ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
ต้นไม้ยักษ์ redwood : ต้นไม้ที่สูงที่สุดในโลก



วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิของปี 2395 ขณะ A.T. Dowd เดินป่าล่าหมีที่ Calvares County ในรัฐ California เขาได้หลงทางพลัดแยกจากเพื่อน ๆ และหลังจากที่เดินอยู่คนเดียวเป็นเวลานานเขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็น ต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งที่สูงราว 90 เมตร จึงลืมล่าหมีไปสนิท ครั้นพบเพื่อนเขาได้เล่าเหตุการณ์มีต้นไม้ยักษ์ขึ้นในป่าให้เพื่อนๆ ฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ เขาจึงต้องนำเพื่อนไปดูด้วยตา แล้วทุกคนก็ประจักษ์ว่า ป่า Calvares คือ ถิ่นที่มีต้นไม้ยักษ์ redwood ขึ้นมากมาย

แต่ Dowd มิได้เป็นมนุษย์คนแรกที่รายงานเรื่องต้นไม้ยักษ์ เพราะในปี 2376 Joseph Reddeford Walker ได้เคยรายงานการเห็นต้นไม้ยักษ์ sequoia ในป่า Sierra Nevada นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ John Lindley ได้เรียกต้นไม้ยักษ์ที่ Walker พบว่า Wellingtion gigentea ตามชื่อของ Duke of Wellington ซึ่งเป็นแม่ทัพอังกฤษผู้พิชิต Napoleon ที่ Waterloo แต่ชาวอเมริกันที่ต่อต้านอังกฤษไม่ชอบชื่อนี้เลย จึงได้ค้นหาชื่อพื้นเมืองมาเรียกแทน และก็ได้พบว่าชาวอินเดียนแดงเผ่า Cherokee รู้จักมันในนาม sequoia ทุกคนจึงใช้ชื่อนี้อย่างเป็นทางการทันที การศึกษาต้นไม้ยักษ์ทั้ง redwood และ sequoia ทำให้นักพฤกษศาสตร์ทุกวันนี้รู้ว่า ต้น redwood เป็นต้นไม้ในวงศ์ Cupressaceae ชนิด Sequoia sempervirens และมีชื่อเรียกทั่วไปว่า redwood ทั้ง ๆ ที่มีใบเขียวตลอดปี และมีอายุยืนมากถึง 2,000 ปี นอกจากนี้ก็เป็นต้นไม้ที่สูงที่สุดในโลกด้วย คือ สูงถึง 116 เมตร โคนต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึง 7 เมตร อีกทั้งมีเปลือกสีน้ำตาลแดงที่หนาถึง 30 เซนติเมตร และนี้ก็คือที่มาของชื่อ redwood ส่วนใบมีขนาดต่างๆ กัน โดยใบที่อยู่ส่วนบนของต้นตามปกติจะมีสีเขียวยิ่งกว่าใบที่อยู่ส่วนล่าง เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปทรงรีคล้ายไข่ไก่ และยาวตั้งแต่ 15-32 มิลลิเมตร ส่วนการผสมพันธุ์ในดอกนั้นมักเกิดในปลายฤดูหนาว

สำหรับพื้นที่ป่าที่ต้น redwood ชอบขึ้น คือ พื้นที่ริมมหาสมุทรแปซิฟ”ก ตลอดฝั่งที่ยาว 750 กิโลเมตร และกว้าง 8.75 กิโลเมตร โดยเฉพาะในที่สูงตั้งแต่ 30-750 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เช่น ตามเนินเขาที่มีฝนตกชุก การมีใบที่อุดมด้วยสารประกอบ tannin และใบมักแตกตรงตำแหน่งที่สูงจากพื้นดินมาก ทำให้ต้น redwood ไม่มีแมลงหรือไฟป่ารบกวน

นักชีววิทยาพืชดึกดำบรรพ์ได้วิเคราะห์ฟอสซิลของต้นไม้ยักษ์ จนทำให้เรารู้ว่าในยุค Eocene และ Miocene คือ เมื่อ 30 และ 65 ล้านปีก่อน โลกมีต้นไม้ชนิดนี้แล้ว และนั่นก็หมายความว่า มันเคยมีชีวิตร่วมกับไดโนเสาร์ เช่น pterodactyl, ichthyosaur และ plesiosaur และถึงแม้ dinosaur ได้สูญพันธุ์ไป แต่ต้นไม้ยักษ์ก็ยังอยู่ต่อโดยได้แพร่พันธุ์ และมีพบเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น การศึกษาโครงสร้างของต้นไม้ยักษ์ที่สูงที่สุดในโลกและที่เกิดก่อนพระ พุทธเจ้าทำให้รู้ว่า มันออกดอกในฤดูหนาว ราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม ดอกมีลักษณะคล้ายดอกสน และดอกจะออกเมื่อต้นมีอายุ 150 ปีขึ้นไป และหลังจากดอกไม้รับการผสมพันธุ์ กว่าดอกจะกลายเป็นผลได้ต้องใช้เวลานานถึง 2.5 ปี ผลจะมีลักษณะเรียวคล้ายกรวย ขณะเติบโตต้นไม้ยักษ์ต้องการแสงแดด ความชื้น และดินที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ คือ ราว 100-200 ปี ต้นจะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปต้นอ่อนจะเจริญเร็วกว่าต้นแก่ เช่น ต้นอ่อนอาจใช้เวลาเพิ่มความยาวเส้นรอบต้นได้ 3 เซนติเมตร ในเวลา 6 ปี แต่ต้นแก่การจะเพิ่มขนาดเดียวกันต้องใช้เวลานานถึง 40 ปีโดยทั่วไปอัตราการเจริญเติบโตของต้นขึ้นกับปริมาณน้ำและอาหารที่ได้รับ

ตามปกติต้นไม้ยักษ์จะโตเต็มที่เมื่ออายุ 500 - 600 ปี ขณะนั้นยอดของมันจะอยู่สูงจากพื้น ประมาณ 90 เมตร เพราะเนื้อของมันค่อนข้างเปราะ ดังนั้น เวลาพายุพัดรุนแรงต้นก็อาจล้มได้ ต้นไม้ยักษ์ทั่วไปมีอายุตั้งแต่ 700-3,000 ปี จึงนับว่าชีวิตมันยืนนานเท่าวิหาร Parthenon ในกรุง Athens

การสำรวจป่า redwood ทำให้เรารู้ว่า ณ วันนี้ต้น redwood ที่สูงกว่า 110 เมตร มี 15 ต้น และต้นที่สูงกว่า 105 เมตร มี 47 ต้น ต้นที่มีปริมาตรมากที่สุด คือ ต้น Del Norte Titan ที่มีปริมาตร 1,045 ลูกบาศก์เมตร เพราะสูง 93.6 เมตร และลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 7.2 เมตร

ส่วนต้นสูงที่สุด ชื่อ Hyperion นั้นสูงถึง 116 เมตร สำหรับขั้นตอนการเติบโต เรารู้ว่าต้นเริ่มมีเมล็ดหลังจากที่มีอายุได้ 10-15 ปี 80% ของเมล็ดจะถูกสัตว์กิน ถึงแม้เมล็ดจะมีปีกสำหรับร่อน แต่ก็ลอยไปได้ไม่ไกล คือ ไม่เกิน 60-120 เมตร ตามปกติต้นอ่อนเติบโตเร็วและจะสลัดกิ่งที่อยู่ล่างทิ้งไป จนกิ่งที่เหลือจะอยู่ที่ระดับสูง 30 เมตร เหนือพื้นดินและถึงต้นจะสูงขึ้นๆ ตลอดเวลา แต่ขนาดของต้นก็แทบไม่เปลี่ยนเลย

ปริศนาหนึ่งที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน คือ เหตุใดต้นไม้บางชนิดจึงสูงได้สูงดี และเหตุใดต้นไม้หลายชนิดจึงไม่สูง Brian Enquist นักนิเวศวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Arizona ในสหรัฐอเมริกาเป็นบุคคลหนึ่งที่สนใจเรื่องนี้ และเขาได้ให้เหตุผลว่าพันธุกรรม คือ สาเหตุสำคัญ แต่สิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทไม่น้อยเช่นกัน เพราะถ้าเอาต้น redwood มาปลูกในเขตมรสุม ต้น redwood ก็จะไม่เป็นต้นไม้ยักษ์ สำหรับอัตราการเจริญเติบโตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นักชีววิทยาสนใจ เช่น นักพฤกษศาสตร์ได้พบว่ากรณีต้น Eucalyptus regnans ในออสเตรเลียนั้น ต้นอ่อนจะชะลูดสูง 2 เมตร/ปี และเมื่ออายุ 90 ปี อัตราการเติบโตจะลดเหลือเพียง 50 เซนติเมตร/ปี แต่เมื่ออายุ 150 ปี มันจะหยุดชะลูดอย่างสิ้นเชิง

ในการตอบปริศนาว่า เหตุใดต้นไม้จึงหยุดเติบโต Karl Niklas แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ได้พบว่า เพราะความรวดเร็วของการเจริญบอกความอุดมสมบูรณ์ของดิน และอากาศในป่า ดังนั้น เมื่อต้นไม้สูงขึ้นๆ ท่อลำเลียงน้ำ และสารอาหารในต้นไม้จะทำงานอย่างด้อยประสิทธิภาพลงๆ เช่น ใบจะมีขนาดเล็กลงๆ และนั่นก็หมายความว่า ขณะต้นไม้มีอายุน้อย

การสังเคราะห์อาหารด้วยแสงจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าต้นที่มีอายุมาก เพราะมันเป็นเรื่องยากที่น้ำจากโคนต้นจะไหลขึ้นตามท่อลำเลียง (Xylem) ถึงระดับสูง 100 เมตร ดังนั้น เมื่อต้น redwood ต้องการน้ำมาเลี้ยงต้นวันละหลายร้อยกิโลกรัม George Koch แห่งมหาวิทยาลัย Northern Arizona State จึงได้รายงานในวารสาร Nature ฉบับที่ 428 หน้า 85 ปีนี้ว่าต้น redwood จะไม่มีวันสูงเกิน 130 เมตร และนั่นก็ตรงกับสถิติต้นไม้ที่สูงที่สุด (Douglas fir) ที่สูง 126 เมตร

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ Richard Preston ได้เรียบเรียงหนังสือหนึ่งชื่อ The Wild Trees : A Story of Passion and Daring ซึ่งจัดพิมพ์โดย Random House ราคา 25.95 ดอลลาร์ หนังสือนี้ได้กล่าวถึงการอนุรักษ์ป่า redwood โดยไม่ใช้ศัพท์เทคนิคมาก และใช้คำอุปมาเปรียบเทียบ ต้น redwood ในหลายลักษณะ เช่น เสมือนวาฬของอาณาจักรสัตว์ หรือเป็นสวน Eden ในแนวดิ่งที่มีสิ่งมีชีวิตมากถึง 156 ชนิด

ดังนั้น นักชีววิทยาจึงมอง redwood เสมือนฝูงปะการังอากาศ และเวลาถูกไฟป่าเผา โคนต้น redwood จะกลวงจนมีสภาพคล้ายถ้ำ คำบรรยายหนังสือเล่มนี้จึงทำให้เรารู้ว่า ผู้เขียนประสบความสำเร็จในการนำชีวิตความลึกลับ และความสง่างามของต้นไม้ยักษ์มาสู่ผู้อ่านได้อย่างน่าประทับใจ เพื่อให้เข้าใจชีวิตของพืชไดโนเสาร์นี้

ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences, DOI : 10.1073/ pnas. 07034 76104 ที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ Nuria Marba แห่งมหาวิทยาลัย Balearic Islands ที่เมือง Palma ใน Majorca ของสเปน ได้รายงานการศึกษาธรรมชาติของต้นไม้ที่ครอบคลุมตั้งแต่พืชที่มีขนาดเล็ก เช่น หญ้าทะเล จนถึงพืชที่มีขนาดใหญ่ เช่น ต้น redwood ว่า ในป่าที่สมดุล อัตราการแพร่พันธุ์และอัตราการล้มตายของพืชจะพอๆ กัน ซึ่งอัตราที่ว่านี้ แปรผกผันกับมวลของต้นไม้ขณะโตเต็มที่ และนั่นก็หมายความว่า โดยทั่วไปต้นไม้ยักษ์จะตายช้า และสืบพันธุ์ช้ากว่าต้นไม้จิ๋ว

นอกจากนี้ Marba ยังชี้ให้เห็นว่า ต้นไม้ยักษ์ที่กำลังตายจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในอัตราที่ช้ากว่า ต้นไม้ขนาดเล็กที่กำลังจะตายด้วย

ขอบคุณแหล่งที่มา://www.manager.co.th




Create Date : 16 ตุลาคม 2552
Last Update : 11 มกราคม 2553 19:07:35 น. 1 comments
Counter : 2600 Pageviews.

 
มาทักทายค่า (^^')


โดย: onedermore วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:15:16:10 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.