มาสร้าง "เจ้าหนูจอมอึด" รับปี 2011 กันดีกว่า
มาสร้าง "เจ้าหนูจอมอึด" รับปี 2011 กันดีกว่า ในสังคมแห่งความเป็นจริง ปฏิเสธไม่ได้ว่า เส้นทางที่ลูกจะเดินไม่ได้ก้าวสบายอย่างที่คิด โดยเฉพาะสังคมที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่ง แข่งขัน และกดดันอย่างเช่นทุกวันนี้ เด็กควรได้พบสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหา เพื่อเรียนรู้ที่จะล้มและลุกให้เป็นบ้าง เพราะเด็กรุ่นใหม่อ่อนแอลงทุกขณะ ขาดทักษะการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการสร้างลูกเพื่อรับมือกับสังคมที่รายล้มไปด้วยปัญหาที่ยากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ยุคใหม่ควรให้ความสำคัญ และเขียนเป็นวาระเร่งด่วนในครอบครัว วันนี้ทีมงาน Life and Family มีกิจกรรมสร้างเจ้าหนูจอมอึดมาฝากเป็นแนวทางรับปีกระต่ายที่จะถึงนี้กัน การจะสร้างเจ้าหนูจอมอึด สำคัญคือ ต้องเลือกเฟ้นกิจกรรมที่เหมาะสมกับศักยภาพตามวัยของลูก เพื่อให้เด็กได้กระตือรือร้นสนใจที่จะฝ่าฟันสู่ชัยชนะ ไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคจนถอดใจกันไปเสียก่อน โดยเด็กอนุบาลหากได้รับการส่งเสริม และฝึกฝนให้เห็นคุณค่าในตัวเอง มีใจพร้อมสู้ปัญหา เห็นจุดอ่อนจุดแข็ง เผชิญกับปัญหาบ่อย ๆ หรือคิดเชิงบวก ส่วนเด็กประถมนั้น แม้จะเก่งขึ้น กล้าขึ้น และเข้มแข็งขึ้น แต่ในทางกลับกัน ภูมิต้านทานต่อความผิดหวังของเด็กวัยนี้ยังไม่แข็งแรงดีนัก เพราะเป็นวัยที่เริ่มสร้างสังคม เด็กจะเริ่มมีหน้ามีตา มีเพื่อนฝูง และต้องการถูกยอมรับจากคนรอบข้าง เมื่อใดก็ตามที่พลาดหวัง หรือผิดหวัง อาจจะท้อแท้ หรืออับอายการพ่ายแพ้ และไม่กล้าที่จะลุกขึ้นสู้ใหม่ได้ สำหรับกิจกรรม "สร้างเจ้าหนูจอมอึด" นั้นมีหลายกิจกรรมด้วยกัน โดยแต่ละกิจกรรมมีอะไรบ้างนั้น คือสิ่งที่จะนำเสนอดังต่อไปนี้ ให้ลูกเห็นถึงความมุ่งมั่นในงานที่ยากลำบาก ให้กำลังใจ และวิธีคิดเชิงบวกให้ลูกเห็น หรือเล่าเรื่องอึดของคุณให้ลูกฟัง เช่น สมัยเด็กคุณปู่เคยพายเรือพาพ่อไปเก็บสายบัวในคลองหลังบ้าน แดดร้อน และพายเรือไปไกลมาก แต่พ่อก็ไม่ย่อท้อ เพราะอยากกินผัดสายบัวฝีมือคุณย่า แม้จะเป็นแค่เรื่องเล่า แต่คุณจะกลายเป็นต้นแบบนักอึดที่หนู ๆ ชอบได้ ฝึกสมาธิ และความอดทน ค่อย ๆ ปลูกฝังให้เขามุ่งมั่น โดยมอบหมายงานที่เหมาะสมกับความสามารถของเขา เช่น ลูกชายช่วยคุณพ่อล้างรถ ส่วนลูกสาวช่วยคุณแม่ล้างผัก บอกผลลัพธ์ว่าถ้าหนูปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น จะเกิดผลดีอย่างไร เช่น รถคุณพ่อจะสะอาดเอี่ยม ครอบครัวเราได้หม่ำมื้อเย็นสุดอร่อย นอกจากนี้ แรงกระตุ้นให้หนูฮึดสู้ด้วยคำชมเป็นแรงเชียร์ที่สำคัญ อย่างประโยคที่ว่า "ตอนพ่อตัวเท่าหนู พ่อก็ทำได้แบบหนูนี่แหละ โตขึ้นหนูก็จะทำได้มากขึ้นเองจ้ะ" เป็นต้น
อย่าดึงลูกออกจากโลกการแข่งขัน พ่อแม่หลายคน เมื่อรู้ว่าการแข่งขันเป็นสิ่งที่น่ากลัว จึงพยายามดึงลูกออกจากวังวนตรงนั้น เพราะกลัวลูกจะรับความผิดหวังไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ดี พ่อแม่ควรเผชิญความผิดหวังไปพร้อม ๆ กับลูก ตัดทิ้งคำพูดที่อาจทำให้กำลังใจของลูกหดหายไป เช่น แม่คิดว่าลูกจะทำได้ดีกว่านี้เสียอีก เพราะจะทำให้ลูกขาดความมั่นใจ และไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา ลูกไม่ย่อท้อฝึกได้จากของเล่น พ่อแม่ลูกชวนกันไปชอปของเล่นเสริมความอดทน เช่น ชุดทอผ้า ออกแบบลายเสื้อ ชุดตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยฝีมือหนู หรือชุดอุปกรณ์จัดดอกไม้ มองหาดอกไม้หลากสีสันมาให้หนู ๆ ได้จัดลงแจกันให้สวยงาม ฝึกลูกให้ประณีต ไม่ล้มเลิกความตั้งใจลงกลางคัน ส่วนลูกชาย ลองมองหาอุปกรณ์กีฬาสารพัดชนิดอย่างจานร่อน ฮูลาฮูบ ลูกบอล หรือว่าว ให้เขาได้เล่นกับกลุ่มเพื่อนอย่างอิสระ เรียนรู้ผลแพ้ชนะ และไม่หวั่นต่อความผิดหวังพ่ายแพ้ สนามเด็กเล่น สนามฝึกการแก้ปัญหา นอกจากนี้ สนามเด็กเล่น หรือสวนสาธารณะใกล้บ้าน ถือเป็นสนามพลังแห่งการเล่น แบบ Free Play ที่เจ้าหนูจะได้ปีนป่าย วิ่งซน หยิบจับสิ่งต่าง ๆ พร้อม ๆ กับรู้จักแก้ปัญหาการเล่นชนิดต่าง ๆ ที่นึกคิดรูปแบบการเล่นเฉพาะอย่างสนุก แต่ทั้งนี้ ควรเลือกสนามเด็กเล่นที่ได้มาตรฐาน และปลอดภัย เหมาะสำหรับวัยของลูกด้วย เพราะไม่เช่นนั้น อาจเกินการบาดเจ็บได้ ถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว ที่เราในฐานะพ่อแม่ควรสร้างลูกให้อึด พร้อมรับมือกับปัญหา ไม่ว่าจะการแข่งขัน ความกดดันทั้งในเรื่องการเรียน หรือการทำงาน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้เด็กรู้จักล้ม และลุกให้เป็น ไม่ย่อท้อ และถอยหลังให้ปัญหา หรือหนีปัญหาด้วยวิธีที่ผิด และไม่สร้างสรรค์
ที่มา //www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000173214
Create Date : 11 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 11 ธันวาคม 2553 14:24:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 567 Pageviews. |
|
|
|
|
|