ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
เตือนโจ๋ชะโลมเบบี้ออยล์ถุงยางกันฝืดเสี่ยงแตก

เตือนโจ๋ชะโลมเบบี้ออยล์ถุงยางกันฝืดเสี่ยงแตก



อึ้ง! วัยรุ่นแห่ใช้เบบี้ออยล์ทาถุงยางแทนสารหล่อลื่น เหตุถุงยางราคาถูก คุณภาพต่ำ ไร้สารหล่อลื่น ชี้ ใช้ผิดวิธีทำถุงยางแตก-ฉีกขาด คุมกำเนิดไม่ได้ผล 7-28% ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แนะหากมีเซ็กซ์สม่ำเสมอควรกินยาคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุมจะดีกว่า โอกาสพลาดแค่ 1%

ผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ได้ทำการวิจัยเรื่องความเสี่ยงการใช้ถุงยาอนามัยในกลุ่มวัยรุ่น ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จำนวน 1,000 คน ซึ่งได้ทำการประเมินผลเบื้องต้นประมาณ 500 ตัวอย่าง พบว่า วัยรุ่นมีพฤติกรรมไม่นิยมสวมถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ เพราะมีทัศนคติว่า หากรักจริงไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยาง แต่นิยมใช้วิธีการคุมกำเนิดโดยวิธีธรรมชาติที่มีโอกาสเกิดการผิดพลาดสูง เช่น วิธีการนับวันมีประจำเดือนของผู้หญิง ซึ่งวัยรุ่นระดับฮอร์โมนยังไม่คงที่ทำให้คลาดเคลื่อนได้ หรือ ใช้วิธีการหลั่งภายนอก ซึ่งทั้ง 2 วิธี จะต้องได้รับความร่วมมือจากทั้ง 2 ฝ่าย

ผศ.นพ.มานพชัย กล่าวต่อว่า ขณะที่กลุ่มที่ใช้ถุงยางอนามัยก็จะใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง ซึ่งสาเหตุสำคัญอันดับหนึ่ง คือ การที่กลุ่มวัยรุ่นนิยมนำสารหล่อลื่น เช่น นำเบบี้ออยล์ที่หาได้ง่ายทาที่ถุงยางก่อนสอดใส่อวัยวะ ซึ่งสารเคมีในสารหล่อลื่นดังกล่าวจะไปทำปฏิกิริยาทำให้ถุงแตกหรือฉีกขาดได้ นอกจากนั้น อาจใส่ถุงยางในช่วงเวลาไม่เหมาะสม และหยิกจิกด้วยเล็บ ทำให้ถุงยางรั่ว เป็นต้น ทั้งนี้ สาเหตุที่ใช้เบบี้ออยล์ทาถุงยางเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากวัยรุ่นจะใช้ถุงยางอนามัยราคาถูก ซึ่งมีคุณภาพต่ำ ขณะที่ถุงยางที่มีคุณภาพจะมีสารหล่อลื่นที่ปลอดภัยแต่มีราคาแพง ขณะที่ถุงยางที่คุณภาพต่ำจะไม่มีสารหล่อลื่น ทำให้รู้สึกฝืดในการมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่เป็นที่นิยมในบรรดากลุ่มวัยรุ่น

ผศ.นพ.มานพชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การใช้ถุงยาอนามัยเพื่อการคุมกำเนิดในกลุ่มวัยรุ่นนั้น ไม่ได้ผล ซึ่งข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า อุบัติการณ์คุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัยมีโอกาสล้มเหลวสูงถึง 7-28% ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์จำนวนมาก ขณะที่การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบกิน แบบแปะ หรือการฉีด ล้มเหลวน้อยกว่า 1% เท่ากับสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 99% ดังนั้น การคุมกำเนิดด้วยวิธีกินยา หรือแบบฉีดได้ผลดีกว่ากว่าใช้ถุงยางแต่การใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

“หากวัยรุ่นมีคู่และเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละหลายครั้งก็ควรกินยาเม็ดคุมกำเนิดดีกว่า แต่ไม่แนะนำให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ซึ่งสามารถคุมกำเนิดได้ผลแค่ 75%และมีผลข้างเคียง เช่น มีเลือดออกมากผิดปกติ และอาจได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงอื่นๆ หากใช้ติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี” ผศ.นพ.มานพชัย กล่าว

ที่มา
//www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000057991


Create Date : 28 เมษายน 2553
Last Update : 28 เมษายน 2553 12:02:13 น. 1 comments
Counter : 644 Pageviews.

 


โดย: thanitsita วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:16:11:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.