ขออนุญาตเจ้าของงานเขียนชิ้นนี้
ซี่งมติชนรายวันฉบับวันที่ 1 กรกฎาคม 2558
นำมาเผยแพร่ อ่านแล้วชอบมาก ขอเก็บไว้ศึกษา
ในโอกาสต่อไปด้วยคะ เนื้อหามีดังนี้
ขอแสดงความคารวะจากใจจริงถึงความกล้าหาญจริงจังของพวกคุณ
พวกคุณแสดงออกซึ่งโครงสร้างอารมณ์ของยุคสมัยอย่างจริงใจ
ไม่เสแสร้ง อย่างที่แม่ของพวกคุณคนหนึ่งบอกกล่าวกับผมว่า
"พวกเขาก็เป็นผลผลิตของสังคมในยุค 10 ปีที่ผ่านมานั่นแหละ"
นั่นก็คือ พวกคุณได้สื่อถึงความห่วงใยต่ออนาคตของสังคมไทย
ที่พวกคุณนั่นแหละจะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อไปให้สังคมได้รับรู้แล้ว
ถึงกระนั้น ผมก็อยากเสนอความเห็นให้พิจารณาถึงจังหวะก้าว
และความเข้าใจสถานะความเคลื่อนไหวของพวกคุณสักหน่อย
เพื่อที่ว่าพวกคุณจะได้ไม่คิดเพียงว่าย่างก้าวของพวกคุณ
เป็นเพียงส่วนหนึ่งหรือดำเนินตามโมเดลของขบวนการนักศึกษาในอดีต
จริงอยู่ที่ย่างก้าวของพวกคุณในขณะนี้คือการแสดงตน
เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาของการใช้อำนาจอย่างอยุติธรรม
และไร้ความชอบธรรมของคณะรัฐประหาร
พร้อมกับทั้งเรียกร้องมโนธรรมสำนึกของประชาชนทั่วไปให้เข้าใจ
ถึงปัญหาพื้นฐานของการอยู่ใต้ระบอบเผด็จการอย่างในปัจจุบัน
การเคลื่อนไหวของพวกคุณในขณะนี้จึงดูละม้ายคล้ายกัน
กับการเคลื่อนไหวของคณะนักศึกษาในอดีต
อย่างไรก็ดี ผมก็ยังหวังว่าพวกคุณจะมองเห็นความแตกต่าง
อย่างสำคัญของการเคลื่อนไหวในขณะนี้กับการเคลื่อนไหว
ของขบวนการนักศึกษาในอดีต แม้ว่าอำนาจที่พวกคุณนำธง
ต่อสู้อยู่นั้นจะเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จดังในอดีต
แต่พวกคุณก็ต้องประเมินโฉมหน้าของเผด็จการในปัจจุบันให้แหลมคมยิ่งขึ้น
ดังที่มีผู้มากประสบการณ์และเฝ้าประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดคนหนึ่ง
วิเคราะห์ไว้ถึงเงื่อนไขของการต่อสู้กับเผด็จการในอดีต
ผมเห็นด้วยแต่ก็จะไม่กล่าวซ้ำความเห็นนั้น
ผมแค่อยากเสนอเพิ่มเติมว่า เผด็จการปัจจุบัน
อาจมีโฉมหน้าแตกต่างออกไปบ้าง ก็ด้วยเพราะมีผู้สนับสนุน
ที่มีต้นทุนทางสังคมและต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูง
ซึ่งก็คือเหล่า "ชนชั้นสูงระดับล่าง" (
แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า upper middle class)
สนับสนุนอยู่อย่างหนาแน่น ผมหวังว่าคุณจะพิจารณาเงื่อนไขนี้อย่างถี่ถ้วน
เพื่อที่ว่าการต่อสู้ของพวกคุณจะเห็นเงื่อนงำที่ยากเย็น
เพราะไม่มีทางที่จะหาฉันทานุมัติจากสังคมได้โดยง่าย
ในอีกด้านหนึ่ง ผมคิดว่าก็ควรพิจารณาเงื่อนไขส่งเสริมใหม่ๆ
คือพลังสนับสนุนและพลังความหวังต่อความก้าวหน้าของสังคม
ที่มีมาจากประชาชนผู้ด้อยเสียง ผู้ไม่ถูกรับรู้ในสังคม
พลังในเชิงโครงสร้างที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ของคนกลุ่มนี้
ที่ผมขอเรียกว่า "ชนชั้นใหม่" จะเป็นเงื่อนไขใหม่ๆ
ที่เกินเลยความคาดหวังของเผด็จการ
ด้วยเพราะมันสมองของเผด็จการมองข้ามพลังเหล่านี้
พวกเขาจึงประเมินพลังเหล่านี้ต่ำเกินไป
กว่าแค่เดินถือปืนข่มขู่ในหมู่บ้านแล้วพวกเขาก็จะเงียบสงบลงเอง
เกินไปกว่าแค่มวลชนไร้สำนึกที่ถูกชักจูงล่อหลอกโดยนักการเมือง
อีกพลังหนึ่งที่เป็นเงื่อนไขใหม่ซึ่งคณะรัฐประหารครั้งนี้
เผชิญอย่างรุนแรงเหนือความคาดหมายเกินกว่าการรัฐประหารครั้งที่แล้ว
เป็นพลังที่อำนาจเผด็จการในอดีตเคยได้รับการสนับสนุนคือ
พลังทัดทานจาก "โลกสากล" ที่เรียกว่าโลกสากล
เพราะไม่ใช่แค่ลมประชาธิปไตยตะวันตก
แต่ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และพลังก้าวหน้าในอาเซียนเอง
ก็ทั้งส่งสัญญาณและเฝ้าระวังอยู่อย่างเงียบๆ ว่าการถดถอยลง
ของก้าวย่างประชาธิปไตยในประเทศไทยจะนำมา
ซึ่งการกลับมาของพลังอนุรักษ์นิยมในภูมิภาค
ที่ผ่านมาผมเห็นพวกคุณเข้าใจและเข้าหาพลังเหล่านี้ได้ดี
หากแต่ผมก็ยังอยากเสนอให้พิจารณาว่า
พวกคุณจะสานต่อกับพลังทัดทานใหม่ๆ
ที่เผด็จการไทยไม่คุ้นเคยมาก่อนเหล่านี้อย่างไร
แต่ถึงอย่างนั้น ก็อย่าประเมินเผด็จการคณะนี้ต่ำเกินไป
อาการ "เลือดเข้าตา" "เสือลำบาก" ก็อาจจะก่อโศกนาฏกรรมโง่ๆ
ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วได้ ผมยังหวังว่าความกล้าหาญของพวกคุณ
จะไม่กลับกลายเป็นความดันทุรัง แม้ว่าจุดสมดุลนี้จะหาได้ยาก
แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นในวิจารณญาณของพวกคุณว่า
จะไม่ตัดปัจจัยความบ้าบอไร้สติของคณะรัฐประหารนี้ออกไปเสีย
สุดท้าย ผมอยากจะบอกว่า
พวกคุณได้จุดไฟของการลุกขึ้นยืนไปอีกก้าวหนึ่ง
ผมคิดว่าสังคมก็ไม่ได้อยากจะวางภาระหนักอึ้งนี้ให้พวกคุณเสียสละโดยลำพัง
เพียงแต่จังหวะและโอกาสที่สังคมจะสานต่อแปลงพลังนี้
ไปสู่การเปลี่ยนแปลงอาจจะต้องแลกด้วยความอดทนของพวกคุณบ้าง
ก็หวังว่าพวกคุณจะคิดอ่านอย่างสงบนิ่งและหนักแน่นพอ/จบ
ยุกติ มุกดาวิจิตร
.................................................................................................................................