ห้องนิยายจักรสาสน์


 
มิถุนายน 2559
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
22 มิถุนายน 2559
 

นิยายรัก_กุหลาบในรอยหิน # 1





เพราะชีวิตต้องพบกับมรสุม งานในวงการนางแบบถูกคนให้ร้าย ทำให้โรสหันหลังให้กับชีวิตในเมือง
ชีวิตสาวชาวไร่บนแผ่นดินของคุณปู่ ที่นี่เธอได้พบกับทิวาอดีตเพื่อนเรียนสมัยประถม ภุมรินทร์พี่ชายของทิวา
สองพี่น้องนิสัยตรงกันข้ามกัน เมื่อคนหนึ่งแสดงเจตนาจะคบหากับเธอ ส่วนน้องชายคอยเก็บคำพูดและพรางสีหน้า
โรสในวัยเด็กเคยถูกเพื่อนแกล้งจนหลงป่า และก่อนหมดสติคลับคล้ายทิวาคือคนที่ช่วยเธอไว้

นับวันที่จำต้องคลุกคลี ทิวาเริ่มเปิดใจคบหาด้วย
หากเเต่มีอิทธิเพื่อนสมัยประถมอีกคน ที่มักบีบบังคับทิวาด้วยความลับบางอย่าง
จนเขาต้องถอยห่างจากโรสไปทุกที



ปล. นิยายเรื่องนี้มีกลิ่นอายนิยายบู๊นักเลงบ้านนอกนิดหน่อย ผูกปมไม่มาก
พยายามเขียนให้เป็นนิยายโรแมนติกดราม่า มีผูกปมให้ตาม คนอ่านเดาได้ไม่ยาก
ยังไงก็ขอโอกาสติชมบ้างนะครับ!


# ตอนที่1  ดินเนอร์ใต้เเสงเทียน

แสงวับแวมจากเปลวเทียน แม้ริบรี่แต่มากดวงทำความสว่างไสวอบอุ่นไปทั้งเรือนใจกลางหุบเขา ภูมรินจัดแต่งสถานที่เอง เขาล้อเล่นกับเปลวเทียน       ฮัมเพลงลูกทุ่งที่โปรดปราน  ส่วนทิวาเจ้าน้องชายผู้ขวางโลก เดินถือขลุ่ยลงจากเรือนไป ไม่วายหันมาเบี้ยวปากหน้าทู่ เท้าเหยียบบันไดลูกสุดท้ายมองขึ้นมา เพราะเบื่อสำเนียงลูกทุ่งผิดเพี้ยนที่ขัดหูเสียเหลือเกิน

“แกไปได้ก็ดี จะได้ไม่ขวางหูขวางตา งานดินเนอร์ของฉัน กับว่าที่พี่สะใภ้ของแก อย่าโผล่มาช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มนะโว้ย” ภูมรินว่าตามหลัง ทิวาแยกเขี้ยว ชูกำปั้นตอบ

แขกคนแรกของเรือนเกือบร้าง หลังคู่พี่น้องมาปัดกวาดอยู่อาศัย โรส หญิงสาวงามดั่งกลีบกุหลาบ ปรากฏตัวในชุดราตรีสีเลือดนก ทำเอาเลือดในกายหนุ่มสูบฉีดเต้นแรง

อากาศแม้ชั่วหัวค่ำ อุณหภูมิลดลงเร็วมาก เธอต้องนั่งห่อไหล่ สองมือลูบไล้ท่อนแขนเรียวงาม ให้ทุเลาจากความเหน็บหนาว ภูมรินถือเสื้อคลุมออกมา บรรจงสวมให้ เธอตอบขอบคุณ ขนตางอนเป็นแพกระพริบปริบ แต่ก็คอยมองหาชายหนุ่มคนนั้น

“ไอ้ทิวา มันไปเป่าขลุ่ยของมัน ที่ไร่องุ่นโน่นครับ รับรองมันไม่มาเกะกะหรอก”

เขาเป็นบริกรด้วยตนเอง ใช้เกลียวเจาะหมุน เอาจุกก๊อกขวดไวน์ออก

“ไวน์นี่ คุณหมักเองหรือคะ แค่กลิ่นยังรู้สึกละมุนทีเดียว”

“ไม่อยากโกหกครับ ทิวามันหมัก ได้สูตรมาจากเมืองนอก ว่าแต่คุณโรสมาอยู่บ้านนอกอย่างนี้ ทนความเหงาไหวไหมครับ”

อภิรักษ์รินไวน์ให้  เธอสั่นหน้า มือเรียวรองใต้คาง

“ไม่เลยค่ะ ฉันมีงานต้องทำเหมือนกัน วัน ๆช่วยปู่ทำสวนองุ่น ปู่มีวิชาความรู้ถ่ายทอดให้เยอะแยะมาก แต่ท่านไม่ดุเลย ท่านแบบเป็นกันเอง ผิดกับคุณแม่ของฉัน ที่วัน ๆเอาแต่จู้จี้ขี้บ่น คุณพ่อก้จะจับฉันแต่งงาน ฉันเลยหนีมาอยู่กับปู่เสียเลย อันที่จริงทั้งคนงาน ทั้งชาวเขาที่นี่เป็นมิตรกับฉันดีออก ฉันเดินไปไหนได้ แม้จะในป่าข้างไร่ สบายใจกว่าเดินตามห้างสรรพสินค้าเป็นไหน ๆ”

ภูมรินกุลีกุจอดึงผ้ากันเปื้อนไปปูบนตัก เลียนแบบมารยาทผู้ดี ที่ตนเคยดูในละคร มือก็เลือนมือไปหยิบแก้วไวน์ของตนมาจิบ ตามองหญิงสาวในชุดงามสีเลือดนก

“น่าแปลกนะครับ คำพูดแบบนี้ ดันเป็นคำพูดของผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย”

ดวงตาสวยคู่นั้น สะท้อนแสงเทียนเป็นประกาย

“ใครเค้าก็ว่าฉัน แบบว่านิสัยเหมือนผู้ชาย หาว่าเป็นทอมบ้าง เป็นเลสเบี้ยนบ้าง  ไม่มาถามฉันสักนิด ว่าเป็นแบบไหนกันแน่ ดูสิ ก็ขนาดชุดที่คุณปู่ชื้อให้ตั้งนาน ฉันพึ่งจะมีโอกาสเอามาใส่ แต่ดันมาใส่ให้คุณดูคนเดียว ในที่แบบนี้”

“ผมเปล่า ว่าอย่างนั้นนะ”

ชายหนุ่มจะสำลักไวน์ เพราะกลั้วหัวเราะ

“ว่าแต่ขับรถผ่าน ไร่ของนายอิทธิ ไม่กลัวมันมาดักฉุดรึครับ ผมเสียวใจจริง ๆผู้หญิงสวย ๆอย่างคุณ เสือผู้หญิงอย่างมันชอบนัก กลัวมันมาดักเอากลางทาง”

ดวงตากลมโต ชายกลับมา แรกทีเหมือนกำลังมองหาใครอยู่ จนภูมรินต้องเรียกอีกครั้ง เธอกระพริบตาปริบ ดูจะตกใจ แต่ก็เก็บสีหน้าได้ไว

“เอ๊ะ เมื่อครู่ คุณพูดว่าอะไรนะ”

“ผมพูดถึง นายอิทธิกับลูกน้องของมันครับ”

ผู้หญิงวงหน้ารูปไข่ เหมือนจะขบขันด้วยซ้ำกับชื่อนี้

“ไม่กลัวหรอกค่ะ แล้วอีกอย่าง ฉันมีแม่ลูกสิบเป็นเพื่อนมาด้วย เลยไม่กลัวอะไร”

ชายหนุ่มมาดนิ่มเอียงใบหน้า เลิกคิ้ว

หญิงสาวเลิกชายกระโปรง ที่โคนขาอ่อนของเธอ คาดซองปืน ชายหนุ่มครางในลำคอ  ขยับปากพูดไม่ออกในทีแรก “มีเพื่อนแบบนี้ มันอุ่นใจจริง ๆคุณโรสต้องยิงปืนแม่นด้วยแน่ ใครจะกล้ามารังแกละเนี่ย”

“ก็ไม่แน่นะ อาจเป็นคนแถวนี้ก็ได้”

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงทุ้ม มือลูบลูกคาง ที่ผ่านโกนหนวดเครา เส้นผมถูกหวีเรียบเป็นเงา อายุสามสิบกว่า ดูภูมิฐานดี โรสมองเขาแล้วยิ้มใสเหมือนเด็ก รู้ว่าเขาคงเหงาฐานะก็เข้าขั้นเศรษฐีเก่า แต่แปลกที่ รสนิยมการใช้ชีวิตเรียบง่าย มาทำไร่องุ่นในที่ห่างไกลขนาดนี้ นิสัยเหมือนปู่ของเธอเลย ถือว่าเป็นเพอร์เฟคแมนคนหนึ่ง สองคนพูดคุยกันไป คร่าเวลาด้วยจิบไวน์ไป รอเวลาแสงจันทร์ฉาดฉาย

“รู้ไหมว่า ที่ห้องพักฉันติดภูเขา อากาศยามเช้า ทิวทัศน์สวยก็จริง แต่ยามกลางคืนมันมืด วังเวงน่ากลัวยังไงไม่รู้ ยิ่งถ้าคุณปู่ไม่อยู่ด้วย มันขนลุกไงไม่รู้ แต่ตรงนี้ที่เรานั่งอยู่ ได้เห็นดวงจันทร์ โผล่ขึ้นจากภูเขา มันเหมือนอยู่ใกล้มากเลย ฉันรู้สึกเหมือนทีเพื่อน แม้จะอยู่คนเดียว คุณเคยรู้สึกเหมือนฉันบ้างไหม”

ภูมริน พยักหน้ารับเร็วมาก

“ครับ มองพระจันทร์วันเพ็ญเต็มดวงจากตรงนี้ มันสวยจริงครับ ผมเห็นทิวามันชอบมานั่งเอกเขนก เป่าขลุ่ยของมันตรงนี้ คงเพราะมองพระจันทร์สวยนี้เอง”

มือเรียววางซ้อนกันหนุนคาง วงหน้ารูปไข่นั้นเอียงนิด ตามองไปยังไพรกว้าง ท่ามกลางความมืดมิด อันน่าหวาดระแวง รอเวลาแห่งแสงจันทร์สาดส่องมาถึง

“สมัยเด็ก พ่อกับแม่มักพาฉันมาช่วยงานคุณปู่ ที่แห่งนี้ คุณพ่อกับคุณแม่มือท่านกลัวฉันจะดำมากเลยค่ะ ห่อตัวฉันด้วยเสื้อผ้าหนา ๆแล้วยังทาครีมอะไรอีก เยอะแยะไปหมด แต่ฉันชอบแอบตามคุณปู่เข้าป่าไปดูนกมากกว่า คุณปู่บอกว่า แถวนี้มีช้างป่ามาหากินด้วย สัตว์ป่าจมูกมันไหวกับกลิ่นของหอม ให้ฉันเอาใบไม้มาขยี้ มาถูตัวดับกลิ่น ฉันสนุกมากเลยนะ เหมือนได้ฝึกรด.อีกครั้งเลย แล้วมาลุ้นว่าจะมีช้าง เก้ง กวางโผล่มาให้เราดูเหลือเปล่า เสียแต่กลับมา ฉันโดนพ่อกับแม่โวยเอาลั่นบ้านเลย พลางจะดุคุณปู่อีกคน เราสองคนเหมือนเป็นเด็กเลยนะคะ”

หญิงสาวพูดไป หัวเราะไป ภูมรินเบิกตาค้าง พยักหน้ารับผงก ๆ

“มิน่า คุณถึงเก่งกาจ เพราะสายเลือดเข้มข้นนี้เอง”

โรสกระดกไวน์  รู้รสชั้นเยี่ยม รู้สึกแก้มร้อนผ่าว

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ ถึงฉันมีเลือดปู่เยอะ แต่เลือดพ่อเลือดแม่ก็แรงเหมือนกัน ฉันก็ชอบเดินห้าง ชื้อของแพง ๆช๊อปของที่ยี่ห้อ เหมือนที่คนทั่วไปเค้านินทากันว่าลูกนักการเมืองดีแต่ผลาญเงิน เงินที่พ่อโกงบ้านเมืองมา”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ใครเขาจะว่ายังไงก็ช่าง ผมรู้เต็มอก โรสคุณเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคุณปู่ ถึงแม้จะเติบโตมาในสภาพ ถูกเอาใจขนาดนั้น”

พอดีที่ทิวาโผล่หัวบันไดขึ้นมา เนื้อตัวมอมแมม เลอะเทอะด้วยโคลน ใบหน้าหล่อเหลาด้วยดูไม่ต่างอะไรกับผีที่มันโผล่ออกมาจากป่า  คนเป็นพี่ชายร้องเฮ้ย! ลั่น โรสถึงกับเอามืออุบปาก ขำพรืด ๆเห็นมาตั้งแต่ไกลแล้ว คนอะไรซุ่มซ่ามไม่เคยเปลี่ยน แต่ยังดีที่ไม่ค่อยเก๊กเหมือนพี่ชาย

“ฉันขออาบน้ำเดี๋ยว พอล้างตัว แล้วจะรีบไป”

“เออ..”พี่ชายโบกมือไล่ ทำเสียงหนักในลำคอ

ภูมรินมองเธอ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดมาก

“ต้องขอโทษแทนมันด้วยนะครับ ดินเนอร์ทั้งทีกลับมีสกั๊งค์โผล่มา”

“ไม่หรอกค่ะ เห็นอย่างนี้แล้ว ฉันขำมากกว่า คุณทิวาชอบทำอะไรที่ฉันคาดเดาไม่ออก เป็นคนอินดี้ก็งั้น แถมชอบศิลปะทั้งวาดรูป ทั้งเล่นดนตรีเก่งหลายอย่าง”

บรรยายคุณความดีเสียจนคนทางหน้างอ โรสพลันหยุดยิ้ม เพียงมองตามหลังคนนั้นหายเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวเสียงดังมาถึงทางนี้ ยังอดยิ้มไม่หาย รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้สองพี่น้องคู่นี้  ทิวากลับออกมาด้วยเสื้อผ้าหลวม ๆเส้นผมถูกรวบเป็นทรงไม่ฟูกระเซิง ใบหน้านั้น ริมฝีปากสวยกว่าพี่ชายเสียอีก  โรสกวักมือเรียกให้มาทานอาหารก่อน นี่ก็ค่ำมืดแล้ว ไม่รู้จะไปไหนอีก ฝ่ายพี่ชายก็แค่หน้าบูดบึ้งไปตามเรื่อง

“ผมกินมูมมาม ไปหรือเปล่าครับ”

ทิวาพูด หยิบผ้ามาซับมันที่ปาก หญิงสาวยิ้มส่ายหน้า

“ไม่เลย คุณกินอย่างเป็นธรรมชาติมาก”

ภูมรินเห็นจะตะหงิด ๆเอามาก

“แล้วมันเรื่องอะไร ไปตกบ่อขี้ม้ามาหรือไง มันถึงเหม็นขนาดนี้ แกเป็นคนสั่งคนงานขุดหลุมทำปุ๋ยหมักเอง  ยังทะเล่อทะล่าไปตกเสียเองอีก ฉันขายหน้าคุณโรสนะ ช่วยฉันรักษาหน้าไว้บ้าง”

“ก็มันมืดนี่นา ใครมันจะมองเห็นตรงนั้น”

ครู่ต่อมา คนถูกบ่นก็หายเข้าไปในห้อง เพียงกินอิ่มเท่านั้น ภูมรินมองตามตาขวางแล้วมาทำเป็นยิ้ม ยกขวดไวน์รินให้ ชายหนุ่มหญิงสาวพูดจากันพึมพำ ไม่ค่อยจะไว้ท่าทีอีกแล้ว คงเพราะฤทธิ์ไวน์  ในมุมมืดไม่ไกลนัก ทิวายืนแอบอยู่หลังเสา มองกลับเข้ามา โรสทันมองไปเห็นเพียงแผ่นหลังของเขา ก่อนจะปิดประตูห้อง

“ไวน์สูตรของทิวามัน รสชาติเด็ดจริง เห็นทีไร่ของผมจะดังคราวนี้”



เสียงนาฬิกาลั่นเหง่งหง่าง บอกเวลาเที่ยงคืน..

หญิงสาวสะดุ้ง ลุกขึ้นจากเตียง พบว่าเสื้อผ้าของเธอถูกเปลี่ยนมาเป็นชุดนอน     มีคนมาลอกคราบเธอเสียแล้ว แม้แต่ปืนก็หายไป พอหันซ้ายมาอักที มีเด็กผู้หญิงมานอนอยู่ใต้เตียง เด็กนี่น่าจะเป็นคนถอดเปลี่ยนชุดให้สินะ สองพี่น้องถือว่ายังเป็นสุภาพบุรุษที่รู้งาน เธอพยักหน้ากับตัวเอง จากนั้นคว้าเสื้อคลุมได้ เธอเดินออกจากห้อง ฝ่าลมหนาว ออกมาที่นอกระเบียง แสงจันทร์สาดแสงราง ขับผิวสาวนวลผ่อง เห็นชายหนุ่มนั่งนอนเอกเขนกอยู่ที่หมู่โต๊ะ พอเธอเงยหน้า สิ่งสวยงามที่หมายตาจะมาดูก็ปรากฏกลมชัด สุกสกาวยู่เหนือยอดเขา เหมือนภาพฝัน ผู้ชายผู้มีนัยน์ตาเหมือนแมวตาเพชรคนนั้น เพียงหันมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า

หญิงสาวรู้สึกอายตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ที่คิดอกุศลว่าตนเองจะถูกลวนลาม

“ฉันค่อยยังช่วยแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ทำตัวเป็นภาระให้”

ช่างน่าอายเสียจริง เธอเดินมือกุมขมับกลับไปห้องพักอีกครั้ง

คุณปู่มารับแต่เช้า โรสเข้าหน้าแทบไม่ติด ตนเองยังสวมชุดนอนหลวม ๆของผู้ชายอยู่เลย ตอนมาก็ไม่ได้ขออนุญาตท่าน กะว่าไม่เกินสองทุ่มจะกลับ ปรากฏว่าเมาจนพับไป ภูมรินเหมือนรู้ความผิดของตน ถึงกับเหงื่อซก เข้ามารับหน้าด้วย เมื่อคืนคะยั้นคะยอให้เธอดื่มมากเกินจนเกิดเรื่อง ตอนเดินขึ้นบันได ท่วงท่าเหมือนจะมาเอาเรื่อง รูปร่างของท่านสูงใหญ่ ผิวกร้านแดด ผมสองสี สมัยก่อนเป็นเสือเก่า ทั้งที่วัยล่วงมาเจ็ดสิบปีแล้ว แลดูน่าเกรงขามอยู่เลย

“ปู่รู้แล้ว ว่าหลานมานอนค้างทีนี่”

ใบหน้าที่เหมือนจะขึงโกรธ กลับมีรอยยิ้ม

โรสมองภูมริน อย่างไม่เชื่อที่ได้ยิน

“เอ๊ะ ปู่รู้ได้ยังไงคะ”

“ทิวาโทรมาบอกปู่เมื่อคืนแล้ว บอกว่าโรสมาลองชิมไวน์สูตรใหม่ของเขา ไวน์ค่อนข้างแรง ดื่มไปแล้วทำท่าเมา จะให้ขับรถกลับเองไม่ไหว กลัวจะกลับไม่ถึงบ้าน ปู่กะว่าจะมารับเองแล้ว แต่มานึกอีกที ปู่เชื่อใจพวกเธอนะ พวกเธอคงไม่ทำอะไรเหลวไหลใช่ไหม”

ภูมรินยิ้มแหย ค่อยหายใจโล่งหน่อย ดีนะที่ทิวาป้องกันไว้ให้หมดแล้ว

“ผมขอคืนโรส กับคุณปู่ในสภาพเดิมครับ”

รถปาเจโร่เก่าแต่สมรรถนะดี คุณปู่ขับรถเอง ถนนในไร้ของสองพี่น้องคดเคี้ยวไปตามสภาพที่เป็นเนิน เป็นไหล่เขาสูงต่ำ ที่เห็นปลูกชาเป็นคลื่นบันได สลับกับแปลงองุ่น โรสไม่พูดจาอะไร ข้างมือ ในกล่องคือชุดราตรีที่พึ่งใส่เป็นครั้งแรก คุณปู่มองออกว่าหลานสาวเลือกสวมชุดสวยเพื่อใคร

ไหล่ทาง ดอกหญ้าขาวพลิ้วสะบัด ทิวากำลังคุมคนงานถากถางปรับทำร้านให้องุ่น รถชะลอจนหยุด คุณปู่ลงไปทักทาย สองคนพูดจากันสนิทสนมทีเดียว โรสเพียงแอบมองจากในรถ ชายหนุ่มขยันแต่เช้า เขากำลังเปลี่ยนไร่ชาสมัยรุ่นพ่อมาเป็นไร่องุ่น เป็นเรื่องที่คุณปู่ชื่นชมมาก นัยว่าเป็นคนหัวก้าวหน้า กล้าเปลี่ยนแปลง

“ถ้าปู่สมภพสนใจ จะปลูกองุ่นบ้าง ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาให้นะครับ”

คนแก่ชอบใจ หัวเราะเสียงดังมาถึงในรถทีเดียว

“ฉันคงไม่ไหวแล้ว กว่าจะเปลี่ยนไร่ชา มาเป็นองุ่นได้ ฉันคงลงโลงเสียก่อน  คนหนุ่มเรี่ยวแรงดีก็แบบนี้ นึกจะทำอะไรก็ทำได้ดั่งใจ ว่าแต่เราไม่ไปถามหนูโรสดูสิ อยากจะปลูกองุ่นไหม”

ท้ายเสียงคุณปู่เอียงหน้ามากระซิบ ทิวาเพียงมองเข้าไปที่รถ จากนั้นก็เบนสายตามาคุยกับปู่สมภพต่อ ส่ายหน้าเหมือนจะปฏิเสธ โรสนึกฉุน ทิวาก็แบบนี้ทุกที นิ่ง ๆเฉย ๆถ้าหัดเป็นคนปากกับใจตรงกันเหมือนพี่ชายบ้างก็ดี

นึกถึงสมัยเด็ก เธอเคยหลงป่า ตอนหนีคุณปู่ออกมาดูนกคนเดียว ทิวาเป็นคนแรกที่ตามหาเธอจนเจอ กับตอนที่ถูกนายอิทธิรังแก ทิวาถึงเกิดการชกต่อยกันขึ้นเพื่อเธอ ขณะที่ภูมรินชอบเอาใจเธอสารพัด ชอบเอาตุ๊กตามาให้ เอาขนมมาให้ ซึ่งของเหล่านี้เธอมีอยู่อย่างเหลือเฟืออยู่แล้ว แต่คนที่มักอยู่ด้วยตอนเธอเดือดร้อนทุกทีก็คือทิวา

ภูมรินขับรถมาถึง ท้ายกระบะมีคนงาน เขาจะไปหาซื้อเครื่องมือเกษตรกับปุ๋ย      ที่ตัวจังหวัด เลยลงมาคุยด้วย ปู่สมภพมองคนหนุ่มพี่น้อง ช่างตั้งอกตั้งใจทำงานกันดีจริง คนน้องไม่เสียทีที่ไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศส ประเทศผลิตไวน์ชั้นดี พอกลับมาเป็นหัวเรี่ยว     หัวแรงให้พี่ชายได้อีก  ผลผลิตรุ่นแรกก็เริ่มออกมาแล้ว  ไม่ช้าที่นี่จะเป็นไร่ที่ขึ้นชื่อแน่

“ทิวาไปเรียนมาทางนี้โดยตรง ถือว่าได้ใช้ความรู้เต็มที่ดีนะ”

“ผมไปใช้แรงงาน แลกกับที่อยู่ ที่กินครับ”

ชายหนุ่มพูดเหมือนคนถ่อมตน พี่ชายอดเขม่นไม่ได้ รู้นิสัยดี นี่ไม่เชิงถ่อมตนหรอก นิสัยชอบพูดไม่ค่อยเข้าหูคนมากกว่า  แต่มันก็จริง ทิวาไปเรียนศิลปะที่ฝรั่งเศสด้วยทุนรอนน้อย หาทางไปเองจนไปได้อาศัยคนรู้จัก ที่ทำไร่องุ่น โรงบ่มไวน์ ได้วิชาความรู้อีกแขนงกลับมา พวกภาพเขียนที่ทิวาเขียนเก็บไว้ ภูมรินบอกให้ขายก็ไม่ยอมขาย บอกได้ไม่กี่ตังค์ สู้เก็บไว้ดีกว่า นิสัยขวางโลกชะมัด เรียนมาไม่เขียนภาพขาย แล้วจะเรียนไปทำไม ยังดีที่รู้จักทำประโยชน์ ช่วยงานในไร่ได้มากโข

“น่าจะลองเอาไวน์ไปประกวดดูนะ ปู่เห็นเขามีประกวดกันอยู่”

ปู่สมภพให้คำแนะนำมาอีก ภูมรินโบกมือ ไม่เอาท่าเดียว

“ประกวดไปก็แพ้ เราเป็นหน้าใหม่อยู่ด้วย รายใหญ่เขากินรางวัลมาทุกปี”

“แต่ผมสนใจครับ” ทิวากลับดวงตาใส “ประกวดปีแรก คงไปเอาประสบการณ์ก่อน คนจะได้รู้จักว่าไร่ของเรา กำลังหันมาทำไร่องุ่น ทำไวน์กัน ผลการประกวดจะแพ้ยังไง ผม จะได้เอามาปรับปรุงงานของเราให้ดีขึ้นไปอีก”



เช้าวันที่อากาศสดใส..

หญิงสาวถูกปลุกด้วย เสียงโทรศัพท์จากคุณแม่ ที่บ่นใส่ทางหูโทรศัพท์เป็นชุด  เกือบอาทิตย์แล้ว ที่เธอหนีแม่มาอยู่กับปู่ คุณแม่ผู้ชอบบงการยังตามมาอีกจนได้

“แม่คะ หนูเรียนจบแล้วนะ หนูขอเวลาทบทวนทางเดินชีวิตของหนูบ้าง”

เจ้าของน้ำเสียงปลายสาย ถึงกับร้องเอ๊ะลั่น

“อย่าบอกนะว่า แกจะไปเป็นชาวไร่กับปู่แก”

“ก็ไม่แน่นะ อยู่ที่นี่ดีออก”

“แกจะเอาแต่ใจอีกไม่ได้แล้วนะ เรียนก็จบแล้ว จะเถลไถลไปไหนอีก พ่อเขาอุตส่าห์ปูทาง ให้แกได้รู้จักกับผู้ชายดี ๆมีเกียรติมีหน้ามีตา เป็นลูกนักการเมืองเหมือนพ่อแกทั้งนั้น วันหน้าแต่งงานกัน แกก็จะได้ดีไปด้วย กว่าจะนัดกับทางโน่น ให้มาดูตัวแกได้ นี่มาดันผิดนัด หอบผ้าหนีมาดื้อ ๆแม่ละอายเขา ไม่รู้ลูกสาวหอบผ้าไปไหน”

“หนูหูชาแล้วนะแม่ เท่านี้ก่อนนะ”

“ด. เดี๋ยว ก่อน แกจะวางสายไม่ได้นะ ฉันมีเรื่องต้องพูดอีก”

ถึงจะวางสาย คุณแม่ก็คงตามมาถึงบ้านปู่อยู่ดี ไม่แน่คุณพ่อจะตามมาด้วย

หญิงสาวยังสวมชุดนอนตัวหลวมของเขาคนนั้นอยู่เลย เห็นทีต้องแก้เซ็งโดยการขับรถชมวิวเล่น  แล้วจะเลยไปไร้ของสองพี่น้อง

หนทางผ่านไร่ของนายอิทธิ ยังคงเป็นไร่ชา ไม่ได้คิดเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น มันก็แน่ละเพราะตั้งแต่รุ่นพ่อที่จัดว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ทำอาชีพผิดกฎหมายหลายอย่าง เพียงทำไร่ชาบังหน้า พ่อของนายอิทธิถูกยิงตายเมื่อหลายปีก่อน คนลูกก็น่าจะสานต่ออาชีพผิดกฎหมายอีก พอพ้นโค้งเท่านั้น คนที่เธอนึกถึงก็ดันจอดรถดักอยู่ข้างหน้า แถมยังยืนขวางถนนอีกด้วย หน้าตายิ้มเยาะ กวนโทโสแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยน

หญิงสาวกดแตรลั่น..

“หลบไปนะคนบ้า! เรื่องอะไรมายืนขวางถนน”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ยืนจังก้าไม่ยี่หระกับการไล่ของหญิงสาว ใบหน้าคมสันต์กว่าคู่พี่น้องเสียอีก ที่ใบหูซ้ายติดต่างหูเพชร เขาทำท่ามือโบกไล่อย่างอิดอ่อนใจ

“ถอยไป ถ้าเธอไม่อยากมีเรื่อง”

“ถนนเป็นของนายหรือไง!”

โรสโผล่มาทั้งตัว กดแตรย้ำเสียงเสียดแก้วหู ชายหนุ่มหรี่ตาเข้ม เด็กสาวผิวเหมือนหยวกเมื่อหลายปีก่อน ที่เขาชอบหยอกเอินเล่น ตอนนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้วสินะ น้ำลายมันสอมุมปากเสียแล้ว เสียดายมาเจอกันตอนไม่เป็นท่าเอาเวลานี้

“โรสเธอเองไม่ได้เจอกันหลายปี เธอยังขาว เนียนแล้วก็ปากร้ายกับฉันเหมือนเดิม”

มันชอบพูดจา แทะโลมเหมือนเดิมเลย

“ไม่ถอยใช่มั้ย งั้นฉันจะขับฝ่าไปเอง”

“เฮ้ย! บอกอย่าเข้ามา”

สายไปแล้วที่นายอิทธิจะห้าม ยางรถคู่หน้าระเบิดดังปัง! เจ้าตัวต้องลงมาเอามือกุมใบหน้า แข้งขาเรียวขาวผ่อง ดูจะทรงตัวไม่ได้แล้ว รถของคุณปู่ อุตส่าห์จิ๊กมายางแตกทั้งสองข้างเลย แล้วตะปูเรือใบโรยเกลื่อนเลย คนทำคงไม่ใช่ใครถ้าไม่ใช่นายอิทธิ แล้วดูที่เอว เหน็บปืนพกมาด้วย ถ้าจะมาดักฉุดเธอแน่ ตอนอายุ 17 นายคนนี้ก็เคยมาดักเธอ ครั้งนี้คิดจะทำอีก  คิดว่าจะง่ายเหรอ โรสเผ่นแวบเข้าไปเอาปืนในรถ

อิทธิเอามือกุมขมับ เปะป่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

“ซวยแล้ว ทำไมมาซวยได้ซับได้ซ้อนขนาดนี้”

เสียงรถเอทีวีของทิวามาจอดข้างรถของโรส พอดีเธอกำลังถือปืนออกมา

“เกิดอะไรขึ้น โรสทำไมเธอถึงมาอยู่นี่”

“ทิวา คุณมาก็ดีแล้ว นายอิทธิมันคิดจะฉุดฉัน ดูยางรถหน้าของฉัน กับที่พื้นตะปูเรือใบทั้งนั้นเลย นายอิทธิต้องเป็นคนทำแน่” เธอฟ้องใหญ่ หน้าตาจะร้องไห้ อิทธิยืนนิ่ง ตาคู่นั้นจ้องนิ่งกับทิวา

“ทิวา แกเอายัยขี้ฟ้องนี่ไปที  วันนี้ฉันท่าจะเจอโจทย์เก่าเสียแล้ว”

“เออ แน่ซี้ นายมันเคยทำแบบนี้มาแล้วนี่”

ทิวาคว้าแขนโรส พยักหน้าแล้วชี้ไปที่รถเอทีวีของตน

“คุณพอจะขับมันกลับไร่ได้ไหม ส่วนผม จะอยู่กับนายอิทธิที่นี่”

“หมายความว่ายังไง”

เธอเสียงแผ่วลง

“ไม่มีเวลาอธิบาย”

อิทธิต่อว่ามาบ้าง มือแตะต่างหูเพชร ส่ายคอลั่นกล็อกแกล็ก

“ก็ฉันบอกแล้วไง ไม่เชื่อเอง บนพื้นมันมีตะปูเรือใบ เคยฟังฉันพูดบ้างไหม”

โรสเริ่มยืนไม่นิ่งต้องหันมายืนพิงรถ ทิวาช่วยพูดมาอีก

“จริงครับ ผมมาเจอรถของอิทธิ โดนตะปูเรือใบอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยอาสาไปตามคนงานให้ อีกเดี๋ยวพวกนั้นคงมา คุณโรสเอารถผมกลับไปก่อนดีกว่านะครับ ผมไม่แน่ใจโจทย์เก่าของนายอิทธิ จะมาโผล่มาตอนไหน”

อิทธิถึงเอามือขยุ้มผม เตเสยตะปูออกไป อย่างเป็นเดือดเป็นแค้น

“พ่อของฉันก็เสียท่าแบบนี้  รถเจอตะปูเรือใบก่อน แล้วพวกมันก็ตามมารุมยิง แต่ฉันไม่เสียท่าแบบเดียวกันแน่ ขอบใจนายมากนะทิวาที่อยู่ช่วย  นายไม่ใจแคบเหมือนภูมริน ยังไงวันนี้ฉันไม่คิดหนีอยู่แล้ว”

ไม่ทันที่โรสจะเอ่ยปากเช่นไร  มีรถกระบะขนคนโผล่พรวดมาอีกทาง คนพวกนั้นกรูลงมาพร้อมกับปืน  มีคนหนึ่งใช้ปืนลูกซองยกเล็งยิงนำเข้ามาก่อน อิทธิเผ่นไปคว้าร่างของโรสล้มคว่ำไปด้วยกัน ลูกปืนเจาะหม้อน้ำปาเจโร่  อิทธิดันร่างตนเองขึ้น ยิงสวนเจ้าคนนั้นหงายกลิ้งไป  อิทธิคว้าเอวบางด้วยท่อนแขนทรงกำลัง วิ่งพาหลบหลังรถ ทิวาฉวยได้ปืนที่โรสทำตกไว้ เปิดฉากยิงตอบโต้กลับไป เขาแค่ยิงขู่ ไม่ได้กะจะยิงให้โดนคนเหมือนนายอิทธิ

“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมคนพวกนั้นยิงเราทำไม”

โรสถามหน้าตื่น  หายใจแทบไม่ทัน

“ต้องเป็นคน ของเสี่ยจวงแน่ ”

ทิวาคว้าเอาแม่กระต่ายน้อยตื่นตูมมาหลบอยู่ก้อนหินใหญ่ไหล่ทาง สภาพรถของคุณปู่สมภพตอนนี้ไม่เหลือดีเลย    ปล่อยให้อิทธิยิงต้านไป  ต้องต้านเอาไว้ จนกว่าพวกคนงานจะมาถึง มีเสียงปืนดังขึ้นมาอีก มาพร้อมกับรถกระบะสองคัน คนของนายอิทธินั้นเอง คราวนี้พวกมือปืนต้องเป็นฝ่ายหาที่กำบังบ้าง พออีกฝ่ายมีคน มีปืนมากกว่า มือปืนเริ่มล่าถอย  พวกมันต่างกระจัดกระจายกัน ไปคนละทิศละทาง นายอิทธิตะโกนลั่น สั่งคนของตนให้ตามไปจัดการให้หมด

เสียงปืนไปดังในป่าป่าละเมาะ ห่างไกลออกไป โรสยังนั่งเอามือกุมหู ในอ้อมแขนทิวา เขากระซิบที่ใกล้แก้มนวล เธอยังคงกอดเขาแน่น รู้กลัวจนตัวชาก้าวขาไม่ออก นานทีเดียวกว่าจะมีรถมาอีกคัน  คนที่ลงมาดูคือปู่สมภพนั้นเอง แกต้องควักเอายาดมมายัดรูจมูก กับสภาพของรถคู่ทุกข์คู่ยากมาหลายสิบปี ทิวาประคองโรสเดินออกมา

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก เจ้าแก่ของปู่ หมดอายุด่วนลาโลกไปก่อนก็ช่างมันเถอะ”



Create Date : 22 มิถุนายน 2559
Last Update : 22 มิถุนายน 2559 20:15:04 น. 1 comments
Counter : 812 Pageviews.  
 
 
 
 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
 
 

โดย: peepoobakub วันที่: 20 มีนาคม 2560 เวลา:13:36:24 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1641642
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





[Add สมาชิกหมายเลข 1641642's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com