ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
มาดูกันว่าจะทำอย่างไรกับรถที่ถูกน้ำท่วม...

ทำทันที 4 ขั้นตอน...ดูแล“รถ”หลังน้ำท่วม



สาหัสทีเดียวสำหรับอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งความช่วยเหลือเฉพาะหน้าเริ่มทยอยลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และคนไทยทั่วประเทศ ต่างส่งแรงใจรวมถึงสิ่งของกำลังทรัพย์ หวังบรรเทาความเดือดร้อนได้ไม่มากก็น้อย



หลังน้ำลด ปัญหาหลายอย่างใช่ว่าจะไหลตามน้ำไป ร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน คงต้องใช้เวลาฟื้นฟู ในส่วนของรถยนต์ที่เป็นเหมือนเพื่อนตายของรัก ก็ต้องได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีเช่นกัน เพราะถ้าปล่อยไว้นานพวกอุปกรณ์ทางเทคนิค และไม่ใช่เทคนิคก็มีโอกาสเน่า และทำให้ฟื้นกลับมาเหมือนเดิมยาก

กรณีนี้ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ขอกล่าวถึงการดูแลรถยนต์ที่โดนน้ำท่วมห้องเครื่อง หรือสูงมิดคัน (เพราะถ้าต่ำกว่านั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก แต่ก็จำเป็นต้องนำรถเข้าไปเช็คที่ศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมที่สะดวกเช่นกัน) ซึ่งเราได้รับการเอื้อเฟื้อข้อมูลมาจากฝ่ายเทคนิคของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

1.พึงเอาไว้ว่าอย่าทำการสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจให้ไฟออนโดยเด็ดขาด จากนั้นเดินไปเปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ทันที โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือจะปลดทั้ง ขั้วบวกขั้วลบก็ได้ (จริงๆถ้าคุณคาดว่าน้ำจะท่วมสูงถึงห้องเครื่องให้เตรียมปลดขั้วแบตเตอรี่ เอาไว้ล่วงหน้าก่อนจะเป็นการดีที่สุด) เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆของรถ รวมถึงเครื่องยนต์

2.เปิดประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก หรือถ้ามีแดดให้จอดตากแดด จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆ ที่อยู่ภายในรถออกมาซักทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นาน ความเหม็นอับจะมาเยือน

3.เริ่มเข้าสู่กระบวนการทางเทคนิคที่พอจะทำได้เอง คือ ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้า โดยเฉพาะขั้วสายไฟภายในห้องเครื่อง ทั้งตัว ECUและ รีเรย์ต่างๆ จากนั้นฉีดสเปรย์ไล่ความชื้น หรือใช้ไดร์เป่าผม เป่าให้แห้ง

4.ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ (ต้องรีบเอาน้ำออกจากระบบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันสนิมจับ) รวมถึงเปลี่ยนกรองอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ใครทำเองได้ก็ทำเลย เพราะยิ่งจัดการเร็วโอกาสที่สนิมจะมาเยือนก็น้อยตามไปด้วย แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องเข้าศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งจะมีขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายที่ถูกต้องและละเอียดมาก

...ทั้งหมดเป็นวิธีการดูแลเบื้องต้น เพราะสุดท้ายแล้วรถโดนน้ำท่วมขนาดนี้ ต้องรีบนำเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมที่สะดวกทันที ซึ่งน่าจะดีกว่าถ้าเลือกใช้บริการจากรถยก และขอย้ำว่าห้ามสตาร์ทเครื่องโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามการที่รถสุดรักของคุณจะฟื้นกลับมาดีดั่งเดิมได้ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ หรือความสามารถในการนำกลับมาดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว รวมถึงประเภทของรถ กล่าวคือถ้ารถยิ่งมีระบบไฟฟ้าซับซ้อน ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมากตามไปด้วย

โดยฝ่ายเทคนิค โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย บอกว่า ถ้ารถจมบาดาลอยู่ 1-2 วัน โอกาสแก้สภาพกลับมาเหมือนเดิมได้เกิน 90% แต่ถ้านานกว่านั้น ECUเข้าขั้นโคม่า ชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆจะโดนความชื้น สนิมเริ่มกิน รวมถึงขี้เกลือต่างๆเริ่มจับตัว ดังนั้นเปอร์เซ็นที่จะคืนสภาพก็จะลดลงตามวันเวลาที่แช่น้ำ

ในส่วนของราคาค่าซ่อม ขึ้นอยู่กับสภาพการและประเภทรถตามที่กล่าวไปข้างบน และน่าจะอยู่ระดับ 50,000-100,000 บาท (แต่ถ้าโอเวอร์ฮอล์เกินนี้แน่นอน) ซึ่งใครทำประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือมีกรมธรรม์ครอบคลุมอุทกภัยเอาไว้น่าจะใจชื้นได้บ้าง



ที่มา
//www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000149255


Create Date : 23 ตุลาคม 2553
Last Update : 23 ตุลาคม 2553 10:52:19 น. 0 comments
Counter : 591 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.