<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 กรกฏาคม 2558
 

กรณีศึกษานโยบายต่างประเทศ:ชาวอุยกูร์

                    กรณีศึกษานโยบายต่างประเทศ:ชาวอุยกูร์

ช่วงนี้ประเทศไทยเป็นอะไรหนอ
เริ่มเปิดศึกรอบด้าน การเดินเกมนโยบายต่างประของเรา
เหมือนว่าจะอ่อนด้อยไปเสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง"การส่งกลับชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยอยู่ในไทย
กลับไปประเทศจีนซึ่งเป็นคู่กรณีกับชนกลุ่มน้อยนี้
ขออนุญาตรวบรวมข้อมูลดังกล่าวที่มติชนรายวันไปเผยแพร่ไปแล้ว
เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาต่อไป ดังนี้คะ

รายงานพิเศษ : สืบชาติพันธุ์"อุยกูร์" 

มุสลิมเชื้อสาย"เติร์ก"

//www.matichon.co.th/online/2015/07/14365877621436587848l.jpg

กลายเป็นประเด็นใหญ่ของสังคมไปแล้ว 
กรณีกลุ่มผู้ประท้วงชาวอุยกูร์บุกทำลายทรัพย์สินที่สถานกงสุลไทย 
ประเทศตุรกี จากการที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน

หนึ่งในคำถามมากมายที่ชัดเจนที่สุด คงไม่พ้นเรื่องที่ว่า 
การส่งกลับไปยังจีนนั้น เหตุใดจึงนำมาซึ่งความกราดเกรี้ยวเช่นนี้ 
หรือความสัมพันธ์ระหว่างชาวอุยกูร์กับจีนนั้นเป็นอย่างไร 
เหตุใดจึงต้องหลบหนี

//www.matichon.co.th/online/2015/07/14365877621436587852l.jpg

จรัญ มะลูลีม นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษา 
กล่าวว่า 
ชาวอุยกูร์เป็นชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อย มีอยู่มากในซินเจียงตั้งแต่ดั้งเดิม 
ส่วนใหญ่จะอยู่รัฐซินเจียงซึ่งกว้างขวาง มีแถวซีอาน แถวยูนนานอยู่บ้าง 
เป็นชนกลุ่มน้อยที่ไม่ลงรอยกับรัฐบาลจีนบ่อยครั้ง 
เขารู้สึกว่าเขาเป็นชนชั้นสอง ในแง่ศาสนาก็ปฏิบัติศาสนกิจได้ไม่เต็มที่ 
ทางการส่งชาวฮั่นไปมีบทบาทในดินแดนนั้น เดือนรอมฎอนเวลาไปทำงาน
ก็ไม่อาจถือศีลอดได้ งานการของคนอุยกูร์ก็ถูกแย่งไปบ้าง 
จนเขาเปิดศึกกันมาหลายรอบ อุยกูร์เคยเอามีดไล่แทงพวกฮั่นมาแล้ว

"ชาวอุยกูร์จากตุรกีเข้ามาอยู่ในจีนตั้งนานแล้ว เดินทางไปมาหาสู่กัน 
มีมาจากเติร์กเมนิสถานของเอเชียกลางก็เยอะ 
ในปัจจุบันอุยกูร์ส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ในตุรกีจำนวนมาก 
และขณะนี้ตุรกีเป็นหัวหอกของประเทศมุสลิม เช่น 
ขาเสนอเอาโอไอซีไปช่วยโรฮีนจา 
ช่วยชาวยะไข่ทั้งพุทธและมุสลิม
ที่มีปัญหากันแต่พม่าก็ไม่ยอม และในเวทีระดับประเทศ 
ผู้นำโอไอซีที่เป็นผู้นำโลกมุสลิมคนก่อนก็เป็นชาวตุรกี คือ 
เอ็กเมเล็ดดิน อิห์ซาโนกลู ที่เคยมาไทยช่วยเรื่องภาคใต้ 
ตุรกีปัจจุบันให้ค่ากับชนกลุ่มน้อยมุสลิมอย่างมากในเวทีระหว่างประเทศ 
ผู้นำของเขาเข้มแข็งเรื่องนี้มากในระยะหลัง น่าจะพูดได้ว่าตุรกีเป็นผู้นำ
ของโลกมุสลิมได้ด้วย"

ส่วนเหตุที่เข้ามาไทย จรัญเผยว่า ที่ผ่านมาเขาอยากไปตุรกีแต่ผ่านมา
ประเทศไทยก่อน เดือนรอมฎอนเขาอยู่ไทยจะได้ปฏิบัติศาสนกิจ 
แต่ไทยก็รีบส่งเขาไปจีน และเขาคงคิดว่าจะได้ไปตุรกีมากกว่า 
เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อสืบสัญชาติแล้วจะได้ไปตุรกี 
ที่มาไทยคงเป็นเพราะความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ 
ไปตุรกีทีเดียวคงลำบาก เขามาต่อรองก่อน ในที่สุดไทยก็ส่งไปตุรกี
จำนวนมากก่อนจะส่งไปจีน แต่จีนอยากให้ไทยส่งไปทางจีนหมดเลย

"นี่เป็นปัญหาระหว่างสิทธิมนุษยชนกับปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 
ไทยเองถูกจีนขอร้องก็คงกระอักกระอ่วน เลยเลือกสองแนวทาง 
ชีวิตของเขาในจีนเป็น Force Acumination ถูกบังคับให้ผสมกลมกลืน
กับคนพื้นถิ่นโดยที่เขาไม่พอใจให้ผสมกลมกลืน ในเวลาเดียวกันก็ปฏิบัติ
ศาสนกิจได้บ้างแต่ไม่เต็มที่ อย่างเรื่องคลุมฮิญาบ เป็นเหตุผลที่เขากดดัน
และเดินทาง การมาไทยเขาดีใจมากเพราะมีความหวังว่าจะได้กลับไปตุรกี 
ริงๆ เลือกได้เขาคงไปมาเลเซียก่อน"

"จีนมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยหลายกรณี 
เขาปฏิบัติกับชนกลุ่มน้อยค่อนข้างแรง ระยะหลังเมื่อเข้ามามีธุรกิจ
กับโลกมุสลิมอาจเบาลง แต่ก็ยังแรงอยู่ เขาอ้างว่าคนเหล่านี้กระทำความผิด
นประเทศและหลบหนีมา แต่ความจริงอาจไม่ใช่แบบนั้น ลองนึกดูว่าคนที่
ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด กลับไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้น คนที่เป็นเชื้อสายเดียวกัน
ในตุรกีเขาจึงได้โกรธเคืองมาก เพราะทั้งๆ ที่รู้ว่าส่งตัวไปแล้วคนพวกนี้
จะเจอกับอะไร แต่ไทยเองก็จะไปขัดใจจีนโดยตรงไม่ได้"

นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษาบอกว่า โลกมุสลิมคงไม่พอใจไทย
เท่าที่ควร ในแวดวงนักสิทธิมนุษยชนน่าจะมีการต้านพักหนึ่ง 
การที่คนลุกขึ้นมาต่อต้านเป็นการแสดงออกให้รู้ว่าไทยไม่น่าทำแบบนี้ 
แต่ถ้ามองในแง่ไทยซึ่งตอนนี้เรากำลังจะซื้ออะไรกับจีนก็อยู่ในภาวะ
ที่ไปทางไหนก็ลำบาก ทางหนึ่งจีนอาจไม่พอใจไทยลึกๆ 
เพราะไม่ได้ส่งกลับทั้งหมด ขณะที่กลุ่มใหญ่สืบได้ว่ามีเชื้อสายตุรกี
จึงส่งไปตุรกี อีกฝ่ายก็บอกว่าจากการสืบสัญชาติแล้วเป็นจีนก็เลยส่งให้จีน 
เท่ากับบังคับให้กลับไปหาความลำบาก ซึ่งน่าจะเผชิญมาตรการ
ด้านความมั่นคงหรือการลงโทษ เรื่องจีนค่อนข้างลึกลับกับการตอบโต้
กับคนที่เป็นปรปักษ์กับรัฐ ถ้าเขาตีความว่าเป็นภัยคุกคามต่อรัฐ

"ตอนนี้เริ่มมีการตอบโต้ มีการพูดถึงเยอะมาก โลกมุสลิมตื่นตัวในเรื่องนี้ 
แต่คงไม่ได้ตอบโต้ไทยถึงขั้นมีการตัดความสัมพันธ์ แต่มีความรู้สึกในฐานะ
ที่ส่งคนมุสลิมไปพบชะตากรรมที่ยากลำบาก ปฏิกิริยาของโลกมุสลิมมีแน่นอน 
โดยเฉพาะเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอน เดือนศักดิ์สิทธิ์ของโลกมุสลิม"

"ในแง่มนุษยธรรมไทยทำผิดพลาด 
แต่ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยอาจยึดถือความสัมพันธ์ที่มีต่อจีน 
หลายคนมองว่าไทยรู้อยู่แก่ใจว่าเขาจะกลับไปเจออะไรก็ยังส่งไปอีก 
ตอนนี้โลกคงเรียกร้องชาวจีนว่าอย่าทำรุนแรงกับคนที่กลับไป 
ไทยก็ไปแก้ปัญหาว่าให้คนไทยที่อยู่ในตุรกีระมัดระวังจะตกเป็นเหยื่อ"
จรัญกล่าว

//www.matichon.co.th/online/2015/07/14365877621436587855l.jpg

 (ภาพจาก //www.siamintelligence.com/lessons-from-egypt/)

ศราวุฒิ อารีย์ รองผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า ชาวอุยกูร์เป็นมุสลิม
และเป็นคนเชื้อสายเติร์ก ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับชาวเติร์กทั่วไป
ทั้งในเอเชียกลางและในตุรกี ขณะที่ซินเจียงในปัจจุบันนั้นเป็นส่วนหนึ่ง
ของดินแดนที่เรียกว่าเอเชียกลาง และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม
ที่มีการค้าระหว่างประเทศจีนกับอาหรับ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศจีน 
มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่รุ่งเรืองอย่างยิ่ง

"เติร์กเป็นกลุ่มคนนักรบ กล้าหาญ สิ่งที่เป็นประจักษ์พยานชัดเจน
คือชาวเติร์กก่อตั้งอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของอิสลามอย่างจักรวรรดิออตโตมัน
ในศตวรรษที่ 12-13ซึ่งออตโตมันพิชิตดินแดนต่างๆ ได้ครึ่งค่อนโลก 
และปกครองอยู่ราวๆ 600 กว่าปีจนล่มสลายในปี 1923 
จนถูกโค่นล้มและกลายเป็นตุรกีในปัจจุบัน" ศราวุฒิกล่าว และว่า 
ชาวเติร์กนั้นเคยเข้าไปโค่นล้มอาณาจักรโรมันได้ 
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกลุ่มชนที่ยิ่งใหญ่ของโลก 
จึงมีความภูมิใจในชาติพันธุ์อยู่สูง เห็นได้จากเมื่อชาวอุยกูร์หลบหนีเข้ามา
ในไทย จะบอกว่าเป็นชาวเติร์ก ไม่ใช่จีน

กับเรื่องพื้นที่ซินเจียง ศราวุฒิกล่าวว่า พื้นที่ส่วนนั้นเป็นส่วนที่จีนมอง
ว่าเป็นภัยความมั่นคงอยู่แล้ว จากการที่มีกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลจีน
อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ที่มาที่ไปนั้นหนีไม่พ้นการที่ประเทศจีนไปละเมิดสิทธิ
ผู้คนในบริเวณนั้น แม้จะผนวกรวมซินเจียงมาเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ 
แต่การปกครองที่เข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจศาสนาและวัฒนธรรม 
รวมถึงมีการนำชาวจีนฮั่นเข้าไปอาศัยอยู่เพื่อกลืนกินคนในพื้นที่ 
จึงสร้างความโกรธแค้นจนนำไปสู่การต่อต้านอำนาจรัฐของอุยกูร์
อย่างต่อเนื่อง

"อย่างหลังเหตุการณ์ 11กันยายน จีนมองว่าตรงนี้เป็นภัยคุกคามสำคัญ 
พยายามผูกโยงความมั่นคงของซินเจียงกับขบวนการอัลกออิดะฮ์ 
สร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงในชาวอุยกูร์ 
ใช้นโยบายปราบปรามอย่างหนัก จึงจะเห็นว่าหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 
ชาวอุยกูร์ทะลักออกมามาก ไปอยู่ตามประเทศต่างๆ"

กับการส่งชาวอุยกูร์ซึ่งหนีเข้าไทยกลับไปยังจีนนั้น 
รองผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษามองว่า คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น 
เป็นไปได้ว่าจีนก็อาจมองในลักษณะเป็นขบวนการเชื่อมโยงกับอำนาจ
ต่อต้านรัฐ และอาจถูกเข้าคุก ทรมาน หรือกระทั่งโดนสังหาร

"ไทยควรระมัดระวัง ควรติดตามประเด็นนี้ให้ดี คุยกับจีนว่า
เมื่อส่งกลับไปแล้ว ขอให้เราเข้าไปตรวจสอบได้ไหมว่ารัฐบาลจีน
ปฏิบัติกับคนเหล่านี้อย่างไร จีนคงสัญญาว่าจะปฏิบัติด้วยอย่างยุติธรรม 
สร้างงานสร้างอาชีพ ก็ถือโอกาสนี้ไปตรวจสอบ 
เผยแพร่ข้อมูลต่อประชาคมโลก เพื่อองค์กรระหว่างประเทศ
หรือสิทธิจะได้สบายใจและไม่มีปัญหากับเรื่องนี้อีก" 
ศราวุฒิกล่าวทิ้งท้าย/จบ


...............................................................................................................................

กรุงเทพธุกิจรายวันนำเสนอว่า

สหภาพยุโรป,อุยกูร์ ไทย,จีน

สหภาพยุโรปแถลงการณ์วิจารณ์ไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน 

ย้ำต้องทำตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน 

และการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย

เว็บไซต์ของสหภาพยุโรป (EU) เผยแพร่แถลงการณ์ของโฆษก EU ระบุว่า 

การที่ไทยส่งตัวคนที่มีเชื้อสายเตอร์กิกราว 100 คน ซึ่งมีผู้หญิงและเด็กอยู่ในนั้นด้วย 

ถือเป็นการละเมิดหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังดินแดนที่ชีวิตและเสรีภาพของคนกลุ่มนี้

จะถูกคุกคาม (non-refoulement) ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ 

แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ไทยมีภาระหน้าที่ที่จะต้องทำตามอนุสัญญาว่าด้วย

การต่อต้านการทรมาน และการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม 

หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

 (ICCPR) สำหรับคนเชื้อสายเตอร์กิกที่ยังอยู่ในไทย ควรได้รับสิทธิ์ให้เดินทาง

ด้วยความสมัครใจไปยังประเทศที่คนเหล่านี้เลือกและต้อนรับเขา /จบ


.....................................................................................................

มติชนรายวันได้เผยแพร่ต่อว่าเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) 
กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุชาวอุยกูร์ที่ประเทศตุรกีบุกทำลายทรัพย์สิน
ของสถานกงสุลไทยในตุรกี เนื่องจากไม่พอใจที่ทางการไทย
ส่งชาวอุยกูร์ให้กับประเทศจีน ว่า 
ถือเป็นการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาล 
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องดังกล่าวอาจทำให้นานาชาติ
มองว่าเราเอาใจประเทศจีน โดยไม่สนใจเรื่องของหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ 
หากเป็นแบบนี้จะทำให้ประเทศเสียหายได้ ทั้งนี้ 
การดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศต้องสมดุล 
ไม่เอนเอียงไปกับมหาอำนาจข้างใดข้างหนึ่ง 
ต้องดำเนินนโยบายอยู่บนพื้นฐานของการคบค้าสมาคมกับทุกประเทศ
อย่างมีอิสระ เสรีและไม่แตกต่าง

“ประเทศไทยเป็นของเราทุกคน ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรเอาประเทศ
ไปผูกกับใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การดำเนินนโยบายแบบนี้ถือว่าไม่ยุติธรรม
กับคนไทยทุกคน เพราะสร้างความเสียหาย ดังนั้นรัฐบาลต้องยืนให้เป็น 
เดินให้ถูกต้อง ขอให้คำนึงถึงส่วนรวม วางตัวให้ดี กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็น
บทเรียนที่มีค่า ขอให้ระวังการดำเนินนโยบายการต่างประเทศหลังจากนี้ด้วย”
 นายวรชัย กล่าว/จบ
.....................................................................................................




Create Date : 11 กรกฎาคม 2558
Last Update : 19 กันยายน 2558 3:24:42 น. 0 comments
Counter : 2288 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

justice0009
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




[Add justice0009's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com