การออกกำลังสมองแบบ Neurobic Exercise
ทำสมองให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังสมองแบบ Neurobic Exerciseดร.แพง ชินพงศ์
คนส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าสมองของคนเราจะเสื่อมถอยไปตามวัยและเซลล์ของสมองในวัยผู้ใหญ่จะลดลงและไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่จากผลของการศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์ลอเรนซ์ ซี แคทซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาชาวอเมริกันซึ่งคิดค้นการออกกำลังสมองแบบ Neurobic Exercise โดยมีแนวคิดว่าสมองของคนเรานั้นไม่ต่างอะไรจากกล้ามเนื้อซึ่งถ้ามีการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อนั้นก็จะยังแข็งแรงและสามารถทำงานได้ดี ดังนั้นแม้คนเราจะมีอายุมากแล้วก็ตาม แต่ถ้ามีการออกกำลังสมองอย่างสม่ำเสมอโดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าซึ่งถือเป็นเส้นทางที่สมองใช้ติดต่อกับโลกภายนอกได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การรับรู้รส การดมกลิ่น การสัมผัส ร่วมกับการทำกิจวัตรประจำวัน ก็จะสามารถกระตุ้นให้สมองมีความแข็งแรงและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การออกกำลังกายสมอง หรือ Neurobic Exercise จึงมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง คือ
1. ช่วยให้สมองแข็งแรงและทำให้สมองทั้งสองซีก คือ ซีกซ้ายและขวาทำงานกันอย่างมีสมดุลย์ 2. กระตุ้นระบบประสาทและหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ทำให้การทำงานส่วนการมองเห็น ส่วนการได้ยินและส่วนความจำระยะสั้นทำงานดีขึ้น 3. ช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบ มีสมาธิ ผ่อนคลายความตึงเครียด และสร้างให้เกิดความมั่นใจในตนเองมากขึ้น 4. ช่วยกระตุ้นสมองเกี่ยวกับการสั่งการให้สมดุล มีการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว 5. ช่วยสร้างให้ระบบการสื่อสารทั้งการพูด การอ่าน การเขียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น 6. ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนต่างๆให้ทำงานประสานกัน เช่น กล้ามเนื้อมือเมื่อทำงานกันประสานกันก็จะไม่มีปัญหาเรื่องนิ้วล็อก กล้ามเนื้อหัวไหล่ไม่เกิดการติดยึดกัน 7. ช่วยกระตุ้นความจำและทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงานดีขึ้น การออกกำลังสมองโดยการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้าแบบ Neurobic Exercise นั้นนอกจากจะมีประโยชน์กับผู้ใหญ่แล้วก็ยังสามารถนำมาใช้กับเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเด็กๆได้เช่นเดียวกัน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาใช้กับลูกผ่านกิจกรรมง่ายๆ ดังนี้ 1.ให้ลูกได้ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสมากขึ้น - ประสาทสัมผัสด้านการมองเห็น เช่น คุณพ่อคุณแม่เปลี่ยนที่วางของจากที่เคยอยู่ตำแหน่งเดิมๆไปวางไว้ในตำแหน่งใหม่ๆแล้วให้ลูกหาดูว่าได้เปลี่ยนของไปวางไว้ที่ไหน หรือลองวางรูปภาพต่างๆกลับหัวแล้วให้ลูกทายว่าเป็นรูปอะไร ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งการวางของและการมองภาพกลับหัวนี้เป็นตัวอย่างของการฝึกการใช้ประสาทสัมผัสทางด้านสายตาที่กระตุ้นการทำงานของระบบสมองได้เป็นอย่างดี - ประสาทสัมผัสด้านการได้ยิน เช่น คุณพ่อคุณแม่เล่นเกมทายเสียงอะไร โดยการนำวิทยุหรือเครื่องเล่นเพลงที่เปิดเพลงเบาๆไปวางซ่อนไว้ภายในบริเวณบ้านแล้วให้ลูกหาว่าเสียงนั้นอยู่ที่ไหน หรือคุณพ่อคุณแม่พาลูกออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะแล้วให้ลูกลองหลับตาแล้วบอกว่าได้ยินเสียงอะไรรอบตัวบ้าง เช่น ได้ยินเสียงนกร้อง เสียงลมพัด - ประสาทสัมผัสด้านการรับรู้รส เช่น คุณพ่อคุณแม่นำน้ำหรือเครื่องดื่มหลากหลายชนิด อาจจะเป็นนม น้ำหวาน น้ำผลไม้ มาใส่แก้วที่มีขนาดและรูปร่างเหมือนกัน แล้วให้ลูกหลับตาแล้วลองชิมน้ำในแก้วแต่ละใบนั้น หลังจากนั้นให้ลูกบอกว่าเป็นน้ำอะไรบ้าง และน้ำนั้นมีรสชาติอย่างไร - ประสาทสัมผัสด้านการดมกลิ่น เช่น คุณพ่อคุณแม่พาลูกไปตลาดหรือเข้าไปในครัวแล้วเลือกผัก ผลไม้หรืออาหารที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาให้ลูกลองหลับตาแล้วสูดกลิ่นทายว่าเป็นกลิ่นของผัก ผลไม้หรืออาหารชนิดใด เช่น กลิ่นกะเพรากับกลิ่นโหระพา กลิ่นแกงส้มกับต้มยำ - ประสาทสัมผัสด้านการสัมผัส เช่น คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกได้ออกกำลังกายโดยการเคลื่อนไหวร่างกายเลียนเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น ช้าง ปลา นก หรือให้ลูกเคลื่อนไหวร่างกายเป็นของใช้ภายในบ้าน เช่น พัดลม เตารีด โต๊ะ เก้าอี้
2.ให้ลูกใช้ประสาทสัมผัสครั้งละสองอย่างให้ทำงานไปพร้อม ๆ กัน - การพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์ แล้วให้ลูกนั่งมองสัตว์และปั้นดินน้ำมันไปพร้อม ๆ กันหรือพาลูกไปเที่ยวสวนผลไม้หรือสวนดอกไม้ แล้วให้ลูกวาดภาพผลไม้หรือดอกไม้ที่ได้เห็น เป็นการใช้ประสาทสัมผัสด้านการมองเห็นและประสาทสัมผัสด้านการสัมผัสไปพร้อม ๆ กัน - พาลูกไปทะเล ให้ลูกฟังเสียงคลื่นแล้วตบมือหรือเคาะนิ้วตามเสียงและจังหวะของเสียงคลื่นที่ได้ยินหรือเปิดเพลงบรรเลงแล้วให้ลูกเคลื่อนไหวร่างกายตามจินตนาการ เป็นการใช้ประสาทสัมผัสด้านการได้ยินและประสาทสัมผัสด้านการสัมผัสไปพร้อม ๆ กัน 3.ลองให้ลูกเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน -ให้ลูกลองร้อยหรือผูกเชือกรองเท้าโดยไม่ลืมตา -ให้ลูกลองใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเขียนหนังสือหรือวาดรูป -ให้ลูกสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยการใช้สายตาหรือท่าทางแทนคำพูด -ให้ลูกลองท่องพยัญชนะภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษจากหลังไปหน้า เช่น ฮ-ก z-a การให้ลูกทำกิจกรรมออกกำลังสมองแบบ Neurobic Exercise นั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนกิจกรรมได้ตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงอายุ ความสนใจและความสามารถของลูกด้วย เพราะหากทำโดนการฝืนความรู้สึก แทนที่จะเกิดประโยชน์อาจกลายเป็นผลร้ายคือการต่อต้าน เช่นการฝึกประสาทสัมผัสด้านการดมกลิ่นหากลูกไม่อยากดมกลิ่นผักที่เตรียมไว้ก็ไม่เป็นไรเพราะเขาอาจไม่ชอบ ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นกลิ่นขนมเช่นขนมกลิ่นวนิลลา สตรอว์เบอรี่ ช็อกโกแลต แทนก็ได้ อย่ายัดเยียดหรือบังคับลูกเพราะแทนที่จะช่วยกระตุ้นสมองอาจกลายเป็นการปิดรับการเรียนรู้ไปเลยก็เป็นได้
ที่มา //www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000062603
Create Date : 26 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 14:55:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1420 Pageviews. |
|
|
|
|
|