

หลายคนไม่ทราบว่าเพลงนี้เดิมทีเป็นเพลง country = ลูกทุ่ง ประพันธ์โดยสาวสวยผมทองปอดใหญ่เสียงเล็ก Dolly Parton (ผู้สร้างสวนสนุก Dollywood ในรัฐเทนเนสซี)

ตอนที่เป็นเพลงลูกทุ่งก็เป็นเพลงที่มีเทคนิคการร้องแบบเรียบ ๆ (ผิดกับหน้าอกของผู้แต่ง) ไม่ได้มีการแสดงการเปล่งเสียงแบบผาดโผนแต่อย่างใด (การเปล่งเสียงแบบผาดโผนในเพลงลูกทุ่งอเมริกันมักจะออกมาในรูปแบบ yodeling ซึ่งผมอธิบายไม่ถูก แต่ถ้าคุณติดตามผมทาง Twitter ผมจะส่งตัวอย่างไปให้ฟัง) แต่พอ Whitney นำไปร้องตามสไตล์อันเลียนแบบยากของเธอ ปรากฏว่าแบบฉบับ soul ของเธอโด่งดังยิ่งกว่าต้นฉบับ กลายเป็น monster hit ที่แทบทุกคนในโลกรู้จัก

Monster (ม๊อนสเต่อร์) ปกติเรารู้จักในความหมาย สัตว์ประหลาด (เช่น Godzilla is a monster who destroys Tokyo for fun. = ก๊อดซิลล่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ชอบทำลายโตเกียวเพื่อความสนุก)

และถ้าคุณเคยดูหนังเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิตก็อาจจะเคยเจอคำนี้ในอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือ คนที่โหดร้ายผิดมนุษย์มนา เช่น He’s a monster who enjoys nothing more than using his wife for a punching bag. = เขาเป็นคนใจยักษ์ที่ไม่ชอบอะไรไปมากกว่าการใช้ภรรยาเป็นกระสอบทราย

แต่ในเชิงสแลง monster ยังมีความหมายว่า มหึมา ยิ่งใหญ่ ใหญ่ยักษ์ ได้ด้วย เช่น monster hit ก็ไม่ได้หมายถึงเพลงฮิตธรรมดา แต่ฮิตชนิดระเบิดเถิดเทิง พี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายายร้องได้หมด

ส่วนคำว่า giant (จ๊ายหยั่นท) ที่มักจะแปลว่า ยักษ์ ก็ใช้ในบริบทนี้ได้ เช่น giant hit

แต่ในบางบริบท การแปล ยักษ์ เป็น giant ก็ไม่เหมาะ เช่นถ้าคุณพยายามจะบอกว่า แม่ใจยักษ์ แล้วพูดว่า giant-hearted mother ก็จะไม่มีใครเข้าใจคุณ และในสังคมฝรั่งถ้าเรียกใครว่าเป็น giant ก็จะถือว่าเป็นคำชม เช่น He’s a giant in his field. = เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสาขาวิชาของเขา.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
credit //www.dailynews.co.th/article/42/12741


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:00:51 น.  

 
เจ๊ก (1)

ที่อเมริกาถ้าคุณเป็นแฟนกีฬา (หรือเพียงชอบนั่งอืดในเก้าอี้นวมตัวสบายพลางจินตนาการว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีมกีฬาที่โปรดปราน) ช่องเคเบิลที่คุณต้องสมัครคือ ESPN (ย่อจาก Entertainment and Sports Programming Network = เครือข่ายรายการบันเทิงและกีฬา)

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยักษ์ใหญ่ ESPN โดนสื่ออื่นจับมาเตะรอบวงโทษฐานนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ Jeremy Lin โดยพาดหัวด้วยคำที่เหยียดหยามชาวจีน

สำหรับท่านที่ไม่ได้ตามข่าว Jeremy Lin เป็นนักบาสทีม New York Knicks ผู้โด่งดังแทบจะชั่วข้ามคืน เพราะเป็นสิ่งที่หายากยิ่งใน NBA (National Basketball Association) นั่นคือเป็นคนเอเชียที่เก่งกาจปราดเปรื่องในการยิงลูกลงห่วง

นักบาส NBA ส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำ ตามด้วยผิวขาว แต่คนเอเชียที่เป็นนักบาสอาชีพก็มีเพียง Yao Ming เจ้าของความสูง 2.29 เมตร ซึ่งปัจจุบันก็แขวนรองเท้าไปแล้ว

ส่วน Jeremy Lin ก็ไม่ได้สูงมากมาย แค่ 1.90 เมตร ตำแหน่งก็เป็น point guard ไม่ใช่ center แต่ฝีมือส่อแววตั้งแต่เล่นบาสให้ทีมมหาวิทยาลัย Harvard แล้ว มาดังระเบิดก็ตอนที่ทำให้ the Knicks
ชนะรวดเจ็ดเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยพลิกเกมจากแพ้เป็นชนะอย่างไม่น่าเชื่อ

ความแพรวพราวของ Lin ในสนามบาสทำให้แฟน ๆ พากันคลั่งไคล้ Lin ชนิดที่ว่าถ้าเป็นเมืองไทยก็คงเรียกว่า “ลินฟีเวอร์” ไปแล้ว แต่ฝรั่งเรียกว่า Linsanity (เป็นการจับนามสกุลของเขาไปผสมกับ insanity = ความบ้าคลั่ง ซึ่งมักใช้ในภาษาสแลงหมายถึง ความไม่น่าเชื่อ)

หลังจากชนะเจ็ดเกมรวด the Knicks ก็มาพ่ายต่อ New Orleans Hornets ทำให้ ESPN พาดหัวข่าวยิงไปตามมือถือว่า Chink in the Armor

แม้ว่าสหรัฐจะให้สิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการพูดและแสดงความเห็น แต่บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด เช่นคำดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติอย่างคำว่า chink (ชิ่งค) = ไอ้เจ๊ก

ความฮือฮานั้น went viral (go viral = แพร่ขยายทางอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว) ไปทาง Twitter ทำให้ ESPN ต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณะและสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก

พาดหัวที่ว่านี้เป็นการเล่นคำ โดยใช้สำนวนซึ่งใช้ chink ในอีกความหมายหนึ่ง.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรีส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▶▷//www.dailynews.co.th/article/42/13529


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:31:34 น.  

 
เจ๊ก (2)

Chink ถ้าใช้ในเชิงสแลงจะเป็นคำไม่ดี นั่นคือเป็นคำดูถูกเหยียดหยามที่ใช้เรียกชาวจีน ถ้าจะเป็นภาษาไทยก็คงเทียบเท่ากับ “ไอ้เจ๊ก”

คนอเมริกันก็คงจะเหมือนกับชาติอื่นแหละครับ ที่มักมองว่าชาติตัวเองดีกว่าเพื่อน ไม่เหมือนใคร จนเกิดศัพท์ทางวิชาการขึ้นมาว่า American exceptionalism = ความเชื่อว่าอเมริกาเป็นข้อยกเว้น มีความพิเศษในตัวเองที่ประเทศอื่นไม่มีวันเหมือนได้ ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายกฎกติกาต่าง ๆ ที่ประเทศอื่นต้องปฏิบัติตาม

แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วคนอเมริกันจำนวนมาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด้อยการศึกษา) ก็เหมือนกับชาติอื่น ๆ ในด้านความคับแคบของจิตใจ รวมทั้งความหวาดระแวงหรือดูถูกคนเชื้อชาติที่ต่างจากตน

ไม่ใช่ว่าผิวขาวแล้วจะไม่โดนดูถูกนะครับ ชาวไอริชหรือชาวอิตาเลียนที่หลั่งไหลมาอเมริกายุคแรก ๆ ก็โดนเหมือนกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาษาสแลงอเมริกันจะอุดมไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติอื่น

การที่ ESPN พาดหัวข่าวว่า Chink in the Armor อาจ
มองได้ว่าเป็นการเหยียดหยามความเป็นจีนของ Jeremy Lin โดยนำคำว่า chink เสนอในบริบทของสำนวนที่ใช้คำนี้ในความหมายอื่น เพื่อที่จะเป็นข้ออ้างว่าไม่ได้ตั้งใจดูถูก สำนวนมันพาไปเอง

Chink ในบริบทของสำนวนนี้ความจริงแปลว่า รอยแตก หรือ จุดโหว่ ส่วน armor (อ๊าร์เหม่อร์) ก็แปลว่า ชุดเกราะ รวมกัน chink in the armor ก็แปลว่า จุดอ่อนในชุดเกราะ

ความจริงถ้า ESPN นำสำนวนนี้ไปใช้กับทีมที่ไม่มีคนจีนเล่นก็อาจไม่มีใครว่าอะไร แต่ในเมื่อ Jeremy Lin เป็นตัวชูโรงของ the Knicks และข่าวชิ้นนั้นออกมาในแนวเย้ยการจบสิ้น winning streak (= การที่ชนะรวดหลาย ๆ เกมติดกัน) ของ the Knicks ก็เลยตีความได้ว่าการพาดหัวเช่นนั้นอาจมีเจตนาลบหลู่ดูแคลนกัน

ถ้าคุณเคยเติบโตท่ามกลางฝรั่งผิวขาวก็อาจเคยโดนล้อในความผิวเหลือง ความตาตี่ ฯลฯ และถ้าเป็นที่อเมริกา คำว่า chink นี่แหละครับ จะเป็นคำที่คุ้นหูมาก หรือไม่ก็ Chinaman ซึ่งก็เป็นคำดูถูกเหมือนกัน แต่ยังแรงน้อยกว่า chink.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 02-616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▷▷//www.dailynews.co.th/article/42/13710


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:4:51:46 น.  

 
เจ๊ก (3)

สมัยโบราณตอนที่ชาวจีนไปอเมริกาใหม่ ๆ คำที่ใช้เรียกพวกเขาคือ Chinaman ซึ่งก็ตรงไปตรงมาดี ทำนองเดียวกันกับ Frenchman หรือ Englishman

แต่วิธีการใช้คำทำให้ Chinaman กลายเป็นคำที่มีนัยดูถูก เพราะชาวจีนสมัยโน้นไม่ได้เดินทางไปอเมริกาอย่างเต็มภาคภูมิเฉกเช่นชาวอังกฤษหรือชาวฝรั่งเศส แต่ไปในฐานะกรรมกรสร้างทางรถไฟในรัฐแคลิฟอร์เนียช่วง the Gold Rush = ยุคตื่นทอง คุณผู้อ่านที่เคยดูหนังเช่น Shanghai Noon หรือ Kung Fu หนังทีวีจากเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ก็คงพอเห็นภาพว่ากรรมกรชาวจีนในยุคนั้นมีความเป็นอยู่อย่างไร

สิ่งหนึ่งที่คุณอาจจะจำได้คือชาวจีนสมัยนั้นเป็นที่ดูถูกดูแคลนโดยคนผิวขาวอย่างมาก ในแคลิฟอร์เนียไม่มีระบบทาส เพราะเป็นดินแดนที่บุกเบิกใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความรังเกียจเชื้อชาติจะไม่ไปถึง

สมัยนั้นชาวจีนเป็นที่รังเกียจแค่ไหนก็ดูได้ง่าย ๆ จากที่ชาวเม็กซิกันได้ค่าแรงถูกกว่าคนขาว แต่ชาวจีนได้ค่าแรงครึ่งเดียวของชาวเม็กซิกัน โดยยอมทำงานอันตรายที่แม้แต่ชาวเม็กซิกันก็ไม่ทำ เช่นการระเบิดหินภูเขา

ปัจจุบันเราเรียกงานประเภทนี้ว่างาน 3D ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสามมิตินะครับ แต่ย่อมาจาก dirty, dangerous, demanding = สกปรก อันตราย หนัก แต่ไม่ว่าจะสมัยนั้นหรือสมัยนี้ คนที่ทำงานชนิดนี้ก็ยังเป็นคนต่างชาติหรือต่างภูมิภาคที่มีทางเลือกน้อยในการแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจ

ชีวิตของชาวจีนในสมัยนั้นทำให้เกิดสำนวน Chinaman’s chance ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสน้อยมาก เป็นสำนวนที่สมัยนี้ไม่นิยมใช้กันเพราะ Chinaman กลายเป็นคำที่ไม่สุภาพไปแล้ว

เหตุผลที่ใช้สำนวนนี้เปรียบเทียบกับสิ่งที่มีโอกาสน้อยอาจจะเริ่มต้นมาจากการใช้ชาวจีนทำงานระเบิดภูเขา ซึ่งสมัยโน้นเป็นงานที่มีความเสี่ยงตายสูง

แต่โอกาสน้อยนิดของชาวจีนในสำนวน Chinaman’s chance เห็นชัดที่สุดในคดีที่มีชาวจีนถูกคนขาวฆ่า แต่ศาลสูงสุดของรัฐยกฟ้องคดีด้วยเหตุผลว่าปากคำพยานหลักฐานทั้งหมดมาจากชาวจีน จึงเชื่อถือไม่ได้ บ่งว่าชาวจีนสมัยนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะได้รับความยุติธรรมขั้นพื้นฐาน.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรีส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ.สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▶▶//www.dailynews.co.th/article/42/13868


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:1:13:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.