ระบายความฝัน เกือบลืมไปหมดแล้ว
เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดที่ผมบอกตัวเอง
หลายปีมาแล้วที่ผมลืมและทรยศความรู้สึกตัวเอง
กระแสความจำเป็น สังคม คนใกล้ชิดฯลฯ นานับประการที่ผมสามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ว่า
มันทำให้ผมเกือบลืมไปว่าจริงๆแล้วผมเคยมีความฝันว่าอะไร
....
ผมไม่อยากโทษว่าเป็นเพราะสิ่งเหล่านั้นเลยบางทีมันอาจจะจริงอย่างที่
คำพูดยอดฮิตที่ผมเคยได้ยินสมัยเพิ่งเรียนจบใหม่ๆว่า'สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ'
สารภาพตามตรงว่าผมไม่เข้าใจคำพูดนี้เลยและไม่เคยเห็นด้วยกับมันเลยสักครั้ง
ผมยืนกรานหัวชนฝาตลอดมาว่าคำพูดนี้มัน ไม่จริงถ้าหากเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับใครสักคน
มันจะเป็นเรื่องดีๆได้อย่างไรกันล่ะผมมักจะถามกลับแบบนี้
แต่ในวันนี้ผมกลับรู้สึกว่าคำพูดนี้ มันจริงอย่างน่าประหลาดโดยที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
อาจเป็นเพราะเคยได้ยินใครคนหนึ่งบอกไว้อย่างน้อยมันทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งเกิดขึ้นล่ะมั้ง
หลายปีมาแล้วที่ผมพบว่าหนึ่งในความน่ากลัวที่สุดและบั่นทอนจิตใจของเรา
ก็คือความไร้เดียงสาเกินไปความที่เราเชื่อมั่นในความคิดเรามากเกินไป
ไม่ว่าใครก็คงกลัวความผิดหวังล้มเหลว ผมจึงขังหัวใจอยู่ในกำแพงที่ก่อขึ้นมาเอง ผมเปลี่ยนมามองโลกแบบความจริงไม่ใช่ความฝันเหมือนก่อน เกราะป้องกันบางๆนั้นกลายเป็นม่านเหล็กที่ทำให้ผมรู้สึกดี ว่าแท้จริงแล้วคนอื่นๆก็ไม่ได้ดีไปกว่าเราและแท้จริงแล้วเราเองก็ดีไม่แพ้ใคร และนั่นทำให้เรากลายเป็นลูกแกะให้หมาป่าขย้ำอย่างง่ายดายเราจึงพยายาม แต่งแต้มสีสันบนตัวเราคำพูด การแสดงออกต่างๆนาๆเพื่อปกป้องตัวเอง จนในที่สุดผมจึงพบว่ามันกลับยิ่งทำให้ผมหลงลืมใจตัวเองไปเสียหมด ยิ่งเสแสร้งเท่าไหร่ผมก็ยิ่งพบว่าความรู้สึกเก่าๆของผมยิ่งจางหาย ผมมองตัวเองย้อนกลับไปห้าปี สิบปี ที่แล้ว ภาพลางๆในอดีตนั้นจึงทำให้พอระลึกได้ว่าไม่ใช่ ผมไม่ใช่คนแบบนี้ ผมไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้ผมไม่ต้องการชีวิตแบบนี้
การพูดความฝันออกไปให้ใครสักคนฟังเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสำหรับผมและสิ่งที่ยากพอๆกันก็คือ หาคนที่จะไม่หัวเราะเยาะความเพ้อเจ้อของตัวผมเอง ผมคงเป็นคนเพ้อฝันไร้สาระมากที่สุดคนหนึ่งบนโลกนี้หัวสมองผมไม่เคยหยุดคิดและจินตนาการ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยทำเลยก็คือหัวเราะเยาะความฝันของคนอื่น
ผมนั่งมองเปียโนที่ฝุ่นจับราวกับไม่เคยมีใครแตะต้องมานานนับปีเห็นพู่กัน หลอดสี ดินสอกระดาษสีน้ำ ปากกา สมุดโน้ตไฟล์หนังสือมากมายทั้งหมดนั้นยังคงเป็นสิ่งที่ผมทำไม่สำเร็จ อันที่จริงแล้วแต่ไหนแต่ไรผมก็แทบไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่างและมีคำบั่นทอนจิตใจมากมายเข้ามากระทบ แต่ในเมื่อเราไม่มีวันรู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงบางทีการที่เราลองเชื่อใจตัวเองอีกสักครั้ง ก็คงยังไม่สายเกินไปผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น
|
FlowerSong
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] All Blog | ||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |