space
space
space
 
มิถุนายน 2559
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
space
space
12 มิถุนายน 2559
space
space
space

A Slave's Master. (ไลท์โนเวล) บทที่ 5 การประลอง


“ข้าบอกว่าให้พาไปหลบที่ไหนสักแห่ง…เลยพามาห้องข้าเนี่ยนะ!

ตอนนี้เตียงแสนนุ่มของผมกลายเป็นภาชนะรองรับร่างอาบเลือดของทาสหลวงอาการปางตายเสียแล้ว

ซินเดียก้มหน้าก้มตาตามเดิม เธอว่าเสียงอ่อน “ก็ไม่ว่าหลบที่ไหนข้าก็ตายอยู่ดีนี่เจ้าคะ พามาหลบห้องท่าน ท่านอัลเธียคงไม่ฟาดท่านหรอกเจ้าค่ะ หรืออย่างน้อยๆ ก็คงไม่ปางตายเท่าคนรับใช้เช่นข้า”

อย่าดูถูกเจ๊อัล! ขนาดวันที่ผมฟื้นขึ้นมาวันแรกยังโดนเอ็ดจนเกือบส่งไปอยู่กับครูฝึกมารยาทสุดโหด เธออาจโมโหที่คำสั่งโดนขัดจนส่งผมไปเป็นดาวอยู่บนฟ้าก็ได้

“แล้วหมอล่ะ? ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ท่านแม่ไม่อยู่ข้าก็ไม่ปากโป้ง เจ้าไม่ตายหรอก” ผมเร่งเพราะเห็นแก่คนป่วย สีหน้าเขาซีดลง เอ่อหรือเปล่านะ ไม่รู้แฮะ ผมเองก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องสีหน้า โดยเฉพาะกับคนผิวคล้ำแบบนี้ แต่ผมว่าเขาดูซีดลงจริงๆ นะ โดนไปขนาดนั้นจะให้กระโดดโลดเต้นได้ก็ผิดมนุษย์แล้ว

“อยู่ในกระเป๋ากางเกง” เสียงอู้อี้ดังขึ้นมาจากใกล้หมอน

ว้าว! เจ็บขนาดนี้ยังอุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาได้หมอนี่แมวเก้าชีวิตจริงๆ

ซินเดียตั้งท่าจะเดินไปหยิบยาก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย

ผมเริ่มโมโหเอาจริงๆ จังๆ กับความขี้ขลาดของเธอ “ซินเดีย! ท่านแม่ไม่อยู่ ข้าก็ไม่ปูด เจ้าจะกลัวอะไรนักหนากะอีแค่หยิบยาออกมา แค่ช่วยยกเขามาที่นี่ก็ถือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว มัวชักช้าเดี๋ยวเขาก็ตายก่อนกวนตีนข้าครบสามรอบหรอก”

ลูกผู้ชายจะอยู่ด้วยกันได้ต้องกวนตีนกันครบสามครั้ง ผมไม่รู้ว่าเขาถูกส่งมาเพื่ออะไร แต่ดูท่าจะอยู่ด้วยกันอีกนาน

ซินเดียมองผมด้วยสายตาลำบากใจ เธอหันกลับไปบรรจงใช้นิ้วคีบเปิดช่องกระเป๋าด้านข้างกางเกง แล้ววกกลับมามองผมอีกครั้ง

โอเค ขอโทษจริงๆ ซินเดียเรลล่า ฉันเข้าใจเธอแล้ว

แม้แต่ผู้ชายด้วยกันอย่างรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมาล้วงอะไรใกล้ๆ ส่วนที่ไม่ควรจะเอ่ยถึง ละไว้ในฐานที่น่าจะเข้าใจตรงกันดี สัมผัสแรกที่โดนอะไรก้อนๆ แข็งๆ ทำเอาผมสะดุ้ง ก่อนจะล้วงเอามาเพื่อพบว่ามันเป็นขวดแก้วบางอย่างที่มีฝาไม้ก๊อกปิดสนิท เป็นขวดสีเขียวอย่างกับน้ำยาเวทมนตร์ หมอนี่คงไม่ได้ล่อให้เราราดน้ำยาเวทเพื่อกลับคืนสู่ร่างมังกร พ่นไฟถล่มคฤหาสน์นี้จนเละหรอกนะ

ผมหยดน้ำยาสีเหลืองอ่อนลงไปบนแผลช้าๆ และเห็นร่างเขาไหวขึ้นน้อยๆ ขนาดน้ำเปล่าธรรมดาโดนแผลทั่วไปยังแสบจนไม่อยากหายใจ แผลขนาดเจ้าหมอนี่แถมโดนน้ำยาอะไรไม่รู้อย่างนี้คงอยากลาขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะมั้ง ผมบรรจงรดแผลที่ละจุดๆ อย่างระมัดระวัง โดยมีซินเดียคอยมองอยู่ใกล้ๆ

ผมยกขวดขึ้นส่องปริมาณยากับปริมาณแผล เฮ้ยๆ แบบนี้มันจะไม่พอเอานะเนี่ย

“มีขวดอื่นอีกไหม? ยาไม่พอ” ผมร้องถาม เมื่อกี้รีบหยิบรีบออกเพราะลำบากใจเต็มที

“ท่านต้องเอาให้สาวใช้ละเลงยาให้ทั่วๆ ขอรับ” เขาตอบกลับมา

“สาวใช้ที่ไหน ข้าลงยากะมือเองเนี่ยแหละ” ผมค้อนขวับ

เสียงเขาอ่อนแรง “ไม่ใช่ขอรับ ท่านต้องให้สาวใช้ลงมือรักษาพยาบาลข้าขอรับ”

“นี่! อย่ามาทะลึ่งจะตายยังอยากแต๊ะอั๋งผู้หญิงอีกเรอะ”

ผมอาจเป็นเจ้านายที่ทำสาวใช้เกือบกัดลิ้นตายเพราะตั้งใจจะปักธงคู่ แต่ก็เป็นเจ้านายที่มีคุณธรรมพอจะห่วงสวัสดิภาพผู้ใต้บังคับบัญชา ซินเดียมีแฟนแล้ว แถมดูจะหวงตัวขนาดนั้น เธอย่อมไม่อยากแตะต้องอะไรที่เป็นเนื้อตัวของเพศตรงข้ามหรอก

“มีสาวใช้อยู่ในห้อง ท่านจะลงมือกระทำด้วยตนเองไม่ได้ขอรับ นางจะมองดูแคลนท่านเอาได้ ท่านต้องใช้นางขอรับ”

อ่า… งั้นเหรอโลกนี้ยุ่งยากจริงวุ้ย

ผมหันไปหาสาวเมดที่สะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที ไม่ว่ากันหรอก ถ้าเธอจะปฏิเสธ

แม้สีหน้าจะแสดงความเต็มใจอันน้อยนิดออกมา ซินเดียก็ยังยอมยื่นมือออกไปช้าๆ เพื่อเตรียมละเลงยา ขณะที่กำลังจะแตะเลือดหยดแรกนั้นเอง เธอหยุด! เสียงกรี๊ดดังขึ้น แล้วร่างของสาวใช้ก็ลาลับหายไปพร้อมประตูที่ถูกเปิดและปิดลงอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาของเจ้าหล่อนสร้างความอ่อนใจแก่ผม เสียงครางต่ำๆ ในลำคอของทาสหลวงปรากฏขึ้น

ผมหันกลับมา “เห็นไหม? สุดท้ายข้าก็ต้องทำอยู่ดี”

“นางไม่ กลัวท่าน” เขาพึมพำ มันขาดห้วงเหมือนสติเขากำลังจะลากลับบ้านอีกรอบ “ท่านต้อง ลงโทษนาง ขอรับ”

ผมปล่อยให้เจ้าคนมากพิธีการสลบไป หลับก็ดีจะได้พูดมาก


ผมถูกลากไปงานเลี้ยงจริงๆ จึงได้แต่ฝากซินเดียให้ช่วยแวบเข้าไปดูอาการทาสหลวงบ้างเป็นครั้งคราว ถ้าเขาตายคาเตียง ผมต้องนอนระแวงว่าจะได้ร่างโปร่งแสงอดีตมนุษย์ไปไม่ต่ำกว่าสามคืนแน่นอน

เมื่อเทียบกับรถยนต์ รถม้านับว่าสั่นสะเทือนมากกว่าพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับตอนถูกอุ้มวิ่งตะลอนๆ ไปพร้อมกับลัมบ์ พร้อมว่ารถม้าคันนี้นั่งสบายกว่ากันเยอะ เบาะก็นุ่มใช้ได้ ตอนแรกผมคิดว่าเบาะรถม้าจะแข็งๆ แต่ก็อย่างว่า รถม้าของคหบดีผู้มั่งคั่งจะให้เลวร้ายได้อย่างไร

งานเลี้ยงน้ำชาคืองานเลี้ยงน้ำชาจริงๆตรงกลางมีกาน้ำชาหลากประเภทตั้งรวมกันอยู่ เป็นกาน้ำชาแก้วใสที่แสดงถึงสีสันภายใน ผมคนหนึ่งที่เคยคิดว่าชาสีมันก็เหมือนๆ กัน พอมาเจอแบบนี้จึงเข้าใจว่าชาแต่ละประเภทก็มีสีประจำตัวของตัวมันเอง ไม่ใช่แค่ความเข้มอ่อน แต่เป็นลักษณะของสีจริงๆ บางกาสีทองอ่อนสวยงาม ผมมองแล้วก็อยากลองดื่มกะเขาบ้าง

งานนี้เป็นงานเลี้ยงแบบค็อกเทล คือแขกทั้งหลายทั้งมวลจะถูกปล่อยให้เดินร่อนไปทั่วงาน ไม่มีโต๊ะประจำไม่มีที่นั่งเฉพาะ มันคงเป็นงานเลี้ยงที่ดีสำหรับพวกเพื่อนเยอะที่อยากทักทายคนนั้นทีคนนี้ที เจ๊อัลเองก็หากลุ่มเม้าท์ได้แล้ว เหลือแต่ผมที่ยืนคว้างอยู่กลางงาน

ทำอะไรดีหว่า

นับแกะดีไหม

แกะหนึ่งตัว แกะสองตัว ฯลฯ

แล้วก็เรื่อยไปจนถึงแกะร้อยสามตัว แกะร้อยสี่ตัวฯลฯ

แล้วความน่าเบื่อของผมก็ยังไม่จบที่แกะสองร้อยห้าตัว แกะสองร้อยหกตะ

“เจ้าจะยืนตาปรือหรือจะหาเพื่อนคุย ใจคอจะให้ท่านแม่อย่างข้ามานั่งเฝ้าคุยกับเจ้าหรือไงกันน่ะ ฮึ?” เจ๊อัลผู้ขัดขวางการนับแกะด้วยปากเปล่า ยืนเท้าสะเอวมองผมด้วยสายตาโมโหนิดหน่อย “ข้ารู้ว่าเจ้าจำใครไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเดินไปหาคนที่น่าสนใจ ชวนเขาคุยดู อย่างคนนั้นสิ เด็กคนนั้นก็ยืนคนเดียวเหมือนกัน เจ้าชวนเขาคุยก็ได้ เขาไม่หันมาฆ่าเจ้าหรอก”

ผมเหลือบมองเจ๊อัล เหลือบมองเด็กที่ยืนพิงต้นไม้คนนั้น แล้วเหลือบมองเจ๊อัลอีกที

“เอาเลยๆ” เธอวักมืออยู่หลังผม โธ่… อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กอนุบาลสามที่พยายามหาเพื่อนในสนามเด็กเล่นได้ไหม

เด็กตาสีเขียวคนดังกล่าวหันมาหาผมเมื่อได้ยินเสียงทักทาย

เขาเดินเข้ามาใกล้ใบหน้าเขาเคลื่อนคล้อยเข้ามาจนแทบจะสัมผัสกับผม ลมหายใจของเขาอุ่นร้อนอยู่เหนือริมฝีปากของผม หน้าผากของเราจรดกัน

เดี๋ยว!

ไอ้คำบรรยาย ‘หน้าผากของเราจรดกัน’มันไม่ดูหรูไปหน่อยเรอะผมขอประท้วงพร้อมความเจ็บที่หน้าผากนี้เลยว่านั่นไม่ใช่ ‘หน้าผากของเราจรดกัน’ หมอนั่นมันโขกหน้าผากผมครับ ท่านประธาน!

“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าครั้งหน้าที่เราพบกันจะเป็นวันล้างตาของข้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะไปหาดาบและมุมสงบเพื่อประลองกันโดยไม่รบกวนคนอื่น”

หมอนี่พูดจริงทำจริง เขาเดินสวบๆ ออกไปโดยไม่สนใจแขกเหรื่อหรือผมที่กำลังเหวอเลยสักนิด

ผมหันไปมองเจ๊อัลที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนใจและรอยยิ้มขอโทษ “ข้าลืมไปว่าเจ้าเพิ่งจัดการเด็กคนนั้นไม่นานมานี้เอง เขากำลังฉุนน่าดูเลยล่ะ ด้วยสถิติที่ไม่เคยแพ้ใครในสองปีมานี้ ไม่ว่าจะเด็กหรือโตแค่ไหน คนที่ทำลายชัยชนะของเขาในลานประลองก็คือเจ้า อาเธอร์”

ผมนึกถึงเรื่องที่เขาบอกว่าจะไปหยิบดาบ “เขาได้ที่เท่าไหร่?”

“สองจ้ะ”

เหอ งั้นนั่นก็เทพจุติอีกคนน่ะสิ

ผมพูดด้วยน้ำเสียงลนๆ “เขาบอกว่าจะประลองกับข้า หนีกันเถอะ”

“ไม่ได้นะ!” สีหน้าเจ๊อัลเปลี่ยนทันที “เจ้ากำลังทำให้ตัวเองขายหน้า ทำให้ตระกูลแปดเปื้อน”

เอิ่ม… ขอโทษนะครับเท่าที่จำได้ ผมไม่มีชาติกำเนิดหรูๆ ให้ห่วงแหน โตมาอย่างปอนๆ แล้วก็กลายเป็นไอ้บ้านั่งดูการ์ตูนตั้งแต่ลืมตายันนอนหลับคาจอ จะให้ผมรักษาศักดิ์ศรีอะไรไม่ทราบ!

และถ้าหมอนั่นได้ที่สอง แปลว่าหมอนั่นก็ล้มพวกหัวกะทิชั้นหนึ่งมาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง

“ถ้าข้าตายล่ะ?” ผมถามถึงสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าศักดิ์ศรี

“เจ้าก็ได้ตายอย่างสมเกียรติ” คำพูดของคนที่เห็นตรงกันข้ามกับผมปรากฏขึ้นมาจนได้

โธ่ว้อย… สำหรับพวกขี้แพ้บ้าอนิเมฯอย่างผม ศักดิ์ศรีอะไรนั่นไม่ต้องการ! อนิเมฯ! มังงะผมยอมตายเพื่อสิ่งเหล่านั้นดีกว่าการประลองงี่เง่านี่!

“ข้าความจำเสื่อมอยู่นะ” ผมเสียงอ่อน

“เจ้าจะใช้เรื่องนั้นเป็นข้ออ้างไม่ได้หรอกนะ” เธอขยิบตาให้ผม พลางพยักเพยิด “มาแล้ว”

มาแล้วจริงๆ ด้วย

ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ขณะมองดาบขนาดเหมาะมือที่ถูกยื่นให้ สีหน้าเจ้าคนไม่รู้แซ่นั่นดูยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจ สายตาใครหลายคนเริ่มจับจ้องมาที่วงของเรา

“ถ้าพวกเจ้าสู้กันตรงนี้ข้าแน่ใจว่างานเลี้ยงคงจะพังแน่ๆ” เจ๊อัลว่าด้วยน้ำเสียงปะเหลาะ

“ข้าตั้งใจว่าจะสู้กันให้ห่างจากงานสักหน่อย” เขาโค้งตัวลงอย่างสุภาพ “หวังว่าคุณผู้หญิงคงจะไม่ว่ากัน”

เจ๊อัลว่า “ไม่หรอกจ้ะ ข้าเองก็มั่นใจในตัวบุตรชายของตนเช่นกัน”

เฮ้ยๆๆ แต่บุตรชายคนนี้ไม่มีใจในตัวเองเลยสักนิดนะ

“สมควรด้วยซ้ำ ถ้าพวกเจ้าจะสู้กันจนสามารถตัดสินชี้ขาดกันถึงชีวิต ทางท่านลอร์ดเองก็คงจะพอใจกับกติกาข้อนี้” เจ๊อัลมองสีหน้าไม่คิดปฏิเสธเลยสักนิดนั่น “แต่ข้าว่าคงจะยังไม่เหมาะจริงๆ ที่นี่มีสุภาพสตรีมากมายที่ไม่อยากดื่มชาเคล้าคาวเลือด ไม่ว่าคาวเลือดนั้นจะเป็นใครก็ตาม”

“ข้าลั่นวาจาว่าจะประลองกับเขาเมื่อเจอกันครั้งหน้า ซึ่งก็คือวันนี้” เขายืนกราน “หากจะให้เลื่อนไปวันหน้า เกรงว่าข้าคงต้องยอมเสียมารยาทต่อท่านแล้ว”

“ข้าก็ยังมิได้เอ่ยเช่นนั้นสักคำ” เจ๊อัลยักยิ้ม “ข้ารู้จักสถานที่หนึ่งที่จะทำให้การประลองเปี่ยมอรรถรสมากขึ้น ท่านลอร์ดรู้จักป่าที่ขึ้นทางเหนือสักร้อยไมล์นี่หรือไม่?”

เขาพยักหน้า

“เยี่ยมจริงข้าขอให้ท่านยอมให้บุตรชายข้าขึ้นรถม้าไปกับท่าน มุ่งไปยังป่าแห่งนั้นเพื่อประลองฝีมือกันอย่างเต็มที่”

ดวงตาของเขาเผยความพึงพอใจออกมาเต็มที่ “คุณผู้หญิงช่างเปี่ยมล้นด้วยอัจฉริยะภาพ ข้ายินดีตอบรับต่อข้อเสนอของท่าน!”

ผมเหลือบมองเจ๊อัล ผู้ยังคงยิ้ม

อะฮ่าป่านั่นต้องมีอะไรที่จะช่วยให้ผมได้เปรียบอยู่แน่ ผมใจชื้นขึ้นนิดหน่อย

ระหว่างเดินตามคู่ประลองไป หูได้ยินแว่วๆเป็นเสียงเจ๊อัลกำลังหัวเราะกลบเกลื่อน พลางพูดแบบไม่ใส่ใจว่า “อ๋อ แค่เด็กๆ เล่นกันน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”




Create Date : 12 มิถุนายน 2559
Last Update : 12 มิถุนายน 2559 0:24:11 น. 1 comments
Counter : 373 Pageviews.

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:30:44 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 3190137
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3190137's blog to your web]
space
space
space
space
space