<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 สิงหาคม 2558
 

ฟัง"ลี กวน ยิว"อ่านคำประกาศก่อตั้งสิงคโปร์เป็นครั้งแรก,หลัง 50 ปีก่อนชาวบ้านอ่านให้

ฟัง"ลี กวน ยิว"อ่านคำประกาศก่อตั้งสิงคโปร์เป็นครั้งแรก, หลัง 50 ปีก่อนชาวบ้านอ่านให้


//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439108975
ขออนุญาตนำเรื่องราวนี้จากมติชนรายวัน มาเก็บรวบรวมไว้เพื่อการศึกษา
ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง

จากรายงานของ The Strait Times วันที่ 9 สิงหาคม เป็นวันก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ และวันนี้ ชาวสิงคโปร์ได้ฟังการอ่านคำประกาศอิสรภาพก่อตั้งประเทศสิงคโปร์โดยนายลี กวน ยิว อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ฟังการอ่านคำประกาศอิสรภาพครั้งแรกเมื่อ 50 ปีก่อนโดยผู้ประกาศทางวิทยุ 


การอ่านคำประกาศอิสรภาพของนายลี ที่ถูกนำมาเผยแพร่ทางวิทยุและโทรทัศน์เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลา 9 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นเป็นการเผยแพร่บันทึกเสียงของนายลี ที่ถูกบันทึกตั้งแต่ปี 2012

เมื่อ 50 ปีก่อน นายสเตีเฟ่น ลี ผู้ประกาศทางวิทยุได้อ่านคำประกาศในนามของนายลี กวน ยิว โดยนายลี กวน ยิว กล่าวว่า เหตุที่ตนไม่อาจอ่านคำประกาศได้ด้วยตนเองเนื่องจากเขามีงานอย่างอื่นมากมายที่ต้องทำให้สำเร็จโดยเร็ว

เพื่อเป็นการแก้ไขนายลี กวน ยิว ซึ่งเคยเป็นตัวตั้งตัวตีในการพาสิงคโปร์เข้าร่วมกับสหพันธรัฐมาเลเซียในช่วงต้นทศวรรษที่1960แต่อยู่ร่วมกันได้เพียง 2 ปีจึงตกลงที่จะบันทึกการอ่านคำประกาศอิสรภาพด้วยตัวของเขาเองในปี 2012

หลังการแยกตัวเป็นอิสระเมื่อ 50 ปีก่อน สิงคโปร์สามารถพัฒนาประเทศได้อย่างก้าวกระโดดแซงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของสิงคโปร์แลกมาด้วยความสูญเสียของประชาชนที่ถูกควบคุมการแสดงความเห็นอย่างเข้มงวด

กรณีของนายอามอส ยี ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง โดยนายยีต้องโทษจำคุกจากข้อหาดูหมิ่นชาวคริสต์ และยังถูกดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน หลังนายยีกล่าวหาว่านายลีนำเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐไปใช้อย่างไม่เหมาะสม

การฉลองวันชาติในครั้งนี้ยังจัดขึ้นในช่วงที่คาดการณ์กันว่าอาจจะมีการเลือกตั้งก่อนกำหนดหลังรัฐบาลเริ่มเพลี่ยงพล้ำเสียคะแนนเนื่องมาจากปัญหาต่างๆทั้งเรื่องค่าครองชีพ, นโยบายคนเข้าเมือง, ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่สูงขึ้นและปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มากที่สุดติดอันดับโลก พรรครัฐบาลจึงอาจยุบสภาเพื่อใช้ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเพื่อดึงคะแนนเสียงให้กับพรรค

สำหรับงานฉลองในช่วงเย็นวันนี้จะมีตัวแทนจากประเทศต่างๆรวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีของไทย, นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เพิ่งรอดพ้นข้อกล่าวหาทุจริตมาหมาดๆ และนายวอร์เรน ทรัสส์ รองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เข้าร่วมงาน/จบ
.................................................................................................................................

และขออนุญาตผู้จัดการรายวัน นำข้อเขียนต่อไปนี้เก็บไว้เพื่อการศึกษา
 ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง



//manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000090247
บุตรสาวเผย “ลี กวน ยู” เคยคิดให้หมอทำ “การุณยฆาต” หลังภริยาสุดที่รักตายจากไป
อดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู แห่งสิงคโปร์ และนาง ควา เกี๊ยก ชู ภริยา
เอเอฟพี – อดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู บิดาผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์
 รู้สึกหมดอาลัยตายอยากในชีวิตจนเคยคิดให้แพทย์ทำ "การุณยฆาต"
หลังภริยาคู่ทุกข์คู่ยากได้ตายจากไปเมื่อปี 2010 บุตรสาวอดีตผู้นำเกาะสิงห์เผยวันนี้
(10 ส.ค.)


       ลี เว่ย หลิง บุตรสาวของ ลี กวน ยู ซึ่งมีอาชีพเป็นแพทย์
ได้เขียนคอลัมน์ลงในหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ส หลังจากที่รัฐบาลสิงคโปร์
ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองเอกราชครบ 50 ปีอย่างยิ่งใหญ่วานนี้ (9 ส.ค.)ว่า
 “ช่วงปีท้ายๆ ที่คุณพ่อต้องมีชีวิตอยู่โดยปราศจากคุณแม่ เป็นเวลาที่ยากลำยาก
และระทมทุกข์สำหรับท่าน”

       “ท่านเคยคุยกับหมอเรื่องทำการุณยฆาต ซึ่งหมอก็ยืนยันว่ามันผิดกฎหมายสิงคโปร์
ดิฉันเองก็บอกท่านว่า จะให้พาไปทำเช่นนั้นในประเทศอื่นก็ผิดกฎหมายเหมือนกัน”
 ลี เขียน

       พญ. ลี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของสถาบันประสาทวิทยาแห่งชาติ
และเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง คำพูดของเธอเป็นที่สนใจ
ของบรรดาสื่อมวลชนที่ต้องการล่วงรู้ถึงความเป็นไปภายในครอบครัวที่ทรงอิทธิพลที่สุด
ในสิงคโปร์

       อดีตนายกฯ ลี กวน ยู นอนโรงพยาบาลรักษาโรคปอดอักเสบอยู่นานเป็นเดือน
และถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ขณะอายุได้ 91 ปี
การจากไปของเขานำความโศกเศร้าครั้งใหญ่มาสู่ชาวสิงคโปร์ทั้งประเทศ

       ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2013 ลี กล่าวว่า
 ตนรู้สึกอ่อนแรงลงทุกวัน และหวังว่าความตายจะมาถึงอย่างรวดเร็วในวาระสุดท้าย

       สุขภาพที่เคยแข็งแรงของ ลี เริ่มส่งสัญญาณร่วงโรย
 หลังจาก ควา เกี๊ยก ชู ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากซึ่งอยู่กินกันมานานถึง 63 ปี
ได้ด่วนจากโลกนี้ไปก่อนเมื่อปี 2010

       ลี ได้ทำหนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าทางการแพทย์ (Advance Medical Directive)
สั่งห้ามมิให้แพทย์ใช้เครื่องมือใดๆ ก็ตามมายื้อชีวิต หากตนป่วยหนักจนไม่มีสติสัมปชัญญะ
และอาจถึงแก่ความตายโดยธรรมชาติ

       ลี สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
และได้รับยกย่องเป็นรัฐบุรุษผู้ปลุกปั้นเกาะเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ให้กลายเป็นศูนย์กลาง
การเงินและการค้าที่สำคัญของโลกขึ้นมาได้ แต่ขณะเดียวกันก็ถูกวิจารณ์ว่าปกครอง
ประเทศแบบเผด็จการ

       ลี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ตั้งแต่ได้เอกราชจากอังกฤษในปี 1959
และนำสิงคโปร์แยกตัวเป็นรัฐเอกราชจากมาเลเซียในปี 1965

       หลังครองเก้าอี้อยู่นานถึง 31 ปี ลี ตัดสินใจวางมือให้ผู้นำรุ่นสองอย่าง โก๊ะ จ๊กตง
 ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศในปี 1990 และต่อมา โก๊ะ ก็ได้ส่งมอบอำนาจต่อให้แก่ ลี เซียนลุง
ผู้เป็นบุตรชายของนายกฯคนแรก

       ลี กวนยู เกษียณจากการเป็นที่ปรึกษารัฐบาลในปี 2011 ทว่ายังคงดำรงตำแหน่ง ส.ส.
เขตตันหยงพาการ์ ในขณะที่ถึงแก่กรรม

บุตรสาวเผย “ลี กวน ยู” เคยคิดให้หมอทำ “การุณยฆาต” หลังภริยาสุดที่รักตายจากไป
อดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู ส่งจุมพิตครั้งสุดท้ายแก่ ควา เกี๊ยก ชู
ในรัฐพิธีศพ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2010


บุตรสาวเผย “ลี กวน ยู” เคยคิดให้หมอทำ “การุณยฆาต” หลังภริยาสุดที่รักตายจากไป
อดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู ถ่ายภาพกับ ควา เกี๊ยก ชู
และบุตรชายคนโต ลี เซียน ลุง ซึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำสิงคโปร์คนปัจจุบัน/จบ
................................................................................................................................
ขออนุญาตนำเนื้อหานี้จากกรุงเทพธุรกิจรายวัน มารวบรวมไว้เพื่อการศึกษาต่อไป
หลัง PAP ชนะเลือกตั้ง รอแผน‘ผลัดใบ’สิงคโปร์
//www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635566


นี่เก่งเหนือมนุษย์จริง ๆ... ตายไปแล้วก็ยังช่วยหาเสียงให้พรรค People’s Action Party (PAP) และลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างดียิ่ง

เพราะผมเชื่อว่าที่ PAP ยึดที่นั่งในสภาได้ 83 จาก 89 (ยึดคืนจากพรรคฝ่ายค้าน Workers’ Party หนึ่งที่นั่งในเขตเลือกตั้ง Punggol East) และได้คะแนน 69.9% จาก 60.1% ในการหย่อนบัตรเมื่อสี่ปีก่อนนั้น เป็นเพราะคนสิงคโปร์ยังรำลึกถึงลีกวนยิว ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

และด้วยความรู้สึกชื่นชมอดีตนายกฯ ผู้ก่อตั้งสิงคโปร์เมื่อ 50 ปีก่อนนี่แหละที่ทำให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง 2.46 ล้านคนออกมาใช้สิทธิกันกว่า 93% เพื่อให้พรรค PAP บริหารประเทศต่อไป

สองเหตุผลหลักที่นายกฯหลี่เสียนหลง ใช้ตัดสินยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ทั้งๆ ที่หากเดินตามปฏิทินการเมืองเดิม ควรจะเลือกตั้งเดือนมกราคมปีหน้าก็คือปีนี้เฉลิมฉลอง 50 ปีแห่งเอกราชของประเทศ และสองอารมณ์อาลัยอาวรณ์ของคนสิงคโปร์ ต่อการจากไปของลีกวนยิวจะช่วยทำให้ผู้คนมาลงคะแนนให้กับพรรครัฐบาลเพื่อให้ปกครองประเทศต่อไป

การเลือกตั้งครั้งนี้แบ่งเป็น 29 เขต มีที่นั่ง 89 ที่ และใน 15 เขตพรรคผู้สมัครพรรคPAP ได้คะแนนเกิน 70% ซึ่งเป็นแนวโน้มเข้าข้างรัฐบาลซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในการเลือกตั้งช่วงหลังๆ ที่ผ่านมาเท่าไรนัก

พรรคฝ่ายค้าน Workers’ Party เดิมมี 7 ที่นั่งในสภายังสามารถเอาชนะในเขต Aljunied GRC ซึ่งมี 5 ที่นั่ง เพราะเลขาธิการพรรคชื่อ Low Thia Khiang ยังครองใจของคนในเขตนี้อยู่ได้ แต่คะแนนก็หดลงเหลือ 51% (2,612 คะแนน) เมื่อเทียบกับ 54.7% ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว

อีกเขตหนึ่งที่พรรค WP สามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้คือเขต Hougang ซึ่งมี 1 ที่นั่ง แต่คะแนนก็ลดลงจาก 62.1% ในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อสามปีก่อนมาเหลือเพียง 57.7% ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้

โดยภาพรวมแล้ว พรรคฝ่ายค้านใหญ่นี้ได้คะแนนความนิยมจากประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ส่งผู้สมัครทั้งหมดลดลง 6.8% เหลือ 39.8%

ขณะที่พรรครัฐบาล PAP ได้คะแนนรวมเพิ่มขึ้นเกือบ 10% คือจาก 60.1% ขึ้นมาเป็น 69.9%

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสิงคโปร์ตั้งแต่ได้เอกราชมาเมื่อ 1965 ที่มีการหย่อนบัตรเลือกตั้งทุกเขตพร้อมๆ กัน

พรรคฝ่ายค้านส่งผู้สมัครทั้งหมด 8 พรรคซึ่งถือว่าเป็นจำนวนสูงสุดตั้งแต่มีการเลือกตั้งเป็นต้นมาโดยพรรค WP ส่งลงแข่ง 28 ที่นั่ง พรรค National Solidarity ส่ง 12 คน พรรค Reform และ SDP พรรคละ 11 คน

แน่นอนว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความสำเร็จของนายกฯ หลี่เสียนหลง ซึ่งประกาศหลังผลเลือกตั้งออกมาว่า “พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ SG100 ต้องดีกว่า SG5” (เขาวางวิสัยทัศน์จากครบรอบ 50 ปีถึง 100 ปีแล้ว)

เขาย้ำว่าการเมืองสิงคโปร์ต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการหลักที่สำคัญยิ่งคือ


1. ต้องซื่อสัตย์และสะอาด
2. รัฐบาลต้องดูแลประชาชนทั้งวันนี้และวันหน้า
3. คนดีต้องเข้ามาทำงาน การเมืองจึงจะเดินหน้าได้


ที่สำคัญกว่านั้นคือคนสิงคโปร์กำลังจะรอว่าเขาจะประกาศ “แผนการผลัดใบครั้งใหญ่” โดยที่ผู้เป็นนายกฯ คนต่อไป ไม่จำเป็นต้องแซ่ลีได้อย่างไร!/จบ

................................................................................................................................






Create Date : 10 สิงหาคม 2558
Last Update : 19 กันยายน 2558 5:46:44 น. 0 comments
Counter : 1357 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

justice0009
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




[Add justice0009's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com