ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ดวงอาทิตย์ปะทุอีก...คราวนี้ระดับ X



//pics.manager.co.th/Images/555000013733901.JPEG
ภาพดวงอาทิตย์ขณะลุกจ้าเมื่อ 23 ต.ค.2012 ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งยาน SDO บันทึกไว้ที่ความคลื่น 131 อังสตรอม (ภาพทั้งหมดจาก SDO/นาซา/สเปซด็อทคอม)


ดวงอาทิตย์ปะทุอีก...คราวนี้ระดับ X

เมื่อเช้า 23 ต.ค.ที่ผ่านมาดวงอาทิตย์ของเราได้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงระดับ X ซึ่งได้ปลดปล่อยรังสีสู่อวกาศ และได้กลายเป็นสาเหตุของการรบกวนวิทยุคลื่นสั้นบนโลกไปเรียบร้อยแล้ว แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบอื่นต่อโลกรุนแรง เพราะไม่มีการพ่นมวลโคโรนาออกมาด้วย

สเปซด็อทคอมอ้างถึงรายงานจากนักวิทยาศาสตร์ที่ปฏิบัติงานในส่วนหอดูดาวโซลาร์ไดนามิกส์ (Solar Dynamics Observatory) หรือ SDO ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ว่าการปะทุดังกล่าวคือการลุกจ้า (flare) ที่เกิดขึ้นจากจุดมืดชื่อ AR 11598 (ซึ่งย่อมาจาก Active Region 11598) โดยเปล่งแสงสว่างสุดเมื่อเวลา 10.22 น.ของวันที่ 23 ต.ค.2012 ตามเวลาประเทศไทย

ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้กล้องความละเอียดสูงที่ติดตั้งบนหอดูดาวอวกาศ SDO เพื่อจับตาดูดวงอาทิตย์ และได้พบการลุกจ้าที่รุนแรงถึง X 1.8 ซึ่งอยู่ในระดับการลุกจ้าที่รุนแรงที่สุดของดวงอาทิตย์ ตามการอ้างอิงจากศูนย์พยากรณ์สภาพอวกาศสหรัฐ (Space Weather Prediction Center: SWPC)

เพียง 2 วันรับแต่มองเห็นจุดมืดดังกล่าวได้จากบนโลก ก็มีการลุกจ้ารุนแรงก่อนครั้งนี้แล้วถึง 3 ครั้ง ซึ่ง โทนี ฟิลลิปส์ (Tony Phillips) ได้เขียนอธิบายผ่านเว็บไซต์ Spaceweather.com ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แสดงว่าอาจจะเกิดการลุกจ้าอีกมากตามมา และจะพุ่งตรงมายังโลกมาขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจุดมืดหันมายังโลกของเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

การลุกจ้านั้นมีสาเหตุจากกิจกรรมแม่เหล็กที่รุนแรงขึ้นในตำแหน่งที่เรียกว่า “จุดมืด” (sunspot) บนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ และนักวิทยาศาสตร์ไดัวัดความแรงของการลุกจ้าของดวงอาทิตย์ในรูปพลังงานที่ปล่อยออกมา โดยระดับ X (X-class) นั้นเป็นพายุสุริยะที่มีพลังมากที่สุด กลางลงมาคือระดับ M ซึ่งพลังจากการลุกจ้าระดับนี้ทำให้เกิดแสงเหนือที่ขั้วโลกได้เมื่อการลุกจ้าพุ่งตรงมายังโลก และระดับ C ซึ่งเป็นการลุกจ้าที่มีพลังน้อยที่สุดและมีผลกระทบต่อโลกเพียงเล็กน้อย

สำหรับการจุกจ้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้ถูกบันทึกได้ทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอโดยกล้อง SDO ซึ่งปรากฏเป็นแ สงวาบสีขาวออกมาจากดวงอาทิตย์ แต่การลุกจ้าที่เกิดขึ้นนี้เป็นการปะทุบนดวงอาทิตย์อย่างสั้นๆ ที่เรียกว่า “การลุกจ้าอย่างทันทีทันใด” (impulsive flare) ซึ่งเป็นประเภทตรงข้ามกับการลุกจ้าอีกประเภทที่เรียกว่า “การลุกจ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป” (gradual flare)

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ของ SWPC แจ้งอย่างเป็นทางการว่าการปะทุอย่างทันทีทันใดนั้นไม่สัมพันธ์กับสภาพอวกาศที่รุนแรง และบริเวณที่เกิดการลุกจ้านี้ยังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะหันมาประจันหน้ากับโลกโดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นโอกาสที่จะเกิดกิจกรรมการลุกจ้าก็ยังมีอยู่ต่อไป ซึ่งเราต้องคอยจับตาดูเอาไว้เมื่อบริเวณดังกล่าวเข้ามาอยู่ในกรอบการสังเกต

การลุกจ้าของดวงอาทิตย์นั้นมักพ่นก้อนพลาสมามีประจุหรือที่เรียกว่า “การพ่นมวลโคโรนา” (coronal mass ejection) สู่อวกาศ ซึ่งเมื่อก้อนมวลเหล่านั้นปะทะโลก จะทำให้เกิดพายุสนามแม่เหล็กโลก (geomagnetic storm) ซึ่งรบกวนการสื่อสารวิทยุ และการส่งกระแสไฟฟ้า แต่ก็สร้างแสงเหนือ (northern light) และแสงใต้ (southern light) หรือออโรรา (aurora) ที่สวยงามประดับฟ้า

หากแต่การลุกจ้าระดับ X1.8 ครั้งนี้ไม่ได้มีพ่นมวลโคโรนาออกมาด้วย ดังนั้น จึงพยากรณ์ได้ว่าการลุกจ้าครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อโลกเพียงเล้กน้อย และไม่ทำให้เกิดแสงออโรราที่สวยงามนัก ถึงอย่างนั้นการปลดปล่อยรังสีจากการลุกจ้าครั้งนี้ก็มีพลังมากพอที่จะรบกวนการสื่อสารวิทยุบนโลก ซึ่งเกิดขึ้นไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ตอนนี้ดวงอาทิตย์ของเรากำลังตื่นตัวมากขึ้นๆ และจะเป็นเช่นนี้ไปจนกระทั่งถึงจุดสูงสุดของกิจกรรมทางแม่เหล็กในปี 2013 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นสูงสุดและน้อยลงต่ำสุดภายในรอบ 11 ปี โดยวัฏจักรปัจจุบันของดวงอาทิตย์เรียกว่า “วัฏจักรสุริยะ 24” (Solar Cycle 24) นับแต่มีการเริ่มนับวัฏจักรสุริยะเมื่อปี 1755



ภาพดวงอาทิตย์ขณะลุกจ้าเมื่อ 23 ต.ค.2012 ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งยาน SDO บันทึกไว้ที่ความคลื่น 335 อังสตรอม (ภาพทั้งหมดจาก SDO/นาซา/สเปซด็อทคอม)




ภาพดวงอาทิตย์ขณะลุกจ้าเมื่อ 23 ต.ค.2012 ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งยาน SDO บันทึกไว้ที่ความคลื่น 304 อังสตรอม (ภาพทั้งหมดจาก SDO/นาซา/สเปซด็อทคอม)




ที่มา
//www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000130211


Create Date : 26 ตุลาคม 2555
Last Update : 26 ตุลาคม 2555 6:32:42 น. 0 comments
Counter : 2586 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.