Just an ordinary girl.
Group Blog
 
All blogs
 
รักฝึกหัด บทนำ


บทนำ

มีพบต้องมีจาก มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่ใครต่างก็รู้ดี ทว่าบางครั้งการจากลาที่ว่าก็ทำท่าจะแวะมาเยือนอย่างกะทันหันราวกับลมพายุ

ซีอีโอหนุ่มก้มมองชื่อบนจดหมายลาออกในมืออย่างไม่แน่ใจนัก

“จดหมายลาออก

กวาดสายตาเพียงปราดเดียวชิงเทียนก็รู้ว่ามันคืออะไร แน่ล่ะว่ามันเขียนจุดประสงค์เอาไว้ให้เห็นได้ชัดๆ แต่ชื่อเจ้าของจดหมายต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกหมัดน็อก ความจริงการยื่นจดหมายลาออกไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับบริษัทของเขา เมื่อสามเดือนก่อนโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานด้วยกันครบปีไม่ทันไรก็ลาออกไปเรียนต่อ เดือนก่อนที่ผ่านมาพนักงานพาร์ทไทม์ที่ทำบทความบนหน้าเว็บไซต์ก็บอกลากันไปหมาดๆ สัปดาห์ก่อนพนักงานใหม่แผนกเซลล์ที่เข้ามาได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็เพิ่งลาออกไป...

ของแบบนี้มันไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านอะไรหรอก ถ้าคนที่ยื่นจดหมายประสงค์ลาออกไม่ใช่เจ้าของตำแหน่งที่มีเพียงคนเดียวของบริษัท

            “หา ใครจะลาออกอีกล่ะ” คันศร...หนึ่งในบรรดาสามหทารเสือที่ร่วมก่อตั้งบริษัทหันมาถามด้วยท่าทีเหนื่อยใจเมื่อคิดถึงภาระงานบนบ่า คนช่วยงานก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว ยังจะมีใครลาออกอีกหรือ... แย่จริงๆ

ทว่านั่นเป็นเพียงอาการแรกก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบ ชิงเทียนมองหน้าคนถามอย่างที่เดาได้ว่า เขาคิดไม่ถึงทีเดียวล่ะว่าจะเป็นคนๆ นี้ “คุณอร”

            “เฮ้ย!”

ปฏิกิริยาแรกของชายหนุ่มคือเบิกตากว้าง ชะงักค้าง แล้วนาทีต่อมาก็หลุดปากอุทานเสียงดังลั่น ความที่เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่เสียงจึงดังไปทั้งออฟฟิศ โชคดีว่ายังเป็นเวลาเช้ามาก ปกติที่นี่ไม่เข้มงวดเรื่องเวลาเข้าออกนักคนจึงนิยมมาหลังเก้าโมงสิบโมงแล้วกลับดึกมากกว่า แต่เพราะวันนี้มีประชุมสรุปงาน ทีมผู้บริหารอย่างพวกเขาจึงมารวมพลกันแต่เช้า

ความที่เช้ากว่าปกติ จึงไม่มีร่างของพนักงานคนอื่นปรากฏอยู่ในออฟฟิศ และถึงแม้ว่าจะมีใครนั่งทำงานอยู่ก็ไม่มีอะไรต่างกันนัก เมื่อบรรยากาศการทำงานของที่นี่ยังค่อนข้างสบายๆ ตามสไตล์ของบริษัทสมัยใหม่ที่ถือว่าสภาพแวดล้อมมีผลต่อการทำงาน และสภาพแวดล้อมที่เข้มงวดเกินไปมันน่าอึดอัด

และมันสบายๆ นี่ล่ะ ทำให้ตรีเพชรที่ค่อนข้างขรึมและเงียบมาตลอดกล้าปรามแกมด่าโดยไม่กลัวว่าจะเสียภาพลักษณ์

            “นายจะแหกปากทำไม”

            “ใครจะเหมือนนายเล่าตรี จู่ๆ คุณอรมาลาออกแบบนี้ไม่ตกใจก็แปลก”

            “ก็ไม่ได้ว่าอะไร จะช็อกหรือตกใจมันก็เรื่องของนาย แต่แหกปากมันหนวกหูคนอื่น” แล้วเขาก็ทำท่าแคะหูหมุนมือไปมา เหมือนจะบอกว่าตัวเองหูอื้อไปหมดแล้ว

คนถูกด่าเลยได้แต่ส่งค้อนวงโตไปให้ ก่อนเปลี่ยนทิศทางมาที่เจ้าของกฏหมาย ซึ่งเป็นหัวข้อหลักมาแต่เดิม “ทำไมอยู่ๆ คุณอรถึงจะลาออกล่ะครับ หรือว่านายเปามันโยนงานให้คุณอรหนักเกินไป...” ท้ายประโยคพาดพิงถึงคนรั้งตำแหน่งซีอีโอ

ไม่ทันขาดคำ แฟ้มพลาสติกก็ถูกสะบัดลงมากลางกระหม่อม...

ผัวะ!

            “พูดให้มันดีๆ หน่อย” เจ้าของแฟ้มเตือนพลางตบมันกับมืออีกสองสามที คนเพิ่งโดนลงฑัณฑ์จึงได้แต่ลูบหัวป้อยๆ ทว่าท่าทางโอดครวญเกินจริงนั้นกลับไม่มีใครสนใจเลยแม้แต่คนเดียว ตรงกันข้าม ทุกคนกลับสนใจประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจดหมายนั้นมากกว่า

ชิงเทียนไม่เปิดผนึกจดหมายเพื่ออ่านข้อความด้านใน เขามองเพียงแค่ตัวหนังสือที่บ่งบอกถึงใจความสำคัญ ก่อนสบตาเลขานุการเพียงคนเดียวที่กำลังจะกลายเป็นอดีต

            “ตกใจหรือคะ”

สามทหารเสือแต่ละคนต่างมีปฏิกิริยาต่อคำถามนั้นต่างกันไปตามลักษณะนิสัยของตัวเอง ชิงเทียนซึ่งมีความเป็นผู้นำสูงจนติดรักษามาดเป็นนิสัยพยักหน้าน้อยๆ อย่างรักษาท่าที พลางใช้ปลายนิ้วถูกระดาษซองจดหมาย คล้ายกำลังใช้ความคิดประเมินสถานการณ์ตอนนี้

ขณะที่คนตรงไปตรงมาไม่เคยมีมาดอย่างคันศรพยักหน้ารัวแบบไม่เกรงกลัวว่าคอจะพลาดเคล็ดเข้าให้ ส่วนคนนิ่งๆ เงียบๆ ก็มีปฏิกิริยาไปอีกแบบ เพราะตรีเพชรทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองทีละคนเรียงกันไป สุดท้ายก็หันกลับไปพิจารณาหน้าจอตามเดิม ทิ้งเพียงหูไว้คอยฟังบทสนทนา

            “นิดหน่อยครับคุณอร หรือว่าที่ลาออกเพราะพวกผมใช้งานหนักเกินไปอย่างที่เจ้าคีนมันว่ารึเปล่าครับ” ซีอีโอหนุ่มเปรยถามอย่างอดไม่ได้ "ถ้าเป็นเรื่องนี้พวกผมปรึกษากันแล้วว่าจะประกาศรับสมัครพนักงานธุรการกับฝ่ายบัญชีเพิ่ม ถึงเวลานั้นงานของคุณก็คงจะเพลาลงบ้าง...”

            “นั่นสิ หรือถ้ามีอะไรที่พี่อรคิดว่ามันไม่โอก็ปรึกษากันได้นะครับ บอกมาเลยว่านายเปามันใช้งานพี่หนักเกิน เงินเดือนไม่คุ้มค่าเหนื่อย งานไหนเดินทางไม่สะดวก หรืออยากได้คนมาช่วยแบ่งงานตรงไหนก็บอกกันได้ แต่อย่าเพิ่งลาออกเลยน่า”

เลขาสาวใหญ่อย่างอรวรรณจำต้องกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของบรรดาผู้บริหารรุ่นใหม่แต่ละคนเมื่อเห็นจดหมายลาออก โดยเฉพาะเมื่อได้ฟังสมมติฐานยาวเหยียด อดขบขันไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าเจ้านายของเธอมีจินตนาการเหลือล้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ตามจริงแล้ว ใครจะไปเกลียดงานตรงนี้ได้ลงคอ เพราะถึงแม้งานจะจุกจิกและมีบางอย่างเกินหน้าที่เลขานุการไปบ้าง หากเงินเดือนไม่ได้น้อยเลยเมื่อเทียบกับงานที่หนักเป็นช่วงๆ พอบทจะว่างก็ว่างเสียจนเธอแทบนั่งตบยุงในออฟฟิศ นอกจากนี้ความที่เป็นบริษัทขนาดเล็กจึงสามารถทำตัวตามสบายได้ ไม่ใช่ออฟฟิศประเภทที่พนักงานต้องนั่งคอตั้งตลอดเวลางาน เพียงแค่ต้องรักษามาดบางเวลาที่ออกงานก็เท่านั้น

แต่ก็นั่นล่ะ มีพบต้องมีจาก...

            “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะคุณเปา คุณคีน...” เลขาสาวใหญ่เริ่มต้นชี้แจง “อรจะลาไปแต่งงานน่ะค่ะ ตอนนี้อรก็ร่วมสามสิบเอ็ดจะสามสิบสองแล้ว ที่จริงครอบครัวทางฝ่ายชาย...พี่ณัฐเขาก็เร่งมาหลายปีแล้ว ช่วงก่อนอรเองก็ยังสนุกกับงาน ทีแรกจะแต่งตั้งแต่ปีที่แล้ว พี่ณัฐก็ต้องไปรับผิดชอบฟิลด์งานที่ลาว มาปีนี้พี่เขาย้ายมาประจำงานภาคออฟฟิศที่บางนา ทางผู้ใหญ่เห็นว่าอะไรๆ มันลงตัวดีแล้วก็น่าจะแต่งได้แล้ว คงกลัวไม่ได้อุ้มหลาน”

หล่อนว่ากลั้วหัวเราะ

            “กลัวอะไรกันพี่อร พวกผมยังโสดกันอยู่เลยน่า"

            “ผมก็โสด นายตรีก็โสด”

            “แหม พี่วิทย์ก็มีแฟนแล้ว วินกับบอมก็มี น้องเจก็เห็นว่าเคยมีแต่เพิ่งเลิกกันไป” เลขานุการสาวใหญ่แจงโดยอ้างชื่อของโปรแกรมเมอร์อีกสามคนในบริษัท ที่ล้วนมีแฟนทั้งสิ้น จนดูเป็นเรื่องน่าตลกไม่น้อยเมื่อบรรดาพนักงานหาแฟนได้ แต่แก๊งบอสสามทหารเสือล้วนเป็นเสือหนุ่มโสด “อรว่าจากคุณสมบัติอย่างพวกคุณแล้ว ขี้คร้านสาวๆ จะวิ่งเข้าหามากกว่า เพียงแต่คุณคีนจะสนรึเปล่าเท่านั้นแหละค่ะ”

            “น่าน ทำเป็นรู้ทันอีก” คันศรหัวเราะ ปัดมือไปมา เป็นที่รู้กันทั้งออฟฟิศว่าซีทีโอหนุ่มอารมณ์ดีเป็นแฟนเหนียวแน่นของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี ซึ่งไม่เข้ากับบุคลิกภายนอกเลยสักนิด

หากถึงแม้รสนิยมเพลงจะวัยสะรุ่นไม่เข้ากับเลขอายุที่ย่างเข้าใกล้สามสิบ เรื่องไอเดียและประสบการณ์ของซีทีโอหนุ่มอย่างคันศรนั้นเป็นที่นับถือของโปรแกรมเมอร์ไฟแรงของบริษัททุกคน ด้วยรู้ดีว่าเขากับเพื่อนๆ สามทหารเสือกล้วนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ จนทำให้บริษัท Start up เล็กๆ อย่าง 'พาสบายซึ่งอาศัยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี สามารถก้าวไปสู่แนวหน้าของเอเชียได้ภายในเวลาเพียงสองปีเศษ

จากสามคนตอนนี้บริษัทมีพนักงานร่วมยี่สิบชีวิต แต่กลับยังไม่มีฝ่ายสำคัญๆ อย่างฝ่ายธุรการและฝ่ายบัญชีเป็นของตัวเอง จึงอาศัยเลขาฯ อย่างอรวรรณช่วยจัดการแทนมาตลอด

มาวันนี้อรวรรณกำลังจะลาออกไปแต่งงาน

ตรีเพชรเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัวพลางแก้โค้ดบนหน้าจอไปด้วย พักหนึ่งก็ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ มองเลยมายังเลขานุการสาวที่กำลังจะเป็นอดีต พร้อมกับรับฟังบทสนทนาไปพลาง

            “พี่อร งานแต่งเมื่อไหร่นะ”

            “สิบสองสิงหาแน่ะ ปลายปีนู้น ที่บ้านเพิ่งยกโขยงไปให้พระท่านดูฤกษ์ดูยามให้แล้วก็ได้เร็วสุดเดือนนี้ ดูแล้วคงเตรียมงานไม่ทัน เลยเอาปลายปีดีกว่า ถือว่าอรเชิญทุกคนแล้วนะ เดี๋ยวใกล้ๆ จะเอาการ์ดมาให้อีกที”

            “อีกตั้งนานนี่ครับ"

            “ก็ใช่ไง พี่ไม่ได้ลาออกผลุนผลันวันนี้อะไรสักหน่อย นี่แจ้งไว้ล่วงหน้าเกินสามเดือนอีก กะให้เราเตรียมคนมาแทนพี่เหมือนกัน ถึงเวลาออกจริงๆ จะได้ไม่กระทบมากไงคะ”

ชิงเทียนพยักหน้ารับพลางเคาะนิ้วเบาๆ ตามความเคยชินเมื่อต้องใช้ความคิด ก่อนสบตาเพื่อนร่วมหุ้นอย่างขอความเห็น แต่เหมือนทุกคนจะมอบอำนาจตัดสินใจให้เขาทางสายตาเรียบร้อย

ซีอีโอหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนสรุป

            “โอเค สรุปว่า ทางพวกผมจะประกาศรับพนักงานใหม่ให้เร็วที่สุด แล้วถ้าได้มายังไงคงต้องรบกวนคุณอรช่วยสอนงานเด็กใหม่ด้วย ส่วนใบลาออกนี่ก็เก็บไว้ยื่นช่วงใกล้ๆ ก็ยังทัน เรื่องลาออกไปแต่งงาน ผมคงไม่ใจร้ายขนาดขัดขวางชีวิตคู่ชาวบ้านหรอกครับ ถึงตัวเองจะโสดก็เถอะ”

            “ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ คุณเปาเก็บไว้เลย บอกตรงๆ ว่าอรกลัวลืม ที่จริงพี่ณัฐอยากให้ลาออกไปเป็นแม่บ้านเต็มตัวเลยแต่พออรอธิบายให้ฟังว่าหน้าที่อรตรงนี้ต้องหาคนมาแทนก่อนเขาก็เข้าใจ เลยตกลงกันว่าจะลาออกก่อนงานแต่งจริงๆ สักสองสามเดือน จะได้มีเวลาเตรียมงานสะดวกๆ พี่ณัฐก็โอเค”

            “คำก็พี่ณัฐ สองคำก็พี่ณัฐนะไอ้อร” ชาญวิทย์ โปรแกรมเมอร์หนุ่มใหญ่ที่มาเช้ากว่าใครกระเซ้าขึ้นบ้าง เมื่อผลักประตูออฟฟิศเข้ามาคำแรกที่เขาได้ยินคือชื่อของชายหนุ่ม ผิดคาดเล็กน้อยตรงที่คนถูกแซวไม่มีท่าทางเขินอายสักนิด แถมยังยิ้มหน้าบานรับแต่โดยดี

            “ก็แหงสิพี่วิทย์ เพลงเขาบอกว่าคนมีความรักมักจะดูเด็กลง เคยได้ยินไหม อรเลยพูดถึงแฟนตัวเองบ่อยๆ จะได้ดูเด็กลงหลายๆ ปีไงคะ”

คำพูดล้อเลียนตัวเองของสาววัยเลขสามเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน

            “ปูนนี้แล้วถ้าไม่หาวิธีลดอายุตัวเองคงได้ขึ้นคานน่ะซี”

            “พี่วิทย์!”

            “ลืมไป ยังมีไอ้ณัฐเห็นตีนกาเป็นดอกบัวอยู่คน”

พูดจบก้อนยางลบก็ลอยมากระแทกกลางหน้าผากราวกับจับวางโดยที่เขาไม่ทันได้นั่งเก้าอี้ด้วยซ้ำ จนโปรแกรมเมอร์หนุ่มใหญ่จอมปากเสียได้แต่ลูบหัวป้อยๆ “ดู ดูไอ้อรมัน ชอบความรุนแรง ซาดิสม์”

            “ก็พี่ไปกัดเขาก่อนนี่ครับ” คันศรให้ความเห็นแบบไม่ปกป้องคนแผนกเดียวกัน

            “โห ไอ้คีน ปากนะปาก พี่ไม่ใช่หมานะเว้ย”

ทว่าคนถูกโวยกลับไม่สนใจเท่าไรนัก เมื่อนึกเรื่องที่น่าสนใจกว่าขึ้นมาได้กะทันหัน “จริงสิพี่อร เพื่อนเจ้าสาวของพี่เป็นไง มีน่ารักๆ บ้างไหม”

คนถามยิ้ม แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

            “สนเหรอ เพื่อนๆ อรแก่กว่าคีนนะ”

“แก่กว่าปีสองปีสมัยนี้เขาไม่ถือกันแล้วน่าพี่อร”

“งั้น อยากรู้ใช่มั้ย” อรวรรณเกริ่นยิ้มๆ เริ่มจาระไนว่าที่เพื่อนเจ้าสาวทีละคน

“เพื่อนอรแต่ละคนแต่งงานกันไปหมดแก๊งแล้วค่ะเนี่ย ยิ่งแต้วกับมี่ที่เคยทำงานที่เก่าด้วยกันเขาเสกลูกกันคนละคนสองคนเรียบร้อยแล้วนะคะ เหลืออรที่ยังเป็นแต่งเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มเลยถึงต้องรีบไง กลัวพี่ณัฐรอไม่ไหวจะขึ้นคานเอา หรือว่าคีนอยากกินเด็ก... แต่ตอนนี้น้องแพรเพิ่งห้าขวบเองนะ รอไหวรึเปล่าเถอะ” แว่วเสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อถึงท้ายประโยค แม้จะขลุกขลักเพียงในลำคอแต่ก็ทำให้รู้ว่าคนพูดกำลังขบขัน

            “เฮ้ย ผมไม่ได้โลลิค่อนขนาดนั้นนะ พี่อรดับฝันกันได้ ใจร้ายชะมัด”

คนใจร้ายหัวเราะลั่นแบบไม่เกรงใจเจ้านายขี้เล่น ซ้ำร้ายยังเป็นผู้นำให้คนอื่นๆ หัวเราะครืนตามกันมา

เรื่องของความรักก็เหมือนของเล่นในมือเด็กเล็กๆ ที่เดาใจยากเหลือเกิน บ่อยครั้งที่คนที่เหมือนจะแย่ไปทุกประตูอาจเจอคู่ที่ยอมรับเขาได้ก่อนคนอื่นๆ หรือคนบางคนที่ดูธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษก็อาจได้พบเจอใครบางคนที่ใช้อยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า ขณะเดียวกันใครหลายคนที่ดูเพียบพร้อม กลับยังไม่เจอคนที่อยากใช้ชีวิตร่วมกันสักที

บางทีอาจเป็นเรื่องของโชคชะตา...

            “ถ้าคู่กันจริงยังไงเดี๋ยวก็คงได้เจอกันเองแหละค่ะ ดีไม่ดีประกาศรับพนักงานใหม่คราวนี้อาจจะมีเนื้อคู่บอสก็ได้นะคะ”




Create Date : 19 เมษายน 2557
Last Update : 19 เมษายน 2557 18:46:55 น. 0 comments
Counter : 456 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Feryzist
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Feryzist's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.