|
....โอเมก้า-3 กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และทารกแรกเกิด....
คุณแม่สมัยใหม่ที่เกาะติดข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก คงทราบดีว่านอกจากการกระตุ้นด้วยการเล่นกับลูก ด้วยดนตรี นิทาน การพูดคุยและวิธีการต่างๆ แล้ว อาหารการกินก็มีส่วนช่วยในเรื่องความฉลาดและพัฒนาการของลูกน้อยได้เช่นเดียวกัน
ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ กินปลาทำให้ลูกฉลาด เพราะในเนื้อปลามีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย และไขมันในปลาก็เป็นไขมันที่มีประโยชน์อย่างมาก
กรดไขมันตัวหนึ่งที่พบในเนื้อปลา ทีมีชื่อเรียกว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ในระยะหลังๆ นี้ นอกจากจะพัฒนาสมองลูกที่กำลังเจริญเติบโตแล้ว คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ถ้าได้รับโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ขอบอกว่ามีแต่ผลดีต่อทั้งคณแม่และคุณลูกอย่างนึกไม่ถึงเลยทีเดียวเชียวค่ะ
โอเมก้า-3 คืออะไร ?
กรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เอง พบได้ในสัตว์ทะเล รวมทั้งในเมล็ดพืชบางชนิด และอาหารบางประเภท ในน้ำมันที่ได้จากปลาจะมีโอเมก้า-3 อยู่ประมาณ 10 ชนิด แต่ที่โดดเด่นมีอยู่สองชนิด คืออีพีเอ และ ดีเอชเอ ส่วนในพืชนั้นพบได้น้อยกว่า ที่เราพอรู้จักกันดีก็เห็นจะเป็น Alfa-linoleic Acid
และจากการวิเคราะห์ปริมาณไขมันและกรดไขมันในสัตว์น้ำต่างๆ ก็พบว่าสัตว์น้ำทุกชนิดมีโอเมก้า-3 สูงกว่าสัตว์บกและสัตว์ปีก แต่ในกุ้ง หอย ปู และปลาหมึกนั้นนอกจากโอเมก้า-3 แล้ว ยังมีคอเลสเตอรอลสูงอีกด้วย
ดังนั้นการรับประทานอาหารทะเลเพื่อให้ได้กรดไขมันโอเมก้า-3 และโปรตีน โดยไม่ต้องมีคอเลสเตอรอลแถมมาอีกเป็นจำนวนมาก ก็น่าจะเป็นการรับประทานปลาทะเลน่าจะดีที่สุด
ปลาทะเลเขตน้ำเย็นชนิดต่างๆ เช่น ปลาซาร์ดีนแฮร์ริ่ง แมคคาเรล เมนฮาเดน ค้อด แอนโชวี่ และปลาทูน่า จะพบสาร โอเมก้า-3 สูงมาก ประมาณ 2.5-8 กรัมต่อเนื้อปลา 200 กรัม นอกจากปลาทะเลน้ำลึกที่กล่าวมาแล้ว ปลาทะเลไทย อย่างเช่น ปลาทู ปลารัง ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาสำลี ปลาอินทรีย์ ปลาโอ ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปริมาณที่เหมาะสมเช่นกัน รวมไปถึงปลาน้ำจืดบางชนิด เช่น ปลาสวาย ก็พบว่ามีโอเมก้า-3 อยู่สูงเช่นเดียว ดังนั้นถ้าหากรับประทานปลากันเป็นประจำก็จะได้รับโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอได้ค่ะ
โอเมก้า-3 กับคุณแม่ตั้งครรภ์
กรดไขมันโอเมก้า-3 มีความสำคัญต่อผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก และว่าที่คุณแม่ที่ได้รับโอเมก้า-3 ไม่เพียงพอ ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ของว่าที่คุณแม่ตามมาได้อีกด้วย
การได้รับโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอ นอกจากจะช่วยลดปัญหาในระหว่างการตั้งครรภ์ได้แล้ว ก็ยังช่วยให้ทารกในครรภ์มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากกว่าด้วยค่ะ
จากผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 หรือได้รับไม่เพียงพอมีโอกาสเกิดภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอถึงแปดเท่า และภาวะความดันโลหิตสูงนี้ไม่ได้มีผลถึงคุณแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ภาวะความดันโลหิตสูงมากๆ ก็อาจนำไปสู่ภาวะครรภ์เป็นพิษได้ และภาวะครรภ์เป็นพิษก็อาจทำให้ทารกในครรภ์เติบโตช้าหรือคลอดก่อนกำหนดได้
และจากผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งระบุว่า โอกาสที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษสามารถลดลงได้ถึง 46% ถ้าหากคุณแม่ได้รับโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอ
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบมากในคุณแม่ที่ขาดโอเมก้า-3 การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการได้รับโอเมก้า-3 ช่วยลดปัญหาภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ โดยผลการศึกษาพบว่าคุณแม่ชาวอเมริกันเหนือมีภาวซึมเศร้าถึง 12% ซึ่งแตกต่างจากคุณแม่ชาวญี่ปุ่นที่รับประทานปลาเป็นประจำ และพบว่ามีอาการซึมเศร้าเพียง 2% เท่านั้น คุณแม่ที่มีอาการซึมเศร้ามากที่สุดนั้นได้รับการตรวจพบระดับโอเมก้า-3 ในเลือดและน้ำนมในระดับที่ต่ำกว่าด้วยค่ะ
โอเมก้า-3 กับตัวอ่อนในครรภ์
นอกจากโอเมก้า-3 จะมีความสำคัญต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์แล้ว ความสำคัญต่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์ก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ เพราะว่าดีเอชเอของโอเมก้า-3 มีส่วนสำคัญในการสร้างระบบประสาทและเรติน่าเซลล์ในระยะสุดท้ายของการตั้งครรภ์ จากผลการวิจัยที่ได้ทดลองกันมากว่ายี่สิบปีได้แสดงให้เห็นว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับโอเมก้า-3 เสริมนั้น จะทำให้เด็กทารกในครรภ์มีความฉลาดและสายตาที่ดีขึ้น
ปกติแล้วเนื้อเยื่อในสมองของทารกในครรภ์มีไขมันอยู่ประมาณ 60% ซึ่งส่วนใหญ่ของไขมันเหล่านั้นประกอบไปด้วยดีเอชเอ และผลการวิจัยก็แสดงให้เห็นว่าดีเอชเอนั้นมีผลต่อการพัฒนาสมอง ไม่วาจะเป็นในส่วนของความจำ ขั้นตอนการทำงานของสมอง ความตั้งใจและการคิดในระดับที่สูงขึ้น และในวัยทารกระบบประสาทส่วนกลางก็มีโอกาสที่จะขาดดีเอชเอได้ง่าย แต่ในเด็กที่ได้รับการเสริมดีเอชเอ หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ได้รับดีเอชเออย่างเพียงพอ พบว่าความฉลาดของเด็กเพิ่มขึ้นในระยะต่างๆ เช่น การรับรู้ที่ดีขึ้นในช่วงหกเดือน การแก้ปัญหาของเด็กทำได้ดีในช่วง 9-10 เดือน และการคิดรวมทั้งการใช้เหตุผลที่ดีของเด็กในช่วง 18 เดือน เป็นต้นไป ในเด็กที่คลอดก่อนกำหนดที่ไม่ได้รับดีเอชเออย่างเพียงพอในภายหลัง รวมทั้งเด็กที่มีภาวะไฮเปอร์ เมื่อได้กรดดีเอชเอแล้วก็พบว่าอาการโดยทั่วไปดีขึ้นเริ่มให้ความสนใจต่อสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นค่ะ
โอเมก้า-3กับการป้องกันโรต่างๆ
นอกจากประโยชน์ที่คุณแม่และคุณลูกจะได้รับจากโอเมก้า-3 แล้ว เป็นประจำยังสามารถช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วยค่ะ เช่น โรคหัวใจ โรคหอบหืด ข้ออักเสบ มะเร็งเต้านม ฯลฯ
กรดไขมันชนิดนี้แทนที่จะเรียกได้ว่า เป็นกรดไขมันดีที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของหัวใจอย่างแท้จริง เนื่องจากฤทธิ์ในกรลดความดันโลหิต ลดไขมันเลว LDL และไตรกลีเซอร์ไรด์ และยังไปช่วยเพิ่มไขมันดีที่ชื่อ HDL ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือดอันเป็นต้นเหตุสำคัญของหลอดเลือดอดตัน ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด และอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
โอเมก้า-3 มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ และลดปฏิกิริยาการก่อภูมิแพ้ และการตอบสนองต่อระบบภูมิต้านทานร่างกายที่ไวเกิน (Auto Immune) โดยได้มีการทดลองในผู้ป่วยโรคลำไส้เล็กอักเสบเรื้อรังและผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม พบว่าเมื่อให้รับประทานโอเมก้า-3 ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและอาการกำเริบน้อยลง
ที่ออสเตรเลียได้ทดลองให้เด็กที่เป็นหอบหืด 468 คน รับประทานปลาทะเลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งพบว่า เด็กเหล่านั้นมีอาการหอบหืดลดลง น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานปลาถึง 25%
ผู้หญิงที่ปวดประจำเดือน เป็นเพราะร่างกายสร้างสารกลุ่ม Elcosanoids ออกมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดการหดตัวของมดลูกมากกว่าปกติ เมื่อทดลองให้รับประทานน้ำมันปลาเป็นเวลานาน 2 เดือน ก็พบว่าอาการปวดประจำเดือนลดลง
ท่านผู้รู้จริงกรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้นะครับ เพื่อคุณแม่และลูกๆ
ที่มา.. นิตยสารบันทึกคุณแม่ Vol.17 Issue 193 August 2009
Create Date : 19 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 19 ธันวาคม 2553 15:04:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 6259 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]
|
แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
|
|
|
|
|
|
|
|