เรื่องที่เหนือการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และเรื่องในอดีต ตอนที่ 5
วัตถุต่างดาวในมนุษย์
ดร.โรเจอร์ เลีย ศัลยกรรมประจำคลีนิกแห่งหนึ่งในเธาสันด์โอ๊คส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ร่วมกับเดอร์เรล ซิมส์ หัวหน้านักสืบสวนของฮิวสตัน ยูโฟเน็ตเวอร์ก ได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิเพื่อวิจัยการโต้ตอบและเทคโนโลยีอวกาศขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้ที่เคยพบเห็นมนุษย์ต่างดาว เมื่อ ดร.โรเจอร์นำบุคคลเหล่านั้นมาฉายรังสีเอกซเรย์ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายก็พบว่า คนไข้หลายรายมีวัถุแปลกปลอมฝังอยู่ใต้เนื้อเยื่อตามจุดต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละราย และที่น่าประหลาดใจก็คือคนไข้เหล่านี้ไม่เคยมีประวัติเข้ารับการผ่าตัดเลยสักคนเดียว แต่มีวัตถุมาฝังอยู่ในร่างกายคนเหล่านั้นได้อย่างไร ดร.โรเจอร์ขอทำการผ่าตัดคนไข้เพื่อเอาวัตถุแปลกปลอมออกมาจากคนไข้ 2 ราย ในวันที่ 19 สิงหาคม 1995 โดยผ่าตัดเอาวัตถุออกมาจากหลังมือข้าวซ้ายของนายแพท พาร์นิลลิโอ อายุ 47 ปี และที่เท้าซ้ายของแมรี่ โจนส์(นามแฝง)อายุ 52 ปี แล้วส่งวัตถุ 2 ชิ้นนั้นไปพิสูจน์หาส่วนประกอบและรายละเอียดต่อไป และในวันที่ 18 พฤษภาคม 1996 ดร.โรเจอร์ได้ผ่าตัดคนไข้ชุดที่ 2 จากหญิงชราชื่อโดโรธี โอฮาราวัย 61 ปีและอลิช เลวี วัย 40 ปีทั้งคู่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ที่น่องซ้าย และเมื่อเดือนมกราคม 1997 ได้ผ่าตัดคนไข้ชื่อลูเซีย เดวิดสัน อายุ 37 ปีที่ข้อเท้า ผลของการพิสูจน์วัตถุแปลกปลอม วัตถุจาก 2 รายแรก เป็นก้อนโลหะตันแข็งถูกห่อหุ้มด้วยเนื้อเยื่อที่มีสีสันแตกต่างจากเนื้อเยื่อของคนทั่วไป เมื่อนำเนื้อเยื่อไปตรวจสอบก็พบเส้นประสาทมากมายในเนื้อเยื่อนั้น โดยปกติเนื้อเยื่อประสาทจะอยู่ที่ผิวหนังชั้นนอกเพื่อรับความรู้สึก แต่สิ่งที่พบนั้นอยู่ข้างในจนติดกระดูกส้นเท้าและไม่ได้มีหน้าที่รับความรู้สึก และร่างกายก็ไม่มีการตอบสนองอะไรเลย เมื่อวิเคราะห์เนื้อเยื่อก็พบว่าประกอบด้วยโปรตีนโคกูลัม(Protein Coagulum) เฮโมไซเดอริน(Hemosiderin)และเคราติน(Keratin) ถ้าหากว่าเราสามารถสร้างเนื้อเยื่อนี้เลียนแบบได้ เราก็จะสามารถเอาเนื้อเยื่อที่สร้างขึ้นมานั้นห่อวัตถุใดๆก็ได้แล้วฝังลงในร่างกายมนุษย์ โดยที่ร่างกายจะไม่แสดงอาการต่อต้านอะไรเลย วัตถุจากคนไข้ชุดที่ 2 มีลักษณะเป็นรูปวงรีสีขาว ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของคนไข้เช่นเดียวกัน แต่ถูกห่อหุ้มด้วยเนื้อเยื่อที่สังเคราะห์มาจากผิวหนังชั้นบนของคนไข้นั่นเอง ผลสรุปจากห้องปฏิบัติการพบว่าวัตถุดังกล่าวนั้นประกอบด้วยธาตุ 11 ชนิด โดยมีธาตุเหล็กและฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบหลัก ไม่มีใครรู้ว่าวัตถุแปลกปลอมนั้นทำงานอย่างไรหรือเอาไว้ทำไม แต่ไม่ว่ามันจะทำงานอย่างไรเพื่ออะไรที่แน่นอนมันไม่ได้ถูกประดิษฐ์มาจากโลกมนุษย์แน่นอน
มีอะไรใต้ชั้นน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้
ที่ขั้วโลกใต้ในทวีปแอนตาร์กติกา สถานที่ไม่มีใครอาศัยอยู่เพราะอุณหภูมิต่ำสุด(-89 องศาเซลเซียส)หรือเพราะอันตรายจากสิ่งมีชีวิตที่นั่นกันแน่ ที่ขั้วโลกใต้ที่ที่เราและหลายๆคนไม่ค่อยได้ให้ความสนใจนั้นกลับมีสิ่งที่เราไม่คาดคิดอยู่ใต้ชั้นน้ำแข็งนั้น เมื่อปี 1957 นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้สร้างสถานีวิจัยบนน้ำแข็งอยู่ห่างไกลจากสิ่งมีชีวิตราว 1,000 กิโลเมตร ตั้งชื่อว่า วอสทอก ต่อมาในปี 1970 อังกฤษได้ส่งเครื่องบินติดเรดาร์สำรวจ เมื่อมาถึง วอสทอก เรดาร์ได้แสดงสัญญาณเหมือนกับว่าเรดาร์สำรวจเจอผิวน้ำ พวกเขาจึงเดาว่าน่าจะมีน้ำซ่อนอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง เมื่อไม่กี่ปีผ่านมานี้ดาวเทียมได้สำรวจพบทะเลสาบใต้แผ่นน้ำแข็งนี้ นับเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความลึกกว่า 500 เมตรและอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งลึกลงไป 4 กิโลเมตร และสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างก็คืออุณหภูมิของน้ำในทะเลสาบนั้นไม่ได้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งคือประมาณ 10 -18 องศาเซลเซียส ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีแหล่งความร้อนซ่อนอยู่ใต้ทะเลสาบอีกที นอกจากนั้นเหนือพื้นทะเลสาบยังมีที่ว่างที่มีอากาศอยู่อีก นักวิทยาศาสตร์รัสเซียได้เจาะเอาน้ำแข็งส่วนหนึ่งมาวิเคราะห์พบว่าในก้อนน้ำแข็งนั้นมีสิ่งชีวิตขนาดเล็กอยู่ และเป็นสิ่งมีชีวิตที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน นักวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นว่า เมื่อก่อนที่จะมีสิ่งมีชีวิตในโลก ได้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาแล้วถูกแยกไปวิวัฒนาการของแต่ละส่วน ส่วนที่อยู่ใต้น้ำแข็งมีการวิวัฒนาการช้าจึงมีลักษณะรูปร่างที่ไม่เหมือนกันที่เราเคยมาก่อน สิ่งมีชีวิตที่พบนั้นมีการพัฒนาตนเองโดยไม่ได้ใช้ออกซิเจน หากแต่ใช้ไฮโดรเจนซัลไฟต์ในการดำรงชีวิต(เหมือนก๊าซที่มีอยู่ที่ดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสบดี) สิ่งมีชีวิตนั้นมีการพบอยู่ 33 ตระกูล และอาศัยพลังงานจากปฏิกิริยากับไฮโดรเจนซัลไฟต์ และสังเคราะห์แสงไม่ได้ และแล้วก็มีการระงับการสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้นำแข็งเพราะสิ่งมีชีวิตนั้นมีอันตรายกับสิ่งมีชีวิตบนโลกของเรา เมื่อเดือนธันวาคม 2000 สำนักข่าวเนชั่นแนลพับลิกเรดิโอ เสนอข่าวที่มีแพทย์เกิดป่วยรุนแรงกะทันหัน และในช่วง 2 -3 ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ 3 คนเสียชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่บนขั้วโลกใต้ และไม่มีการายงานสาเหตุการเสียชีวิต เป็นไปได้หรือไม่ที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นได้เจาะเอาตัวอย่างสิ่งมีชีวิตมาศึกษา และเขาได้สัมผัสกับ อะไรบางอย่างที่ร่างกายเราไม่สามารถต้านทานได้ .....
จาก //sanookdee.th.gs
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551 |
Last Update : 10 กันยายน 2552 0:18:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1001 Pageviews. |
|
|
|
|
|