Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
15 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
Don Quixote de la Mancha: สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (ของคนบ้า ๆ บวม ๆ) ตอนที่ 1

พูด ถึงภาษาสเปน แล้วไม่นึกถึงวรรณคดีสเปน ก็กระไรอยู่ มีอยู่เรื่องนึง ที่ดัง ๆ มั่ก ๆ ขนาดสมัยที่หมีเรียนวรรรณคดีอังกฤษ โปรเฟสเซอร์ ยังต้องเอาเรื่องนี้มาสอน อิอิ มันก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับวรรณคดีอังกฤษหรอก แต่เป็นวิชาเลือก แล้วเลือกไปโดนวรรณกรรมตะวันตก แล้วก็เลยได้เรียนเรื่องนี้แหละ

"Don Quixote"

ก่อนเข้าเรื่อง มาทำความรู้จักกับชื่อเรื่องที่อ่านแปลก ๆ ไม่เหมือนกับที่เห็นซะก่อน เพื่อความเคยชิน

Don Quixote อ่านว่า ดอน กิโฆเต ส่วนคนเขียนชื่อ Cervantes (เซรบานเตส) เนื่องจาก ในภาษาสเปน ตัว v ออกเสียงเหมือนตัว b และตัว t ออกเสียงคล้าย ๆ ต เต่า อย่าง ตัว T ในคำว่า Stop ในภาษาอังกฤษ แต่นุ่มนวลกว่า ไม่ต๊อปซะทีเดียว วุ้ย อธิบายยาก..ส์ เอาเป็นว่า ประมาณนี้แหละ อ่านในใจไม่ต้องออกเสียง อิอิ สรุปแล้วหมีเรียก ดอน กิโฆเต ตามที่โปรเฟสเซอร์ออกเสียงตอนหมีเรียนละกัน ง่ายดี กรั๊กกกก

อีกอย่าง เด๋วจะสงสัยกัน ว่าทำไมชื่อเรื่องนี้อ่านแปลก ๆ เด๋วกิโฆเต เด๋วกิโฆเต มันอะไรกันแน่ จากข้อมูลที่ค้นเจอ และเจ้าของภาษารับรอง

คำว่า Quixote เป็นการสะกดแบบดั้งเดิมของเจ้าของภาษาในสมัย Castilian ยุคกลางโน่น และก็เป็นคำที่ใช้ในชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษด้วย แต่กระนั้น ภาษาสเปนสมัยใหม่จี๊ด ได้มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อน การออกเสียงตัว x เลยเปลี่ยนไปเป็นเสียงตัว j แล้วไอ้เสียงตัว j ในภาษาสเปนสมัยเนี้ย เค้าออกเสียงคล้าย ๆ ฮ นกฮูก แต่ไม่ใช่ ฮ บ้านเราแบบชัด ๆ ซะทีเดียว มันเป็นแบบคล้าย ๆ มีเสียงขาก ๆ คร่อก ๆ ในลำคอ บางคนเลยใช้ ฆ ระฆังแทน สรุปแล้ว ประมาณว่า ดอน กิโฆ (ขาก) เต เค้ามีเคล็ดลับจำง่าย ๆ ว่า Donkey Hotey หรือ Don Quicks Oat กระทั่ง Donk Quitz Olt ฮี่ ๆ ๆ ๆ แต่หมีชอบ Donkey Hotey ที่ซู้ดดดด เอิ้กส์

เรื่อง ดอน กิโฮเต นี้ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Don Quixote: Man of La Mancha (don ki'xote ðe la 'mantʃa) ถอดเป็นเสียงภาษาไทยว่า ดอน กิโฆเต: แมน ออฟ ลามันชา (ไม่ช่าย ลามัจฉา เรื่องนี้ไม่เกียวอะไรกับเจ้ามัจฉาปลาน้อยแน่นอน กรุณาอย่าสับสน)

ตอนแรกที่ได้ยินชื่อเรื่อง หมีนึกว่าเป็นเรื่องรบ ๆ จริง ๆ จัง ๆ แบบ King Arthur หรือพวกนิยายปกรณัม ที่ไหนได้ เป็นงานประพันธ์ที่โคตรฮา เสียดสีกระแทกแดกดันได้เยี่ยมมั่ก ๆ ประเภทที่ทำให้เด็กหัวเราะ (สำหรับหมี เพราะหมีเป็นเด็ก กร๊ากกก) ถ้าเป็นคนหนุ่มสาว ก็ต้องคิดกันหน่อย เพราะมันมีแง่คิด และเชื่อป่าว ว่าคนแก่อ่านแล้วหลั่งน้ำตาเพราะความลุ่มลึกของงานเขียนชิ้นนี้ เว่อร์มะ อันนี้ เค้าว่ากันต่อ ๆ กันมา ใครวัยไหน ไปอ่าน แล้วจะรู้สึกเอง อิอิ

สำหรับตาคนเขียน อย่างที่เกริ่นไปแล้ว ว่าคือ เซรบานเตส แกมีชื่อเต็มยศว่า Miguel de Cervantes Saavedra อ่านว่า มิเกล เด เซรบานเตส ซาเบดรา มีชีวิตอยู่ระหว่างช่วงปี ค.ศ.1547-1616 โบราณหงำเหงือกเชียว


เรื่องที่น่าทึ่งเกี่ยวกับตาคนเขียนคือ เขาได้รับการยกย่องให้เป็นกวีเอกในยุคทอง ที่มีการวางพลอตเรื่องเป็นแบบ Picaresque romance ฉากอลังการ ที่กำหนดเรื่องให้เกิดในยุคการฟื้นฟูศิลปวิทยาในสเปน นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ 2 หน ด้วยกัน หนละตอน ว่างั้นเหอะ ตอนแรก พิมพ์ใน ค.ศ.1601 และตอนที่สองใน ค.ศ.1615 ยิ่งกว่านั้น นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวรรณกรรมชิ้นเอกของโลก (โปรเฟสเซอร์เลยต้องเอามาให้ ด.ญ. หมีเรียนไง โดยมอบหมายให้อ่านวันละ 50 หน้า เช้ามามี pop quiz อดเดินเที่ยวสยามดูหนุ่มเลยตรู ฮือ)


มาดูเรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัวของของท่านผู้แต่งกันดีกว่า

เซอรบานเตสเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ชีวิตมาก (อายุมาก ก็ประสบการณ์มากเป็นธรรมดา ว่ามะ) และเกิดมาในครอบครัวใหญ่ เขาได้มีโอกาสเดินทางไปกรุงโรมใน ค.ศ.1569 โดยได้ไปทำงานรับใช้ พระ Cardinal Giulio Acquaviva และต่อมาได้เป็นทหารไปรบกับเติร์กใน ค.ศ.1571 ซึ่งในการรบนี้เอง ทำให้เขาเป็นอัมพาตที่แขนซ้าย ฮือ น่าสงสารจังงงงงงง

เมื่อเดินทางกลับสเปนใน ค.ศ.1575 (400 กว่าปีก่อนหมีเกิด) เขาก็ถูกพวกโจรสลัดจับตัวไปเป็นทาสที่อัลจีเรีย อ๊ากกกกส์ แต่เขาพยายามหนีจากที่คุมขัง อนิจจังที่หนีไม่สำเร็จ พอ ค.ศ.1580 ครอบครัว และเพื่อนฝูงจึงไถ่ตัวเขาออกมาได้ (ไม่รู้ว่าทำอะไรกันอยู่ ปล่อยให้ติดคุกหัวโตอยู่ตั้งนาน ญาติหนอญาติ)



เป็นที่น่าเศร้าใจว่า เขาไม่มีโอกาสได้ทำงานกับขุนนางอย่างที่ใจปรารถนา จึงหันเหไปเป็นนักประพันธ์ นวนิยายที่ทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียงคือ La Galatea ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1585 (ชื่อเรื่องไม่ใช่ La galleta ที่แปลว่าคุกกี้ เจ้าหมีอย่าสับสน แหะ แหะ ว่าแล้ว พิมพ์ไปก็อยากกินคุกกี้อีกแระ)

กลับเข้าเรื่อง ชีวิตหนอชีวิต .. ในช่วงนั้น เขาถูกทางการจับกุมตัวอีกหลายครั้งเพราะไม่ได้เสียภาษีให้แก่รัฐอย่างถูกต้อง (ไม่น่า...เลย) และระหว่างอยู่ในคุกหัวโตเพราะหนีภาษีนี่เองที่ ท่านเซรบานเตส เกิดปิ๊งไอเดีย ได้แนวคิดเรื่องคนบ้าที่ฝันอยากเป็นอัศวินยุคกลาง ขึ้นมา (คล้าย ๆ กับตัวคนแต่งเองที่อยากทำงานกับขุนนางอ๊ะป่าวหนออออ อิอิ) ตอนแรกเขาตั้งชื่อบทประพันธ์ว่า "The History of the Valorous and Wittie Knight-Errant Don Quixote of tne Mancha" (1605) ชื่อยาวโคจรรรรร ซึ่งได้ประสบความสำเร็จมาก แต่เขากลับไม่ได้รับรายได้เพียงพอแก่การครองชีพเลย (กรรมสนองตอนหนีภาษีซะแร้วไม๊ล่ะ)

ต่อมาใน ค.ศ.1615 จึงได้ตีพิมพ์ ดอน กิโฆเตตอนที่ 2 โดย มีเป็นการเสียดสีเรื่องราวของบรรดาอัศวินที่ได้รับการชื่นชมอย่างเหลือเกินในสมัยของเขา (น่าหมั่นไส้ ว่างั้น) และยังได้แทรกความคิดออกแนวความฝันสวยหรูของเขาไว้อย่างมโหฬาร (อ่านไปจะขำ เพราะพี่แกเสียดสีได้แสบส์มั่ก ๆ) นอกจากความคิดเชิงเยาะเย้ยแล้ว เขามองสังคม และการดำรงอยู่ของผู้คนในสมัยของเขาเป็นเรื่องขำขันซะงั้น ซึ่งทำให้นวนิยายมีลักษณะเหมือนเป็นส่วนตัดระหว่างสภาพชีวิตของชาวสเปน ความรู้สึกนึกคิด และความรู้สึกของผู้ประพันธ์เกี่ยวกับตอนปลายยุคกลางน่ะเอง
อยากอ่านกันแล้วละซิ มา มา .. มาดูเรื่องย่อกัน แบบไม่สปอยล์

"..ไม่ว่าสภาพความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร
ก็ไม่อาจมาขวางกั้นขอบเขตแห่งจิตนาการ
แม้ในยามอับจนสิ้นไร้
ความฝันใฝ่ก็ยังปราศจากเขตแดน.."


คุกใต้ดินแห่งหนึ่งในนครเซบิลยา ประเทศสเปน มิเกล เด เซรบานเตส ถูกศาลศาสนาจับกุมมาคุมขังรวมกับนักโทษอื่น ๆ ซึ่งมีทั้งหัวขโมย ฆาตกร แมงดาและโสเณี บรรดานักโทษเหล่านี้ ล้วนอยู่กันอย่างซังกะตาย ทุกคนต่างหมดสิ้นความหวังในชีวิต และภายในคุกนี้ เซรบานเตสก็ยังถูกนักโทษด้วยกัน กล่าวหาว่าเป็นนักอุดมคติ กวีชั้นเลวและคนซื่อ ซึ่งเขาก็ยอมรับในข้อกล่าวหา แต่เซรบานเตสก็ยังขอโอกาสต่อสู้คดี เพื่อแก้ข้อกล่าวหา ด้วยการนำเสนอละคร อันเป็นเรื่องราวของ ดอน กีโฆเต้ อัศวิน แห่งลามันช่า ผู้พร้อมที่จะต่อสู้กับเหล่าอธรรม และใฝ่ฝันถึงแต่สิ่งที่ดีงาม แล้วเขาก็ได้จุดไฟฝัน ให้สว่างขึ้นมาในหัวใจของปรรดาผู้สิ้นไร้ ซึ่งครั้งหนึ่งต้องดำรงอยู่อย่างยอมรับสภาพความจริง ของชีวิตอันยากแค้นขมขื่น

เนื้อเรื่องย่อ ตอนที่ 1

เป็นเรื่องชีวิตของสุภาพบุรุษยากจน หลังเกษียณอายุ เขาคือ Alonzo Quixano ที่อาศัยอยู่ ณ แคว้น La Mancha อะลองโซเป็นนักอ่านตัวยง ที่ชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวิน กับการประลองระหว่างอัศวินในยุคกลาง จนถึงกับฝันว่าวันหนึ่งเขาจะต้องเลียนแบบพฤติกรรมของพระเอกในหนังสือ และจะรื้อฟื้นคตินิยมของอัศวินขึ้นมาใหม่ให้ได้ ด้วยเหตุนี้อะลองโซจึงเปลี่ยนชื่อเป็น ....

"Don Quixote de la Mancha"


เขาจัดหาอาวุธประจำกาย ใส่เสื้อเกราะคือเครื่องแบบนายไปรษณีย์ของปู่ทวด มีม้าขาหักคือ Rosinante เป็นพาหนะ เตรียมการเผชิญหน้าแบบนักรบยุคกลาง โดยไม่กลัวว่าจะเป็นคนหรือปีศาจ และมีเด็กรับใช้ส่วนตัว คือ Sancho Panza อุดมการณ์ที่ดอน กิโฮเตตั้งไว้ในใจ คือการปกป้องเด็กกำพร้า เกียรติยศสตรีทั้งหลาย และเป็นเพื่อนทุกคนที่ตกทุกข์ได้ยาก รวมทั้งการพยายามฟื้นฟูการบูชาความงาม (beauty) ความจริง (truth) และความยุติธรรม (justice) แบบกรีก เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มการผจญภัยของเขาทันที ตะแร้นนนนนนนน



ดอน กิโฆเตเดินทางผจญภัยตามความคิดของเขา และมักจะเริ่มการปฏิบัติการที่ไม่สู้จะเข้าท่าเท่าใด เช่น การบุกเข้าไปในกองคาราวานพ่อค้า เพราะคิดว่าเป็นกองกำลังฝ่ายตรงกันข้าม เป็นเหตุให้เขาถูกพวกพ่อค้ารุมทำร้ายอย่างรุนแรง เพราะคิดว่าเขาเป็นชายแก่สติเสียที่บุกเข้ามาในกลุ่มของตน เขาต้องกลับบ้านอย่างสะบักสะบอม โชคดีที่เขามีพระประจำหมู่บ้านที่แสนดี คือ Pedro Perez กับช่างตัดผมชื่อ Master Nicholas มาช่วยดูแล และเพื่อให้ตาดอนลดความบ้าคลั่งลงบ้าง ทั้งสองคนจึงเผาห้องสมุดหนังสืออัศวินเสีย แต่ดอนกลับทึกทักว่าห้องสมุดของเขาถูกพ่อมดขี้ขโมยเข้ามาคุกคาม ทำให้เขาต้องออกเดินทางใหม่พร้อมกับซานโช ปานซา ส่วนสตรีที่ดอนสมมติให้เป็นหวานใจอัศวิน คือสาวชาวบ้านที่มีฝีมือในการทำหมูเค็มมีชื่อใหม่ว่า Dulcinea del Toboso


อันที่จริงแล้วอัศวิน และเจ้าเด็กติดตาม หรือ สไควร์น่าจะออกเดินทาง ตอนกลางคืน แต่ดอนคิดว่าควรจะให้ทุกคนได้เห็นความกล้าหาญของเขา ที่พร้อมจะออกไปสู้ศึกเยี่ยงอัศวินผู้กล้า เขาเริ่มการผจญภัยเมื่อได้เห็นกังหันลมซึ่งดอนเหมาว่าเป็นสัตว์ประหลาด เขาควบม้าของเขาเข้าจู่โจมทันทีโดยคิดว่ากังหันลมนั้น คือยักษ์ที่ชั่วร้าย ปรากฎว่าใบพัดของกังหันอันหนึ่งหมุนมาปะทะร่างของเขาจนลอยละลิ่วไปในอากาศ ปานซาต้องดึงตัวดอนขึ้น และพยายามเปลี่ยนความตั้งใจที่จะสู้กับสิ่งไม่มีชีวิตนั้น แต่ดอนก็ย้ำให้ปานซาเข้าใจว่ากังหันลมนั้น คือ พ่อมดที่ปลอมตัวมา
การผจญภัยต่อมาของดอน กิโฆเตตามลำดับ คือ การได้พบพระสองรูป และชายสองคนที่ขี่ม้ามาพร้อมกับรถนั่งที่มีสตรีนางหนึ่งนั่งมาด้วย ดอนเริ่มฝันทันทีว่าหญิงนั้นเป็นเจ้าหญิงที่ถูกลักตัวมา เขาต้องเข้าไปช่วยเธอจากโจรร้าย ครั้งนี้เขาถูกพระและชายหนุ่มบนหลังม้าขัดขวางเต็มที่ ผลก็คือดอนต้องเจ็บตัวอีก ต่อมาเมื่อเดินทางไปถึงโรงแรมเล็ก ๆ ดอนก็เข้าไปสอดแทรกในการนัดพบกันระหว่างชายแบกหามกับสาวใช้ ดอนถูกคนแบกหามตี และเจ้าของโรงแรมก็เรียกร้องค่าเสียหายที่ดอนเข้ามก่อเรื่องวุ่นวาย ทั้งสองคนต้องพากันหนีเตลิดเปิดเปิงแบบคลุกฝุ่น ที่เกิดจากการเดินทางของฝูงแกะสองกลุ่มใหญ่ แทนที่ดอนจะพยายามเข้าใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เขาก็กลับคิดว่าฝุ่นนั้นเกิดจากการต่อสู้ระหว่างอัศวินสองฝ่าย เขารีบเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทันที ฝูงแกะเกิดแตกตื่น เด็กเลี้ยงแกะจึงเอาก้อนหินปาดอนจนบาดเจ็บ



พอถึงกลางคืนที่มีการทำพิธีศพงานหนึ่ง ดอนก็คิดว่าขบวนผู้คนที่เดินมาเป็นสัตว์ร้ายกำลังพากันเดินออกมา เขาตรงเข้าจู่โจม และเดินตามขบวนศพไปโดยมีซานโชพยายามอธิบายความจริง และเรียกชื่อเขาว่า Knight of the Sorry Aspect และเมื่อเดินทางต่อมาในตอนกลางคืนเขาได้ยินเสียงร้องครางตลอดคืน ดอนก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะจัดการกับยักษ์เจ้าของเสียงโดยเร็ว เขาเตรียมตัวจะขึ้นลาไปยังที่มาของเสียง แต่ชานโซรู้สึกขยาด ที่จะต้องถูกผู้คนรุมตีเอาอีก เขาจึงใช้วิธีดึงเจ้าลาพาหนะไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนได้ ดอนต้องรอจนถึงเช้าจึงรู้ว่าเสียงร้องครวญครางนั้น คือเสียงใบพัดลมในโรงสีข้าวไม่ใช่ยักษ์มารที่ไหน
คู่ต่อสู้คนต่อไปของดอน คือช่างตัดผมผู้น่าสงสารคนหนึ่งที่ดอนเข้าไปยึดอ่างใบไหญ่มาเพราะ ดอนคิดว่าอ่างนั้นคือเสื้อเกราะทองของ Mambrino และเครื่องอานม้าก็คือถุงบรรจุทองคำจำนวนมาก คราวนี้ดอนไม่เจ็บตัวเท่าใดนัก เพราะไม่ใช่เป็นการจู่โจมคนกลุ่มใหญ่เหมือนที่ผ่านมา เขากับลูกน้องเดินทางต่อไปจนถึงโรงเก็บทาสที่ดอนเกิดทึกทักอีกว่า เขาจะต้องปลดปล่อยทาสเหล่านั้นให้ได้ ดอนสมมติตนเองเป็นอัศวินเช่นเคย คราวนี้ทำให้ซานโชกลัวโทษทัณฑ์จากเจ้าของทาสถึงกับหนีไปอยู่ที่ภูเขา แต่ไม่นานก็กลับมาหาดอนอีกด้วยความเป็นห่วง และนำเรื่องของดอนไปเล่าให้เพื่อนของดอนฟัง ทั้งสองคนจึงเดินทางมากับซานโช และวางแผนที่จะพาตัวดอนกลับบ้านเสียที


ทั้งหมดเดินทางมาถึงโรงแรมเดิมที่เคยมาพัก พระเล่าเรื่องความไม่เต็มเต็งของดอนให้เสมียนโรงแรมฟัง เสมียนยอมรับว่าตนก็คลั่งเรื่องอัศวินเหมือนกัน ฝ่ายดอนเมื่อนอนหลับก็ฝันว่าต่อสู้กับยักษ์ เขาใช้ดาบแทงยักษ์สองตน ซึ่งเมื่อตื่นขึ้นกลับพบว่าเป็นถุงห่อไวน์อันมีค่าสองอันของเจ้าของโรงแรม พอดีช่างตัดผมที่ยังโกรธแค้นผ่านมาพอดี เขาจึงทวงอ่างกับอานหลังม้าคืนจากดอน ตำรวจที่ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของทาสก็มาถึง เตรียมจับดอนกับซานโชในความผิดฐานปล่อยทาส พระจึงเล่าเรื่องสภาพจิตที่ไม่ปกติของดอนให้ตำรวจฟังด้วย ตำรวจจึงพากันกลับไป



เมื่อมองไม่เห็นหนทางที่จะพาดอนกลับบ้านอย่างสงบได้แน่แล้วเพื่อน ๆ ของดอนจึงพากันปลอมตัว และจับดอนใส่กรงแบบที่ใช้ขังวัว สักพักหนึ่งก็เกิดสงสาร และปล่อยตัวดอนที่สาบานว่าจะไม่หนี และยังทำความพอใจให้แก่ดอนด้วยการคุยกันเรื่องอัศวิน และต่อมาช่างตัดผมกับพระได้แวะมาเยี่ยมดอน และส่งข่าวเรื่องเติร์กกำลังจะเข้าโจมตีสเปน ดอนจึงเสนอให้กษัตริย์ทรงรวมบรรดาอัศวินมาช่วยกันรบกับเติร์ก คราวนี้ซานโชเห็นว่าจะห้ามนายไม่อยู่อีก เขาจึงบอกดอนว่าหนังสือเกี่ยวกับเรื่องอัศวินยังคงมีอยู่ ทำให้ดอนยิ่งฮึกเหิมที่จะได้ไปรบเยี่ยงอัศวินจริง ๆ ที่ Saragossa



เพื่อน ๆ ของดอนรู้ว่าไม่สามารถจะห้ามดอนได้ จึงได้แต่จัดให้มีผู้ติดตามดอนไป จุดหมายแรกของดอน คือบ้านของ Dulcinea ที่ El Toboso เขาไปแอบซุ่มอยู่ในป่า ซานโชเห็นหญิงสาวสามคนขี่ม้าออกจากหมู่บ้าน เขาจึงขี่ม้าไปบอกดอนว่าดัลซิเนียกับสาวใช้เดินทางออกมาแล้ว ดอนรีบออกไปกล่าววาจาต้อนรับแบบคนบ้า ทำให้หญิงสามคนตกใจหนีไป สองคนนายบ่าวก็ปักหลักอยู่ในป่าที่เดิม พอดีมีอัศวินกับสไควร์อีกคู่หนึ่งโผล่มา อัศวินคนใหม่โม้ว่าเขาสามารถปราบอัศวินทุกคนในสเปน ฝ่ายดอนไม่ยอม เขาท้าอัศวินหน้าไหม่มาสู้กัน อัศวินคนใหม่ตกจากหลังม้า ปรากฎว่าแท้จริงเขาคือ Carrasco นักศึกษาที่ปลอมตัวมา ส่วนสไควร์ก็คือเพื่อนของซานโช และคารรัสโกนั้นโกรธมากที่ต้องพ่ายแพ้ดอน และสาบานวาจะแก้แค้น



ดอนกับซานโชเดินทางต่อไปพบกับคนลากเกวียนบรรทุกสิงห์โตผ่านมา ดอนเข้าไปขอร้องให้เจ้าของเปิดกรงเพราะสงสารสิงห์โตที่ถูกขัง เจ้าของสิงห์โตเชื่อฟัง และเปิดกรงสิงห์โต ถ้าสิงห์โตออกมาจริง ๆ ดอนก็คงจะแย่ แต่น่าเแปลกที่สิงห์โตกลับไม่ยอมออกจากกรง มันเพียงแต่ยืนขวางประตูอยู่เท่านั้น ดอนจึงรอดตายมาร่วมงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว ที่เจ้าบ่าวใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกเจ้าสาวมาแต่งงาน โดยบอกเจ้าสาวของเขาว่า เขาเป็นชายร่ำรวยที่เจ้าสาวเลือกไว้ ดอนพยายามจะเข้าไปเกี่ยวข้องตามเคย ก่อนที่จะเดินทางต่อไป Caves of Montesinos ที่เขาไปนอนหลับอยู่ที่ก้นหลุมพร้อมกับความฝันว่าได้ใช้เวลาถึงสามวันในวัง และในป่ามหัศจรรย์กับดัลซิเนียที่เขาหลงรัก และเทิดทูน

ครั้นแล้วดอนก็เดินทางมาถึงโรงแรม และได้พบคนเชิดหุ่นเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ดอนกับลูกน้องต้องหนีลงเรือที่แม่น้ำเอโบรไป พบกังหันลมขนาดใหญ่ที่ทำให้ดอนฝันต่อว่าเขาเดินทางไปถึงเมืองใหญ่ ที่รอให้เขามาปลดแอก เขาเดินหลงทางเข้าป่าได้พบกับนางพรานสาวที่อ้างว่ารู้เรื่องอัศวิน และคนรับใช้เป็นอย่างดี ทั้งสองคนจึงตามเธอไปที่ปราสาทของดุ๊กกับดัทเชส ที่ได้รู้เรื่องการผจญภัยของเขาก่อนหน้านี้ มีการแสดงเรื่องของดัลซิเนียผู้เศร้าสร้อยซึ่งแท้จริง คือคนรับใช้ของท่านดุ๊กปลอมตัวมา ฝ่ายซานโชถูกเฆี่ยนถึง 500 ที และต้องร่วมเล่นตลกโดยขี่ม้าไม้วิเศษในเรื่องเข้าไปในป่า ทั้งสองถูกปิดตาขี่ม้าโดยถูกพวกคนรับใช้เป่าลมเข้าหน้ากับใช้ไต้ส่องทางประชิดที่หน้า



ซานโชตัดสินใจเดินทางไปที่เกาะ ซึ่งก็ คือหมู่บ้านภายใต้การปกครองของดุ๊กกับดัทเชส เขาอยู่ที่นั่นหนึ่งอาทิตย์แล้วจึงออกเดินทางไปพร้อมกับดอน ครั้งแรกมุ่งไปที่ Saragossa ต่อมาเปลี่ยนไป Barcelona (บ้านเชร็ค) ซึ่งประชากรที่นั่นได้ล่วงรู้เรื่องราวการผจญภัยของดอนมาก่อนด้วย เขาทั้งสองได้เป็นแขกของ Moreno ที่ขอให้ทั้งสองคนไปตรวจดูห้องๆ หนึ่งที่ต่อมากลับกลายเป็นห้องในเรือที่มีโจรสลัดไล่ติดตามออกทะเล ซานโชกลัวมาก เพราะนอกจากโจรสลัดแล้วก็ยังมีอัศวิน White Moon เดินทางมาบาเซโลนามาท้าดวลกับดอน ผลการต่อสู้คือการที่ดอนแพ้ และปรากฎในภายหลังว่าอัศวินที่มาท้าทายนั้นคือ Carraso นั่นเอง

เรื่องราวในตอนที่หนึ่งโดยสรุป จึงเป็นเรื่องที่เล่าถึงภาพฝันของดอน และลักษณะอุดมคติ (idealistic) ที่ทำให้ดอน กิโฮเตมุ่งมั่นที่จะกระทำตนเป็นผู้มีคุณธรรมแบบอัศวินยุคกลาง จนไม่ยอมฟังเสียงของซานโชที่เป็นสัจนิยม (realistic) ความบริสุทธิ์ที่ดูเกือบจะเป็น "ไร้เดียงสา" ของดอน กิโฮเตกลับสร้างมุมมองที่น่าเอ็นดูจนในภายหลังซานโช เองก็เกิดความเห็นใจ และไม่ขัดขวางดอนอีก

เด๋วค่อยมาต่อตอน 2 บล็อกยาวไปแร้นน

Source:
เอามาจากหลายเว็บไซต์ที่ Google เจอ แต่มิได้นำมาลงเครดิตอย่างละเอียด ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ บางส่วนก็ลอกมาทั้งดุ้น กร๊ากกกก


Create Date : 15 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 21 มิถุนายน 2551 6:00:46 น. 6 comments
Counter : 5342 Pageviews.

 
โอ้ คุงหมีขา

เรื่องพี่ดอนนี้ มัน คลาสสิค แล้วนะเจ้าคะ แองจี หลงไหลได้ปลื้มมาตั้งกะถักสองเปียวิ่งเล่นอยู่แถวๆวังอัลคาซาร์ (มิใช่ โรงละครกระเทยแถวพัทยานะคะ) เนื้อเรื่องดูดี แต่ ประดประชัน black comedy ค่ะ ชีวิตนี้ ก็งี้แหละนะ อะไรที่หวัง แล้วไม่ได้ดังหวัง ก้ขอบ้ามันไปเรื่อยๆ สบายดี เฮ้อออออ


โดย: angy_11 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:18:16 น.  

 
ชอบไก่ย่างแต่ตอนนี้กินไม่ได้แร้นง่ะ แต่กินคุ้กกี้ได้นะจ๊ะ


โดย: kimji (kimji ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:34:00 น.  

 
ตอนเริ่มเรียนภาษาสเปนใหม่ๆ (ที่เมืองไทย) อาจารย์เอาวิดีโอเรื่องนี้มาให้ดู โดยส่วนตัวชอบนะคะ น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมชั้นหลายๆเห็นว่าเป็นเรื่องงี่เง่า


โดย: Bramasole วันที่: 28 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:40:18 น.  

 
เคยเรียนเรื่องนี้แล้ว สนุกมาก


โดย: romi IP: 203.156.183.202 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:19:43:28 น.  

 
hola,
yo hablo espanol un poco.
หวัดดีคับ เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบในภาษาสเปน ตอนนี้ผมเรียนภาษาสเปนอยู่ได้ เทอมนึงแล้ว แต่รู้สึกว่าไวยากรณ์มันยากไปหน่อย
ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่า เรียนอย่างไรให้เข้าใจง่าย
engantado ,andre


โดย: andre IP: 210.249.129.118 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:42:12 น.  

 
ถ้ารักในสิ่งที่ทำ อะไร ๆ ก็เป็นเรื่องง่ายเจ้าค่ะ


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 22 ธันวาคม 2549 เวลา:1:01:08 น.  

ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.