ดอกไม้ไฟ-พลุ และลูกโป่งวิทยาศาสตร์ ของอันตรายสำหรับเด็ก
เด็กกับ 2 มหาภัยปีใหม่! อันตรายที่พ่อแม่ควรอ่าน
เมื่อพูดถึงเทศกาลปีใหม่ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่หลาย ๆ ครอบครัวจะได้ลั้นลากันอย่างเต็มที่ หลังจากใช้เวลาเคร่งเครียดกับงานมาตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเดินสายพักผ่อนตากอากาศ หรือรวมตัวสังสรรค์ตามประสาครอบครัว และคนบ้านเดียวกัน แต่ในความสุขและความสนุกนั้น คงต้องยอมรับด้วยว่า อาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะภัยที่มากับความสนุกอย่างพลุ-ดอกไม้ไฟ รวมทั้งลูกโป่ง ที่ถึงแม้จะเป็นภัยเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นในปีผ่าน ๆ มา แต่ก็ยังแฝงความน่ากลัว และอันตรายไม่เคยเปลี่ยน วันนี้ทีมงาน Life and Family จึงมีข้อเตือนภัยจาก รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มาฝากกัน พลุ-ดอกไม้ไฟ ภัยเดิม ๆ ที่ยังน่ากลัว เริ่มจาก พลุ และดอกไม้ไฟ นับเป็นสีสันในเกือบทุกเทศกาลที่แฝงไปด้วยภัยต่าง ๆ มากมาย เพราะถือเป็นวัตถุอันตรายในหมวดหมู่ของวัตถุระเบิดชนิดหนึ่งที่ส่วนประกอบของพลุและดอกไม้ไฟสามารถใช้ทำเป็นวัตถุระเบิดได้แทบทั้งสิ้น แถมยังใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
โดยการศึกษาในประเทศไทย พบผู้บาดเจ็บรุนแรงจากการถูกเปลวสะเก็ดดอกไม้ไฟ หรือ พลุ ที่มือมากที่สุดถึงร้อยละ44.4 ในจำนวนนี้มีกระดูกนิ้วมือแตกหรือหัก ร้อยละ 25.0 รองลงมาคือ บาดเจ็บที่ศีรษะ และใบหน้า ร้อยละ14.3 ในจำนวนนี้มีการบาดเจ็บที่ตา และรอบ ๆ ดวงตาร่วมด้วยร้อยละ 44.4 ส่วนร้อยละ 28.6 มีแผลไหม้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่ - ควรสอนเด็กให้รู้ถึงภัยร้ายของบรรดาดอกไม้ไฟ-พลุ-ประทัด และห้ามให้เด็กเล่นโดยเด็ดขาด - ช่วยกันสำรวจชุมชน ตลอดจนร้านค้าละแวกบ้านให้ดีด้วย ซึ่งหากพบเห็นการวางขายทั่วไปโดยไม่มีใบอนุญาตที่ชัดเจน สามารถแจ้งตำรวจ หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้เลย เพราะเป็นการขายที่ผิดกฎหมาย - ผู้ใหญ่เองเวลาเล่น ห้ามจุดพลุ หรือดอกไม้ไฟบริเวณใกล้สายไฟ อาคารบ้านเรือน สถานีบริการน้ำมัน ถังเชื้อเพลิง วัตถุไวไฟ - พ่อแม่ที่เห็นใครก็ตามเล่นใกล้ที่อันตรายดังกล่าวต้องพาลูกออกห่างทันที การระเบิดหลายครั้งมักเกิดขึ้นเพราะจุดไฟซ้ำในพลุ และดอกไม้ไฟที่ไม่ทำงาน ผลก็คือ ระเบิดตู้มจนบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน
ลูกโป่งหลากสี..สนุกนี้มีอันตราย อย่างไรก็ดี นอกจากอันตรายจาก พลุ และดอกไม้ไฟแล้ว ยังมีอีกอย่างที่ รศ.นพ.อดิศักดิ์ เป็นห่วง นั่นก็คือ ลูกโป่งหลากสี ของเล่นในงานปาร์ตี้ที่ดูเหมือนจะไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรมากนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่า หากพ่อแม่ละเลย หรือไม่ทันได้ระวัง อาจทำให้ลูกได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตได้ อันตรายข้างต้นนี้ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก เผยว่า ลูกโป่งในบ้านเรายังมีบางร้านที่อัดด้วยก๊าซไวไฟ เรียกว่าไฮโดรเจน เนื่องจากมีราคาถูกกว่าลูกโป่งที่อัดก๊าซไม่ไวไฟ หรือฮีเลียม ดังนั้นหากประกายไฟจากไม้ขีดไฟ ไฟแช็ก เทียน บุหรี่ หรือแม้แต่ไปสัมผัสโดนหลอดไฟนีออน ก็สามารถติดไฟ และระเบิดโป้งป้างขึ้นได้อย่างไม่รู้ตัว ส่วนภัยของลูกโป่งอีกรูปแบบหนึ่งนั้น รศ.นพ.อดิศักดิ์ เตือนว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังเศษของลูกโป่งที่แตกแล้วด้วย เพราะมีรายงานจากสหรัฐอเมริการะบุว่า ในปี ค.ศ.1977-2001 เด็ก ๆ เสียชีวิตเพราะเศษลูกโป่งเข้าไปอุดตันในหลอดลมถึง 110 ราย หรือประมาณ 4 คนต่อปี เนื่องจากเก็บเอาไปเคี้ยวเล่น ดึงยืดเพื่อดูดให้เป็นรูบุ๋ม หรือเป่าให้เป็นลูกเล็ก ๆ โป่งออกมา จนพลาดสำลักเข้าไปติดในหลอดลม ดังนั้นเมื่อใช้ลูกโป่งเล่น หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เสร็จสิ้น ควรเก็บเศษของลูกโป่งในทันที ข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่ - ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบเล่นเป่าลูกโป่ง (ผู้ใหญ่ควรเป่าให้เด็ก ๆ แทน) ส่วนเด็กที่มีอายุเกิน 8 ขวบ ที่เพิ่งหัดเป่า ผู้ใหญ่ก็ควรแนะนำอย่างใกล้ชิด - เก็บเศษลูกโป่งที่แตกหลังเสร็จกิจกรรมทุกครั้ง โดยนำไปทิ้งทันที ก่อนที่เด็กจะเอาไปอม ดูด หรือเป่าเล่นจนพลาดสำลักเข้าไปติดหลอดลม - ควรสอน หรือบอกเด็ก ๆ ว่า ลูกโป่งนั้น แตกได้โดยไม่ยาก ดังนั้นไม่ควรเอามาเล่นใกล้หน้าหรือ ใกล้ตาเป็นอันขาด - ลูกโป่งที่ประดับประดาในงานพิธี หรืองานเทศกาลต่าง ๆ อาจบรรจุด้วยก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นก๊าซต้องห้าม ถ้าไม่แน่ใจก็ต้องอยู่ห่าง ๆ ไว้ด้วย เอาเป็นว่า ปีใหม่นี้ ทีมงานขอให้ทุกบ้านสนุกกับครอบครัวอย่างมีสติ โดยเฉพาะบ้านที่มีลูกเล็ก ควรตระหนักอยู่เสมอว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การช่วยกันดูแล และลดปัจจัยเสี่ยง คือสิ่งที่ทุกบ้านควรให้ความสำคัญ เพราะนอกจากลูกจะปลอดภัยแล้ว ยังทำให้ช่วงเวลาแห่งความสุขไม่สะดุดอีกด้วย
เตือนอันตรายลูกโป่งวิทยาศาสตร์ นายพงษ์ศักดิ์ พันธุ์สวาสดิ์ ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน แจ้งว่า ปัจจุบันมีการจำหน่าย ผลิตหรือสั่งนำเข้าสินค้าที่เป็นของเหลว บรรจุในภาชนะที่เรียกว่า "ลูกโป่งวิทยาศาสตร์" หรือ "ลูกโป่งพลาสติก" ซึ่งมีส่วนผสมของทินเนอร์ และใช้สีที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร เด็กเล็ก ๆ มักชอบซื้อมาเล่น ซึ่งลักษณะการเล่นของเด็กเล็กมักจะนำมาเป่าเป็นลูกโป่งต้องมีการสูดลมหายใจเข้าออกหลาย ๆ ครั้ง ทำให้เด็กเล็กมีโอกาสสูดดมทินเนอร์อันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
สำนักงานเขตบางขุนเทียน ได้จัดทำประกาศเตือนประชาชน ผู้ปกครอง เด็กนักเรียนหรือผู้ประกอบการอย่าซื้อหรือขายสินค้าดังกล่าว ทางสำนักงานเขตฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการวางจำหน่ายสินค้าดังกล่าวบริเวณหน้าโรงเรียนในพื้นที่เขตฯ หากมีการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 56 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ผู้ขายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีเป็นการกระทำของผู้ผลิต ผู้สั่งผู้นำเข้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบเห็นการซื้อขายหรือแหล่งผลิต โปรดแจ้ง ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตบางขุนเทียน โทร. 0-2415-1694, 0-2415-0157.
ที่มา //www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000183969
Create Date : 31 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 31 ธันวาคม 2553 15:39:49 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2251 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มิ้นท์ IP: 183.89.230.110 วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:17:45:11 น. |
|
|
|
โดย: มิ้นท์ IP: 183.89.230.110 วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:17:45:57 น. |
|
|
|
|
|
ชอบค่ะ