Wolf True Blood ตอนที่ 6 พบกันอีกครั้ง


ตอนที่ 6 พบกันอีกครั้ง

งานเลี้ยงของผาทิวสนเริ่มขึ้นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ลับฟ้าหนุ่มสาวต่างก็แต่งตัวทันสมัยเสื้อตามแต่ฐานะของแต่ละระดับชั้นแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการร่วมดื่มกิน เต้นรำรื่นเริงกันหนุ่มๆผาทิวสนล้วนแต่ทรงเสน่ห์สาวๆห้อมล้อมจับกลุ่มสนทนากันอย่างออกรส จ่าฝูงเซย์นั่งรวมกลุ่มอยู่ท่ามกลางเหล่าองครักษ์และมีสาวๆห้อมล้อมเอาอกเอาใจ งานคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเฉพาะผาทิวสนซึ่งเป็นการแข่งขันประลองพละกำลังของหนุ่มๆแต่ละเขตแต่ละหมู่บ้านพอตกค่ำจึงมีงานเลี้ยงฉลองให้กับชัยชนะของเขตและหมู่บ้านที่ได้รางวัลแบ่งๆกันไป

สาวๆภายใต้การดูแลของป้าเมอารวมทั้งฟรีเซียต่างก็ถูกจับจองออกไปยักย้ายส่ายสะโพกกันสนุกสนานฟรีเซียไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปคลุกคลีกับหนุ่มๆเท่าไหร่นอกจากป้าเมอาแล้วพี่ชายฝาแฝดของเธอ จ่าฝูงเซย์ก็คอยควบคุมเธออยู่ด้วยแต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่สนุกหรอกหนุ่มๆแวะเวียนมาขายขนมจีบดอกฟ้าเป็นที่สนุกสนานส่วนมากก็จะผูกไมตรีอยากพูดคุยเป็นเพื่อนเสียมากกว่าไซรัสและรอย สององครักษ์ของเซย์ คอยอยู่เป็นเพื่อนไม่ให้เธอเหงาแค่มีสองหนุ่มเธอก็ไม่รู้สึกเบื่อแล้ว พอจะลืมๆเรื่องที่ถูกจับคู่ไปได้สักพัก

“เป็นไงบ้างฟริสซี่ได้ยินว่าหนีท่านไพรอนไปซนถึงเขตหมู่บ้านแมนซาเลยหรือ”ไซรัสหนุ่มร่างสูงผอมคล้ายนายแบบเย้าหยอกมือเรียวยื่นแก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีชมพูสดใสส่งให้

หญิงสาวยิ้มคล้ายแยกเขี้ยวย่นจมูกใส่จิบเครื่องดื่มไปอึกนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานรอยซึ่งจ้องมองอยู่แล้วร้องโอยมือกุมหน้าอกคล้ายเจ็บปวดแต่สีหน้าทะเล้นเย้าหยอก

“ยิ้มแบบนี้พี่ก็แย่ซิจ๊ะน้องสาว”

“เฮ้ยรอยคนนี้กูจองแล้ว”ไซรัสชกไปที่ไหล่เพื่อนเบาๆพลางยักคิ้วให้สาวน้อยหน้าแฉล้ม

“อ้าวแล้วคุณหนูซอนย่าจะว่าไงเนี่ย”รอยบลั๊ฟเพื่อน ไซรัสซึ่งเริ่มมึนๆส่งตาหวานเยิ้มไปยังคุณหนูซอนย่าซึ่งนั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆของเธอและมีหนุ่มๆอยู่ในกลุ่มหนึ่งในนั้นคือบุตรชายของหัวหน้าหน่วยมังกร รูปหล่อพ่อรวยครบสูตร

“อา..อย่าดึงเธอลงมาคลุกคลีกับกระผมเลยขอรับท่านรอย”ไซรัสหัวเราะแห้งๆดวงตาหม่นวูบเสยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดต่อด้วยเรียกเหล้าแก้วใหม่กลบเกลื่อนอาการ แต่ไม่พ้นสายตาของฟรีเซียไปได้ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนของพี่ชายคนนี้คิดอย่างไรกับเพื่อนของเธอซอนย่าเธอมาจากตระกูลที่ร่ำรวยบิดามารดาฝากให้มาเรียนหนังสือที่ผาทิวสนเผ่าพันธุ์แถบยุโรปนั้นมีอยู่ไม่มากและส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้อยู่ในดินแดนลี้ลับอะไรกลับทำธุรกิจปะปนอยู่กับเหล่ามนุษย์แต่ก็ยังแอบติดต่อคบค้าในหมู่มนุษย์แปลงด้วยกันเสมอ ซอนย่าเองนั้นดูจะสนใจองครักษ์จ่าฝูงคนนี้อยู่พอสมควร แต่ทั้งคู่ต่างก็นิ่งเฉยเสียจนคนรอบข้างอ่อนใจคนหนึ่งนั้นไม่กล้าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า อีกคนก็กลัวเสียหน้ากลัวสะพานที่ทอดจะถูกเมินเฉยคนรอบข้างก็ได้แต่มองอยู่ห่างๆได้แต่แอบลุ้นให้มีบางอย่างเกิดขึ้นกำแพงที่ทั้งสองคนสร้างมันขึ้นมาจะได้พังทะลายเปิดเผยตัวตนจริงๆเสียที

เสียงเพลงจากเครื่องเสียงชั้นดีรวมทั้งมีดีเจมือดีคอยเปิดเพลงจังหวะสนุกๆกลบเกลื่อนอารมณ์ขอไซรัสที่ผิดที่ผิดทางไปนิดให้กลับมาสนุกเหมือนเดิมรอยเองก็ไม่คิดจะกระเซ้าเพื่อนอีก หนุ่มอารมณ์ดีอย่างรอยหาเรื่องมาคุยให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ออกไปเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับฟริสซี่”รอยก้มจนหัวแทบจรดพื้นฟรีเซียหัวเราะกิ๊กก่อนจะออกไปตามแรงฉุดของรอยไปวาดลวดลายออกเสต็ปอย่างสวยงามไม่นานไซรัสก็ถูกสาวหลายคนฉุดออกมาด้วยฟลอเต้นรำดูแน่นไปถนัดทีเดียว

ขณะที่ทุกคนรวมตัวยังปราสาทข้างล่าง ทั้งสามคนก็รีบเร่งฝีเท้าตรงไปยังลานดาวตกที่ท่านจอมเวทย์ไพรอนได้สั่งความมา ลานดาวตกอยู่ไม่ไกลจากค่ายพักเท่าไหร่ด้วยฝีเท้าที่ว่องไวทำให้ทุกคนมาถึงก่อนเวลานิดหน่อย ที่นั่นอยู่บนไหล่เขาตอนหนึ่ง ลานเลียบกว้างขวางแผ่นหินที่เป็นสีเทาสว่างสะท้อนแสงจันทร์ดูสว่างเรืองรอง

บุรุษหนึ่งนั้นยืนรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าสงบ

“ท่านไพรอนมาถึงนานแล้วหรือครับ”

“ก่อนหน้าพวกเจ้าสักประเดี๋ยวนี้แหละ”

“มีสิ่งใดให้ผมรับใช้ครับถึงได้เรียกมา”

“ตามข้ามาแล้วพวกเจ้าจะรู้เอง”ไพรอนเดินไปทางซ้าย ที่นั่นเป็นหน้าผาสูงลิบลิ่ว ณ.ที่นั้นมีทางลงไปใต้ชะง่อนผาเป็นทางเดินค่อนข้างชัน สำหรับสัตว์แปลงชันแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา

สถานที่ไพรอนนำทางพวกเขาลงมานั้นดูซุกซ่อนอยู่ซอกหลืบหินก้อนใหญ่ลานหน้าถ้ำแคบๆพอจะยืนอยู่ได้ประมาณแค่สิบคน ร่องรอยที่พอมองเห็นไม่ใช่ถ้ำที่ไม่มีผู้ใดผ่านเข้าออกร่องรอยที่เห็นปรากฏชัดเจนว่า ปากทางเข้าถ้ำมีผู้คนใช้สัญจร หรืออะไรสักอย่าง เจสันและการิมมีอาการไม่ต่างจากไคล์นักทั้งสองคนคงยังไม่เคยรู้ว่ามีถ้ำอยู่ใต้ลานดาวตกเส้นทางที่ไต่ลงมาจากข้างบนใช้เวลานานพอควร สายลมที่พัดหวีดหวิว พอจะอนุมานได้ว่าต่ำลงไปจากปากถ้ำคือหุบเหวสักแห่งและคงจะสูงลิบลิ่วพอควรทั้งหมดปรับสายตามองฝ่าความมืดเข้าไปในถ้ำ ก็คล้ายกับถ้ำทั่วๆไปมีหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกตา เพดานถ้ำสูงลิบเมื่อทั้งหมดเดินตามไพรอนเข้าไปก็ได้สัมผัสถึงกลิ่นของสัตว์ปีกซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำทั่วๆไปทางเดินที่เรียบเป็นมันบ่งบอกว่ามีผู้คนสัญจรตามดังคาดถ้ำซึ่งคดเคี้ยวมีซอกหลืบมากมายไม่รู้ว่าหากเดินเข้าไปจะไปโผล่ที่ไหน

ไพรอนเดินนำหน้าตามด้วยทั้งสามคนเดินตามลึกเข้าไปเรื่อยๆบางครั้งเหมือนปีนขึ้นบางครั้งเหมือนทางวกลงที่ต่ำในความมืดที่มองเห็นทางเดินเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆจนมาถึง สถานที่เหมือนโดมขนาดใหญ่ตรงกลางของห้องมีแอ่งน้ำสีดำมันละเลื่อม เสียงคำราม ขบกัดดังสะท้อนไปมาไพรอนจุดไฟที่กระถางใบใหญ่ ทั้งสามคนยกมือขึ้นป้องแสงไฟที่สว่างจ้าความสว่างจากไฟซึ่งลุกไหม้อยู่ในกระถาง รอบๆโดมมีซอกหลืบอยู่สองสามแห่งไพรอนก้าวไปยืนที่ขอบแอ่งน้ำสีดำร่ายเวทย์อยู่เหนือขอบแอ่ง น้ำที่ดำพลิ้วไหวเป็นระรอกคล้ายน้ำที่กำลังจะเริ่มเดือดน้ำสีดำเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มจัดพุ่งเป็นลำอยู่ชั่วครู่ก่อนจะทิ้งตัวลงสู่แอ่งจนน้ำกระเซ็นล้นขอบ น้ำในแอ่งเหือดหายไปกลายเป็นอุโมงค์ลึกไพรอนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ตามลงไป โดยเขาได้กระโดดลงไปก่อนตามด้วยไคล์และองครักษ์ทั้งสอง ประตูเหล็กหนามีรอยชื้นของน้ำเมื่อเปิดเข้าสู่ภายในกลับกลายเป็นห้องโถง เพดานห้องมีเชนเดอเลียรทรงกระบอกลดหลั่นกันสามชั้นไฟส่องแก้วผลึกสว่างนวลอยู่เหนือโต๊ะรูปไข่สีดำรอบๆโต๊ะนั้นมีบุรุษชายหญิงนั่งรายล้อมเหมือนรอคอย เมื่อทั้งหมดเดินเข้ามาถึงก็ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกัน

ไพรอนค้อมศีรษะรับการทักทาย ไคล์ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับชายร่างสูงใหญ่ผิวสีคล้ำดวงตาระบายสีดำตวัดปลายดังคนชนเผ่าทะเลทราย และไม่ผิดจากที่คิด เซมมา และอาแซคเป็นชนเผ่าจากอียิปต์หรือถ้าจะสรุปให้ได้ใจความสมบูรณ์ทั้งสองคือญาติทางฝ่ายมารดาของเขา เจ้าหญิงเนเฟอราดินแดนไอยคุปต์ผู้สืบเชื้อสายเทพอนูบิสเหลืออยู่เพียงหยิบมือเจ้าหญิงแฟอราถูกไล่ล่าจากแวมไพร์และแวร์วูลฟ์ซึ่งยอมเป็นลูกสมุนของพวกตัวซีดอาแซคและเซมมาเป็นผู้คุ้มครองทายาทซึ่งก็คือเจ้าหญิงเนเฟอรามารดาของเขาทั้งสองเดินทางมาแสนไกลเพื่อพบกับทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าหญิง

เรื่องราวที่ขาดหายไปถึงยี่สิบปีได้ถูกเล่าขานบอกเล่าจากปากของทั้งสองคนและจากเรื่องที่ไพรอนเคยเล่าให้เขาฟังภาพที่ขาดหายไปจึงปะติดปะต่อกันโดยสมบูรณ์ จุดประสงค์หลักที่ทั้งสองคนเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือให้เขาแปลงร่างเป็นหมาป่า ฟังดูเป็นเรื่องง่ายแต่มันไม่ได้ทำได้ง่ายๆเลยนี่คงเป็นเหตุผลที่ไพรอนนำเขาลงมายังถ้ำใต้ขุนเขาอันลึกลับซับซ้อนทั้งยังต้องให้องครักษ์ทั้งสองคนตามลงมาด้วย เพราะพละกำลังที่ใช้ในแต่ละครั้งหากร่างกายไม่แข็งแรงพอย่อมตกเป็นเหยื่อของสัตว์อื่นได้

“ข้าคิดว่าท่านพร้อมที่จะรับการฝึกในครั้งนี้ทั้งสองท่านนี้จะเป็นผู้ช่วยให้แปลงร่างได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัย”ไพรอนเลื่อนบานประตูหินออกเป็นห้องโถงในถ้ำเหมือนเดิมเพียงแต่ห้องนี้มีทางเดินทอดยาวไปสู่ป่าทั้งหมดเดินออกไปสุดทางเดิน เวิ้งป่ากว้างโอบล้อมด้วยขุนเขาป่าเบื้องล่างคือที่ที่เขาต้องฝึก

“ป่าด้านล่างมีพวกสัตว์ที่ไม่เข้าฝูงอยู่มากมายล้วนแต่เป็นพวกที่ไม่สมบูรณ์นอกจากเป็นอันตรายต่อฝูงแล้วยังเป็นอันตรายต่อตัวมันเองอีกด้วย”

“อย่างไรหรือท่านไพรอน”

“พวกนั้นเป็นมนุษย์แปลงบางคนเกิดจากพ่อแม่สัตว์แปลงแต่มียีนส์ด้อยทำให้ร่างกายพิการไม่สามารถอยู่ในฝูงได้ก็ออกมาอยู่ที่นี่บางกลุ่มก็เป็นมนุษย์ที่พวกสัตว์นักล่าจับตัวมาเพื่อเป็นอาหารเจ้านายของพวกเขาบางคนปล่อยพิษเข้าสู่ร่าง ทำให้กลายร่างเป็นสัตว์แปลงที่ไม่สมบูรณ์กลับเป็นคนก็ไม่ได้จะเป็นสัตว์ก็ไม่ได้รวมได้ว่าข้างล่างนั้นมีสัตว์มากมายหลายพันธุ์ล้วนแต่ดุร้ายไม่ฟังคำสั่งของใครไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหน”

“ผมไม่เคยแปลงร่างไม่คิดว่าจะทำได้และผมคิดว่าไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องฝึก”ไคล์เอ่ยปากหลังจากไพรอนพูดจบ เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆความคิดของเขาแม้ทุกคนในที่นี้จะบอกว่าเขาเป็นมนุษย์แปลงสายเลือดบริสุทธิ์ก็เถอะเขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องแปลงร่างเป็นหมาป่าโชว์ แล้วป่าข้างล่างมีอะไรเยอะแยะที่ไพรอนบอกมันควรที่จะเอาตัวไปสุ่มเสี่ยงโชว์พลังอะไรแนวๆนั้น เขาคิดว่ามันไม่เข้าท่าพวกนั้นพิกลพิการก็น่าสงสารอยู่แล้วและเขาก็เลือกที่จะมาอยู่สงบๆไม่ปะปนกับพวกปกติ จะไปรบกวนพวกนั้นทำไม

“ท่านคิดผิดแล้วเจ้าชาย..”ไพรอนจ้องลึกในดวงตาของไคล์ทำเอาเขาชะงักไพรอนคือผู้หยั่งรู้หากเผลอให้ไพรอนเข้ามาในความคิดแน่นอน สิ่งที่เขาคิดในหัว ไพรรอนก็ย่อมรู้ด้วยสิ่งนี้เป็นอีกสิ่งที่เขาต้องระวัง

“พวกนี้แยกตัวมาอยู่ที่นี่ก็จริงแต่มันไม่ได้อยู่สงบอย่างที่ท่านคิดหรอก ตลอดหลายปีที่ประชากรของเราถูกพวกนี้รบกวนเท่าที่มีโอกาสเรื่องนี้จ่าฝูงเซย์รู้ดีมันเป็นเหมือนสิ่งแปลกปลอมที่สร้างความรำคาญให้กับพวกเราอยู่มากจะฆ่าทิ้งก็ไม่ได้เลี้ยงดูให้เชื่องก็ไม่ได้ นอกจากต้องกำหราบเป็นระยะท่านยังต้องเรียนรู้อีกมากเจ้าชาย” ไพรรอนอธิบายอย่างปราณีไม่มีทีท่าเย้ยหยันในความไม่รู้ของไคล์

“นี่คือขั้นตอนพิสูจน์จิตใจของตัวท่านเองเจ้าชายมันเป็นสิ่งที่ท่านจะต้องกระทำ ป่าข้างล่างเป็นสนามสอบของท่านก่อนอื่นข้าและแซมมาจะเป็นผู้ช่วยให้ท่านกำหนดจิตท่านไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องความเหมาะสมหรือไม่ สลัดความเป็นมนุษย์ออกไปให้หมดถึงอย่างไรท่านก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่กำหนดเอาไว้ได้” อาแซคเอ่ยขึ้นดวงตาภายในกรอบเส้นสีดำเปี่ยมไปด้วยความจงรักภัคดี ไม่ต่างจากสององครักษ์ของเขา

“ส่วนเจ้าสองคนคอยคุ้มกันเจ้าชายเราไม่รู้หรอกว่าจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นในระหว่างที่เจ้าชายแปลงร่าง”เจสันและการิม ค้อมศีรษะรับคำหนักแน่นทั้งสองคนส่งสายตาให้กำลังใจนายหนุ่มอย่างภัคดี

ทั้งสองคนเลือกที่จะเงียบปล่อยให้อาแซคและแซมมาร่ายมนตร์เก่าแก่โบราณเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองเจ้าชายไคล์ผู้ซึ่งนั่งอยู่บนหินทรงกลมรอบๆเขียนเป็นอักขระสัญลักษณ์ของเทพอนูบิส มันคงจะยากสำหรับหมาป่าซึ่งถูกเลี้ยงโดยมนุษย์มาเนิ่นนานหลายปีจนกลิ่นไอมนุษย์แทรกอยู่ทุกอนูของร่างกายการที่จะให้จิตใจของเจ้าชายไคล์ยอมรับในสิ่งใหม่ที่ตนเองไม่เคยคุ้นเป็นไปได้ยากข้อผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พวกเขาซึ่งเป็นสัตว์แปลงสามารถแปลงร่างได้เองโดยไม่ต้องมาเรียนมาฝึกอะไรให้ยุ่งยาก

ที่ไพรอนหวั่นเกรงก็คือจิตใจที่ไม่มั่นคงและต่อต้านของเจ้าชาย สิ่งนี้จะทำอันตรายให้กับเจ้าชายอย่างมากหากการแปลงร่างสำเร็จ มันก็มีอีกชั้นตอนที่จะกลับร่างมาเป็นมนุษย์หากควบคุมจิตใจไม่ดีก็ยากที่จะกลับร่างมาเป็นมนุษย์เหมือนพวกที่อยู่ป่าข้างล่างนั่น

ไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้นเขารู้ว่าเจ้าชายลึกๆแล้วโหยหาสังคมมนุษย์ที่ที่เขาเติบโตมากกว่าจะยอมรับอย่างหมดใจว่าตนเองคือเชื้อสายหมาป่าไพรอนจึงได้เรียกนักบวชระดับสูงของวิหารเทพอนูบิสเพื่อมาช่วยฝึกจิตใจเขาคาดหวังเหลือเกินว่าเจ้าชายไคล์จะไม่เป็นอันตรายอันใดในการฝึกครั้งนี้

พระจันทร์ขึ้นตรงศีรษะส่องแสงนวลละมุนละไมสายลมพัดเย็นเส้นผมปลิวไสวป่าที่เคยคุ้นต้นไม้ทุกต้นไหวเอนตามแรงลมคล้ายทักทายยามที่สองเท้าก้าวเข้าไปกลิ่นดอกไม้ยามดึกโชยกลิ่นมากับสายลม ผาทิวสนขึ้นชื่อว่างดงามนักยิ่งยามค่ำคืน ยิ่งคืนนี้เป็นคืนที่ชาวผาทิวสนกำลังมีงานเลี้ยงหนุ่มสาวที่ชอบพอกันได้เจอะเจอ ถูกใจก็จับคู่คบหากันป่าที่แสนหวานนั้นคนที่ไม่มีคู่จะไม่ย่างกรายผ่านเข้าไปให้เก้อเขิน

ฟรีเซียสูดกลิ่นหอมรื่นเข้าปอดเธอนึกอยากแปลงร่างเป็นหมาป่าไปวิ่งเล่นบนเนินเขาฝากโน้นใกล้ๆกับลานดาวตกสถานที่พำนักของท่านไพรอน และผู้มีอาคมแกร่งกล้าอีกหลายท่านหมาป่าทุกตัวจะทราบดีหากไม่แกร่งพออย่าได้ย่างกรายไปที่นั่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าของสถานที่เท่านั้น

เพราะฤทธิ์เหล้าหวานๆที่หนุ่มๆคอยเติมให้เธออยู่เรื่อยๆหรือเปล่าทำให้เธอมีอารมณ์ที่หวานไหวในความรู้สึกนับตั้งแต่เจอหน้าเจ้าชายไคล์ เธอก็ไม่อาจลืมเขาได้เลย อยากพบเจออยากเห็นหน้าเสียงนุ่มนวลที่เอ่ยทักทายอ่อนโยนแม้เธอจะอยู่ในร่างของหมาป่า แค่คิดหัวใจก็พองฟู

ความรักมักมากับความหวาดระแวงจากความคิดของตัวเองที่ตั้งแง่ขึ้นมาฟรีเซียทั้งมีความสุขและวิตกกังวลไปพร้อมกัน เธอต้องอดทนรอเวลาตามที่ไพรอนเห็นสมควรจึงจะได้พบกันอีกกฏเกณฑ์ความรักของเธอช่างมีมากมาย หากเป็นดังแต่ก่อนเธอคงไม่รู้สึกรู้สา เพราะตอนนั้นยังไม่เคยเห็นหน้ามาบัดนี้จะคืนคำก็ทำไม่ได้ นอกจากรอเวลาเท่านั้น

เท้าสองข้างเดินมาอยู่บนทุ่งหญ้าความสว่างของแสงจันทร์ที่ไม่มีต้นไม้สูงบดบังทำให้มองเห็นดอกไม้หลากๆสีซึ่งบานรับแสงจันทร์อยู่เต็มทุ่ง ด้านเหนือของทุ่งเป็นน้ำตกเล็กๆใหลผ่านเป็นลำธารมีสมุนไพรบางอย่างที่หายากอะไรดลใจให้เธอเดินไปที่นั่น เธอไม่ได้อยากได้สมุนไพรที่ว่านั่นหรอกถึงเจอเธอก็คงปล่อยไว้อย่างนั้นเพราะเธอไม่เชี่ยวชาญในการดูอายุของสมุนไพรหากเก็บมาส่งๆนอกจากใช้อะไรไม่ได้ผลก็จะเสียเปล่าด้วย

อาการมึนเมาจากฤทธิ์เหล้ายังไม่สร่างเธอคิดว่าได้อาบน้ำในลำธารสักหน่อยพอสร่างก็จะกลับลำธารสายเล็กๆต้นน้ำมาจากหุบเขาด้านบนมีแร่ธาตุมากมายดีต่อผิวพรรณฟรีเซียดำผุดดำว่ายอย่างเพลิดเพลิน น้ำไม่ได้เย็นจัดอย่างที่เข้าใจหากแต่กำลังอุ่นสบายเหลือเกินได้นอนศีรษะพาดขอบหินตัวแช่ในธารน้ำอุ่นอาการเมามายก็ค่อยๆสร่างฟรีเซียจึงขึ้นจากธารน้ำแต่งตัวขณะที่กำลังแต่งตัวเธอก็ได้ยินเสียงสัตว์คำรามคล้ายได้รับบาดเจ็บจากที่ใดที่หนึ่งเสียงซวบซาบดังแว่วอยู่ไม่ห่าง หญิงสาวรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว มือกระชับมีดสั้น หูคอยฟังเสียงเสียงนั้นหายไปแล้ว แต่เสียงค้นหายังดังอยู่เธอไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ชนิดไหนคล้ายกับว่าจะรู้ตัวว่าตกอยู่ในอันตรายเสียงที่ได้ยินครั้งแรกจึงเงียบไปแต่ทว่าเธอก็จับเสียงขยับตัวของสิ่งนั้นได้มันอยู่หลังก้อนหินใหญ่เหนือจากที่เธออาบน้ำอยู่เมื่อกี้

หญิงสาวกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินสูงวิ่งไปตามก้อนหินจนถึงจุดที่คิดว่ามีอะไรบาดเจ็บอยู่ที่นั่นเธอจึงหยุดเสียงหอบหายใจติดขัดระคนเสียงครางอย่างอ่อนแรงหญ้าสูงทั้งตรงนี้อยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้หนาทึบ จึงเป็นที่หลบภัยได้อย่างดีฟรีเซียพบเจ้าของเสียงที่ขัดจังหวะบรรยากาศอันรื่นรมย์ส่วนตัวของเธอมันคือหมาป่าสีน้ำตาลทองตัวใหญ่นอนหายใจรวยรินส่งเสียงร้องครางและพยายามจะขยับตัวเท่าที่มองดูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่เป็นเพราะแปลงร่างยังไม่สมบูรณ์ก็เป็นได้จึงทำให้หทมดเรี่ยวหมดแรง ฟรีเซียยิ้มอย่างขบขันเธอนั่งยองๆมองดูเจ้าหมาป่าตัวใหญ่ซึ่งไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวหนีมือของเธอที่กำลังลูบไล้ปลอบประโลมได้แต่คำรามเบาๆกรอกตามองหญิงสาวผู้โสภาด้วยความรู้สึกตะลึ่งงันและหงุดหงิดพูดก็ไม่ได้ ทำได้แต่ส่งเสียงขู่คำรามหวังจะให้แม่สาวอ้อนแอ้นแสนสวยหวั่นกลัวบ้างเขาคิดว่าจัดการได้ขอเวลารวบรวมพลังอีกนิด นอกจากสาวโสภาจะไม่กลัวกลับยิ้มล้อและหัวเราะด้วย

“นี่นายอยู่หมู่บ้านไหนกันถึงได้หลุดมาอยู่แถบนี้หืมม์”สาวโสภาเอ่ยถามล้อๆ คำตอบที่ได้ยินคือเสียงคำรามหงุดหงิดหญิงสาวหัวเราะเสียงกังวาน

“แน้..ถามดีๆมาขู่กันซะงั้นเดี๋ยวไม่ช่วยเสียเลย”หญิงสาวเอียงคอยิ้มให้หมาป่าหนุ่ม หญิงสาวลุกขึ้นยืนมองซ้ายมองขวาคล้ายจะหาอะไรสักอย่างทำให้เขามีโอกาสได้พิจารณารูปร่างของเธอได้อย่างเต็มตานอกจากจะสวยจัดจนเขาตะลึงไปพักใหญ่เรือนร่างสมบูรณ์เต็มวัยสาวยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหวอย่างรุนแรงกางเกงสีดำมันที่แนบไปกับสัดส่วนที่กลมกลึง กล้ามตัวในแนบไปกับเรือนร่างอิ่มเอิบจนแทบจะล้นทะลักหมาป่าหนุ่มผู้บาดเจ็บถึงกับแอบกลืนน้ำลายจนอย่างให้เธอรูดเสื้อแจ็กเก็ตที่สวมคลุมอยู่ให้เรียบร้อยหากว่าตอนนี้เขาพูดเป็นภาษามนุษย์ได้นะ

หญิงสาวเดินลับหายไปสักพักพอให้เขาได้พักนอนหลับตารวบรวมสมาธิซึ่งแตกกระเจิดกระเจิงเมื่อกี้ให้กลับมากลิ่นหอมที่เพิ่งจดจำเมื่อสักครู่ก็เดินกลับมานั่งขัดสมาดอยู่ข้างๆเขาอีกครั้งมือของเธอถือดอกไม้มาด้วยในปากกำลังเคี้ยวดอกที่เธอถือมานั่นแหละสาวโสภายกหัวเขาพาดบนตักนุ่ม มือเรียวลูบหัวเขาไปมาอ่อนโยนเธอคายสิ่งที่เคี้ยวบนฝ่ามือ รอยยิ้มจากริมฝีปากสีสดยิ้มให้เขาอย่างภาคภูมิใจ ไคล์ตาเหลือกอย่าบอกว่าเธอเคี้ยวไอ้ดอกอะไรนั่นยัดปากเขานะ

หนุ่มในร่างหมาป่าดิ้นรนขัดขืนหญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการนั้น

“กินนี่เข้าไปซะ..มันจะช่วยให้นายผ่อนคลายนี่คงไม่ต้องบอกต่อนะว่าจะต้องทำไงต่อ..บ้าจริงนี่ฉันต้องมาสอนหมาป่าแปลงร่างยังกะสอนลิงปีนต้นไม้หรือไร”หญิงสาวบังคับยัดสิ่งที่เคี้ยวใส่ปากหมาป่าเซ่อซ่าได้ก็ลุกขึ้นยืนปัดมือสองสามทีก่อนจะพยักหน้าหยิ่งๆใส่

“โชคดีนะนายเซ่อ..ดูเหมือนโจทย์นายกำลังค้นหาแน่ะ”

ว่าจบเธอหมุนตัวกระโดดไปตามก้อนหินลับหายไปจากสายตาทิ้งให้เขามองตามตาละห้อยด้วยความเสียดายน่าจะให้เขากลายร่างเป็นคนก่อนซิ อย่างน้อยฟังคำขอบคุณจากเขาสักนิดก็ยังดี ไคล์หลับตารวบรวมสมาธิกำหนดจิตไปที่กึ่งกลางหน้าผาก ความผ่าวร้อนแผ่กำจายทั่วทั้งร่างเขารู้สึกถึงความลื่นใหลเหมือนน้ำโอบล้อมร่างกายยามแหวกว่ายในสายน้ำร่างกายยืดขยายกลับมายืนสองขาได้เช่นเดิม เขามองไปยังทิศทางที่สาวโสภาจากไป ริมฝีปากสีสดเอ่ยคำขอบคุณฝากสายลมตามไป ส่วนอีกด้านหนุ่มร่างกำยำสองคนโผล่มาพร้อมกับเสื้อคลุมวางลงบนไหล่เปลือยของเขา

“ขออภัยที่ติดตามท่านมาช้าเกินไป”

“ทุกอย่างปกติดีใช่ไหมเจ้าชาย” เจสันหัวเราะแห้งๆเมื่อสบสายตาขุ่นๆของนายหนุ่ม

“ปกติ แต่หัวใจ..ไม่เลย”




------------------------

Smileyตอนที่6มาอัพช้ามาก ต้องขออภัยด้วยนะคะ พอดีว่าก้มลงหยิบของผิดท่าเส้นพลิกปวดหลังมาก เดี้ยงไปหลายวันเลย นั่งนานๆก็ไม่ได้ทรมานจริงๆ

เพื่อนๆระวังกันด้วยนะคะ ก้มๆเงยๆนี่ต้องระวังกันทีเดียว

Smileyอีกเรื่องที่อยากบอก คงจะอัพไม่ได้ทุกวันนะคะแต่จะพยายามเท่าที่สังขารจะเอื้อ  อย่าเพิ่งหนีหายจากเค้าไปไหนนะแค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแย่แล้ว ขอบคุณจริงๆ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ




Create Date : 25 พฤษภาคม 2558
Last Update : 25 พฤษภาคม 2558 15:47:30 น.
Counter : 404 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wynter289
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]