จังหวะและเหตุผลรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน"?
จังหวะและเหตุผลรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน"? เตือนใจ เจริญพงษ์
เราๆท่านๆ อยากบอกว่า "รักบ้านเกิดเมืองนอนกันหนักหนา" เพราะเมืองไทยของเราน่าอยู่น่าอาศัย ไปต่างประเทศสักพัก ก็มีอาการคิดถึง "Thailand" เสียแล้ว
แต่ประเทศไทยโชคร้าย ที่มีนักการเมืองส่วนใหญ่เห็นประโยชน์ส่วนตน แถมออกมาทะเลาะกัน แบบมีธงว่าต้องชนะอย่างเดียว แม้จะทำผิดกฎหมายนานาประการก็ตาม จนส่งผลเสียหายแก่ประเทศแบบแสนสาหัส
จนเรานึกถึง "ทหาร" และเรียกร้องให้เขาออกมาทุกที พอเขาออกมาสักพัก ก็ลุแก่อำนาจ เห็นประโยชน์ของพวกพ้องและคอร์รัปชั่นเสียเอง รวมถึงว่า..มือไม่ถึงชั้นที่จะเป็นผู้นำปกครองประเทศ แม้ว่าการออกมาของทหารแต่ละครั้ง จะมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน ล่าสุดเข้าสูตร...ลับ..ลวง..พลาง ประวัติศาสตร์แนวนี้วนเวียนเสมอมาจนเป็นวัฎจักร
บัดนี้..รัฐบาลยุคนายกตู่ก็ออกอาการเสียเองแล้ว เริ่มตั้งแต่..การร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีเนื้อหาสาระแบบเหลือง-เขียว ประชาชนก็มีอาการเหมือนจะเป็นไข้ เพราะรับไม่ได้หลายประการ เรื่องของเรื่อง คนหมู่มากของประเทศ ปรารถนาประชาธิปไตยแบบเต็มใบ เราอยากเห็นบรรยากาศการเลือกตั้ง ไม่ต้องการระบบเผด็จการ ไม่ต้องการ 2 มาตรฐานจาก ...ผลไม้เน่าเสียของกระบวนการยุติธรรม ....และองค์กรอิสระ
ท้ายที่สุดเหมือนเล่นขายขนมตอนเด็กๆ แนวว่านายกตู่จะลากยาวเป็นผู้นำไปอีก 2 ปี ให้ปชช.ลงมติประชามติว่า... จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกหรือไม่
แถมพลพรรคออกมาขานรับเหมือนว่าคิดกันไว้แต่ต้น แบบการพิจารณาคดีการเมืองที่ลุยเช็คบิล โดยมีธงคำตอบเดียวนะจ๊ะ ให้บรรลุเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาลแบบง่ายๆ ผู้คนพากัน..งงแล้ว...งงอีก ........................................................................................................ 8 มิย.2558 คุณสุทธิชัย หยุ่น ค่ายกรุงเทพธุริจรายวัน เปิดมุมมองต่อเรื่องดังกล่าว "สูตรปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง กับ รัฐบาลเปลี่ยนผ่าน" ดังนี้
จะบอกว่าเป็นความบังเอิญ หรือเป็นเรื่องทำให้เห็นว่าบังเอิญก็แล้วแต่ ความเคลื่อนไหวของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บางกลุ่มให้มีการ ปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง กับคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ถ้าจะให้อยู่ต่อก็ไปถามประชาชนกันเอง ช่างสอดคล้องต้องกันอะไรเช่นนั้น
แรกเริ่มที่ได้ยินข้อเสนอ ปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง ก็ยังงงๆ อยู่ว่าในทางปฏิบัติหมายถึงอะไร แปลว่า คสช., สปช. กับ สนช. และรัฐบาลจะอยู่ต่ออีกสองปีแล้ว จึงจะมีการเลือกตั้งใช่หรือไม่
ถ้าอย่างนั้น หัวหน้า คสช. และนายกฯจะต้องออกมาแก้ Roadmap ที่วางเอาไว้อย่างไร จะอ้างเหตุผลอันใด และมีอะไรรับรองว่าสองปีจะเห็นผลการปฏิรูปอย่างแท้จริง อะไรเป็นไม้วัดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการปฏิรูปในสองปี?
ยิ่งจะมีความงงงันมากขึ้นเมื่อมีข้อเสนอจาก สปช. บางท่านว่าการจะให้ปฏิรูปสองปีก่อนเลือกตั้งนั้นควรจะ ถามความเห็นประชาชน และการถามความเห็นประชาชน ก็ควรจะใช้วิธีทำประชามติ
ก็ไหนๆ จะทำประชามติเรื่องร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ใส่คำถามเรื่องปฏิรูปสองปีก่อนเลือกตั้งเข้าไปในประชามติเสียเลย นี่คือข้อเสนอของ สปช. ที่ต้องการจะทำทั้งสองเรื่องควบคู่กันไป เพราะ สปช. ที่ผลักดันเรื่องนี้ไม่อยากจะเป็นคนเสนอเอง ต้องการให้เป็นเรื่องของประชาชน ซึ่งบางเสียงก็บอกว่าอาจจะมีการล่ารายชื่อของประชาชนเพื่อให้มีการทำประชามติเรื่องนี้
คนที่ผลักดันเรื่องนี้ไม่ต้องการจะได้ชื่อว่าพยายามจะให้ คสช. และรัฐบาลของ นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจ นักข่าวถามนายกฯ เรื่องจะอยู่ต่อ นายกฯไม่ได้ปฏิเสธ แต่บอกว่าท่านไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่ถ้าจะให้ทำงานต่ออีกระยะหนึ่ง ก็พร้อม แต่ต้องให้ประชาชนส่งเสียงออกมาให้ชัดเจน และยังบอกว่าใครก็ตามที่ผลักดันเรื่องนี้ ต้องไปช่วยอธิบายกับคนไทยและต่างประเทศให้เข้าใจเสียด้วย เพราะแน่นอนว่าจะต้องมีคนที่คัดค้านเรื่องนี้ เพราะเท่ากับเป็นการทำผิดสัญญาที่เขียนไว้ใน Roadmap เดิม ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านขั้นตอนทั้งหลาย ซึ่งตีความกันมาตลอดว่าเร็วที่สุดคือไตรมาสแรกของปีหน้า และช้าที่สุดก็คือไตรมาสที่สามของปีหน้า แต่หากต้องทำการปฏิรูปสองปีก่อนแล้วจึงมีการเลือกตั้ง ก็แปลว่าจะต้องมีการแก้ไขเรื่องใหญ่ๆ ทั้งหมดโดยที่ยังไม่มีใครตอบได้ว่าจะขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น โดยได้รับฉันทามติของคนไทยส่วนใหญ่ได้อย่างไร
มีคำถามว่าถ้าจะทำอย่างนั้นก็เขียนระบุไว้ ในร่างรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร คำถามต่อมาก็คือว่าสองปีที่จะปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้งนั้น ใครจะเป็นผู้ประเมินว่าการปฏิรูปทุกๆ ด้านของประเทศได้บรรลุถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้หรือไม่อย่างไร เพราะไม่มีใครตอบได้ว่าการปฏิรูปที่จะทำให้เสร็จก่อนเลือกตั้งนั้น จะวัดกันด้วยสูตรไหน ใครเป็นคนบอกว่าสองปีจะทำได้
และใครจะเป็นคนฟันธงว่าสองปีแล้วการปฏิรูป ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่อย่างไร แน่นอนว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เป็นห่วงว่า หากมีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิม นักการเมืองที่เข้ามาอาจจะเอาข้อเสนอเรื่องปฏิรูปทิ้งถังขยะเลยก็ได้ เพราะข้อเสนอปฏิรูปหลายข้อเป็นการปรับเปลี่ยนกฎกติกา ที่มีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของนักการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้ ความห่วงกังวลเรื่องนี้มีผลทำให้เชื่อกันว่าหากทำตาม Roadmap เดิม ความพยายามจะปฏิรูปบ้านเมืองก็จะไร้ผล และการรัฐประหารครั้งนี้ก็จะ เสียของ อีกรอบหนึ่ง ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ ของประเทศชาติ อย่างที่อ้างเป็นเหตุผลของการก่อรัฐประหารแต่อย่างใด
แต่การกระทำใด ๆ ที่ตีความได้ว่าเป็นการ สืบทอดอำนาจ ของ คสช. ก็จะเปิดจุดอ่อนให้มีการโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกเช่นกัน
ดังนั้น จึงควรจะต้องมีสูตรของ รัฐบาลเปลี่ยนผ่าน ที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียงในการทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งที่โปร่งใส, ยุติธรรมและตรวจสอบได้อย่างเปิดเผย
สูตรที่ว่านี้เป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าผู้รู้ในบ้านเมืองมีมากมาย หากมีจิตใจมุ่งทำงานเพื่อผลประโยชน์ของชาติที่แท้จริง ยอมเสียสละ และไม่ชิงความได้เปรียบทางการเมือง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะถกแถลงเพื่อหาข้อสรุปได้ /จบ ................................................................................................................................ คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 2 ปีหรือไม่?
กลายเป็นคำถามทางการเมือง
ประเด็นใหม่ล่าสุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยส่วนตัวเห็นว่าฝ่ายที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้
ยังควรจำกัดวงอยู่แค่นายกรัฐมนตรี, คสช.
หรืออย่างมากที่สุด ก็รวมถึงองค์กรต่างๆ ในแม่น้ำห้าสาย
ท่านๆ เหล่านั้น ควรแบกรับภาระในการตัดสินใจประเด็นนี้
ไว้เต็มสองบ่า โดยต้องพร้อมรับชอบและรับผิด
กับผลลัพธ์ทุกทางที่อาจเกิดขึ้น
เพราะเมื่อได้อำนาจเข้ามา "แก้ไขปัญหาของประเทศ"
ด้วย "วิธีการพิเศษ"
ในโมงยามที่ระบอบประชาธิปไตยถูกมองว่าเป็น
"ตัวก่อปัญหา"จากสายตาของคนบางกลุ่ม
ถ้าท่านและผู้สนับสนุนเห็นควรว่า "ระบอบพิเศษ" นี้
ควรต้องเดินหน้าต่อไปอีกหน่อย
พวกท่านก็ควรใช้ "วิธีพิเศษ" เช่นเดิม
มาช่วยรองรับความชอบธรรมของการตัดสินใจดังกล่าว
โดยยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบผลักดันให้ประชาชนรับภาระเป็น
"ผู้เลือก"ในการลงประชามติใดๆ ตราบเท่าที่ "ตัวเลือก"
ยังไม่หลากหลายจริง และบรรยากาศทางการเมืองยังไม่เอื้อ
ให้พวกเขามีเสรีภาพในการเลือกสิ่งต่างๆ ด้วยเจตจำนงของตนเอง
มิฉะนั้น การลงประชามติต่ออายุรัฐบาล
จะนำมาซึ่งการทะเลาะ เบาะแว้ง แบ่งข้าง เลือกฝ่าย
ที่เสียเวลาเปล่า และอาจไม่ได้นำพาประเทศกลับคืน
สู่ระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด
สู้รอเวลาให้ประเทศกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย
(ถึงแม้จะไม่เต็มใบ)ที่มีรัฐธรรมนูญ มีพรรคการเมือง
มีการเลือกตั้ง แล้วค่อยให้ประชาชนกลับมารับภาระ
เป็นผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศให้ประชาชนทะเลาะกัน
อย่างสันติผ่านคูหาเลือกตั้ง เวลานั้นคงไม่สายเกินไป
ส่วนในเวลานี้ถ้าท่านผู้มีอำนาจเห็นควรทำอะไร
ก็โปรดจงทำสิ่งนั้นด้วยตัวท่านเองเถิดครับ ไ
ม่มีใครสามารถไปขวางทางพวกท่านได้อยู่แล้ว
พูดเรื่อง "ประชาธิปไตย" แล้ว "ตลาด"
ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ ที่ไม่อาจ มองข้ามไป
ในปัจจุบัน รัฐบาลพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ผลงาน
ผ่านพื้นที่และเวลาของ "ตลาดทีวีดิจิตอล"
ซึ่งกำลังตั้งไข่อย่างทุลักทุเล
ส่งผลให้ช่วงเวลา "ไพรม์ไทม์" ของสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ
ทั้งในช่วงหัวค่ำวันศุกร์ และช่วงเย็นตลอดสัปดาห์
ต้องถูกแบ่งสันปันส่วนไปให้รายการของทางรัฐบาล
และ คสช. ด้านหนึ่ง เป็นที่เข้าใจได้ว่าบ้านเมืองยังอยู่ในสภาวะ
"ไม่ปกติ" รัฐบาลจึงต้องพยายามสื่อสารกับประชาชนให้ใกล้ชิด
และมากเป็นพิเศษ
เมื่อสื่อที่เข้าถึงมวลชนหมู่มากที่สุดคือโทรทัศน์
จึงไม่แปลกที่จะมีการประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลผ่าน
ทีวีทุกช่อง ในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ของแต่ละครัวเรือน
พักผ่อนอยู่อย่างพร้อมเพรียงกันหน้าจอโทรทัศน์
แต่อีกด้าน รัฐบาลก็พึงตระหนักเช่นกันว่า
ตนเองกำลังใช้พื้นที่และเวลาของตลาดอยู่
ตลาดที่แข่งขันและประเมินค่ากันด้วยจำนวนเรตติ้ง
และอัตราค่าโฆษณา
ตลาดซึ่งวัดความสำเร็จกันด้วยความนิยมของผู้บริโภค
ที่มีต่อรายการใดรายการหนึ่งหรือช่องโทรทัศน์ใดช่องโทรทัศน์หนึ่ง
การเข้ามาแชร์พื้นที่และเวลาของตลาดทีวีดิจิตอล
โดยรัฐบาลและ คสช. จึงส่งผลให้สถานีช่องต่างๆ
ต้องปรับเปลี่ยนผังรายการ
เพื่อให้รายการที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของแต่ละช่อง
ได้รับผลกระทบจากการขอพื้นที่และเวลาที่มิอาจปฏิเสธได้น้อยที่สุด
ส่วนรายการที่ได้รับความนิยมลดหลั่นลงไปก็ถูกเบียดบังพื้นที่
และเวลามากหน่อยจนบางวันอาจไม่เหลือเวลาในการนำเสนอเลย
จริงๆ เมื่อเข้ามาเล่นกับตลาดแล้ว ทีมงานของรัฐบาล
และ คสช. น่าจะลองสำรวจความเห็นจากผู้ชม
ว่ารายการของตนเองได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด
ถ้าเรตติ้งยังไม่เยอะ จะได้เร่งปรับปรุงทั้งรูปแบบและเนื้อหา
เพื่อให้สามารถสื่อสารกับคนดูอย่างมีสัมฤทธิผลเพิ่มมากขึ้น
อย่าลืมว่าการตอบสนองความพึงพอใจ
ให้แก่มวลชนจำนวนมหาศาลในตลาดนั้น
เป็นเรื่องยากเย็นพอๆ กับการควบคุมประชาชนพลเมือง
ในระบอบประชาธิปไตยนั่นแหละ
(ที่มา:มติชนรายวัน 8 มิ.ย.2558) .......................................................................................................
|
Create Date : 08 มิถุนายน 2558 |
Last Update : 19 กันยายน 2558 3:35:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 914 Pageviews. |
|
|
|