'What a treacherous thing it is to believe that a person is more than a person'
Group Blog
 
All blogs
 

Keep Calm and Carry On



ดูเหมือนว่าวีกเอนด์ที่ผ่านมาจะเป็นอะไรที่
spectacular มากสำหรับชาวบริเตนฮ่าๆ จะพูดว่าอังกฤษอย่างเดียวก็ไม่ได้

เพย์ตั้นรู้สึกเป็น proud citizen เลยทีเดียว ฮ่าๆ

So yeah, keep calm andMurray on. Yay !

//i1099.photobucket.com/albums/g393/pp_etoile/keep-calm-and-murray-on-1_zps3aa5b80f.png


ลุ้นจนเหงื่อตกเลย คิดว่าจะแพ้แล้วนะพี่แรก เพราะเขาชอบ stumble ทุกครั้งที่มาถึง break point เวลาตีได้ถึง 30-0 ทีไรก็มักพลาดให้ Djokovic ตีเสมอเกือบทุกที บ่อยเสียจนเจมส์เอามาล้อเพย์ตั้นเลย

แต่ก็ดีใจจนแทบนอนไม่หลับที่ Murray ชนะ Wimbledon บริทคนแรกใน 77 ปี แม้ว่าตอนแรกเพย์ตั้นจะเสียใจสุดๆที่ Federer ตกรอบแรก -_-“ แต่อย่างน้อย Djokovic ก็ไม่ได้ถ้วยไปครองก็แล้วกัน โล่งอกไปทีลุ้นสุดตัวโก่ง กรีดร้องลั่นบ้านอยู่หน้าจอทีวี เพราะพนันกับเจมส์ไว้ตั้งแต่ต้นว่าWimbledon ปีนี้ยังไงเสีย Novac ขวัญใจของเขาจะต้องไม่ได้แชมป์

ถึงแม้ว่าทั้ง Nadal และ Federerจะ au revoir ลาจากคนดูอย่างเราไปกันตั้งแต่รอบแรกเฮ้อ

กึ่งเสียดายเล็กน้อยที่ปีนี้ไม่ได้ไปดูเพราะไม่ได้อยู่อังกฤษช่วงวิมเบิลดั้น ตอนแรกก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร เพราะคนที่เราชอบก็ตกรอบไปหมดแล้ว หุหุ

แต่พอแอนดี้ชนะได้ถ้วยแบบนี้ก็เกิดอาการ Patriotic อยากไปดูสดๆ เหมือนกัน

ครอบครัวเพย์ตั้นก็ไม่มีใครไปดูสักคนค่ะปีนี้

A blessing in disguise, perhaps.

แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปดูเกม Rugby Union ที่ Sydney พอดีว่าครอบครัวเจมส์มีบัตร เราเลยแต่งสีแดงไปเชียร์ทีม British-Irish Lions กันเลยทีเดียว นับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ทั้งเจมส์และเพย์ตั้นเชียร์ทีมเดียวกัน ปกติทีมกีฬานี่ไม่ค่อยagree กันเท่าไหร่ค่ะขนาดเทนนิสนั้น เขาโคตรจะไม่ชอบ Federer ในขณะที่เพย์ตั้นเหม็นขี้หน้านาย Djokovic ฮีโร่ของเขาสุดๆ

อันที่จริงแล้ว บางทีเพย์ตั้นก็คิดว่าเจมส์เลือกที่จะเชียร์นักกีฬาหรือทีมกีฬาที่ตรงข้ามกับเพย์ตั้นเพื่อที่จะยั่วโมโหเท่านั้นนะ ฮ่าๆ

แต่สนุกมากค่ะ ปกติเพย์ตั้นไม่ได้ดู Rugby แบบ live เท่าไหร่ ไม่ได้สนใจมากมาย ที่ไปดูมักจะเป็นพวกเทนนิสหรือไม่ก็ฟุตบอลมากกว่า แต่แปลกนะ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไรก็ตามพอได้ดูสดๆ ข้างขอบสนามแล้วมักจะ get emotionally invested มากๆ หรือว่าเป็นแค่เพย์ตั้นก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ขนาด cricket ที่เพย์ตั้นไม่ค่อยจะชอบ พอไปดูที่สนามแล้วยังรู้สึกว่ามันสนุกเลย อย่างน้อยก็สนุกกว่าในโทรทัศน์ล่ะ ฮ่าๆ

แต่ squad Lions นี้ เพย์ตั้นกรี๊ด Halfpenny เบอร์ 15 กับNorth เบอร์ 11 เป็นการส่วนตัวค่ะ เล่นเอาเสียเจมส์หมั่นไส้กันเลยทีเดียว พี่ท่านบอกว่ามาดูเกมกีฬา ไม่ใช่มาดู(และกรี๊ด)นักกีฬา ก็แหม มันก็น่ากรี๊ดอยู่หรอกค่ะ นอกจากจะมีรูปลักษณ์เป็นที่น่าพอใจแล้ว ยัง destroyed ทีม Wallabies เสียย่อยยับ ถูกใจคนเชียร์มากๆ อิอิอิ


คุณพ่อบอกว่าต่อไปนี้ก็เหลือแต่ ‘Kate Middleton’s baby’ ให้เราชาวบริตตื่นเต้นกัน ฮาาา เพย์ตั้นเดาว่าเป็นผู้หญิงนะคะ ฮ่าๆ เดี๋ยวไปเจอแด๊ดแล้วค่อยคุยกันใหม่ว่าเราจะ place bet อะไรกันแน่

ขณะนี้เพย์ตั้นกำลังรอ red-eye ไปลอนดอนที่ Jakarta, Indo (CGK) ค่ะ เลยฆ่าเวลาด้วยการเขียนบล็อกเสียหน่อยเพราะไม่ได้เขียนมานานหลายเดือน พอดีวุ่นๆ อยู่กับเรื่องงานและเรื่องเรียน ( Last leap แล้ว อยากได้ first class ฮ่าๆ ) บวกความขี้เกียจเข้าไปเลยหมดกัน แถมกว่าจะเขียนได้แต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเปิด dictionary แปลกันสนุกสนานเลยเชียว เหอะๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนทันก่อนเครื่อง depart หรือเปล่า เผลอๆ อาจจะได้ไปอัพตอน layover ที่ Abu Dhabi ก็เป็นได้

เจมส์กลับจากแคนาดาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนค่ะ เพย์ตั้นเลยถึงเพิ่งจะกลับลอนดอนเอาตอนนี้ ฮ่าๆ ทั้งๆ ที่ปิดเทอมมาได้สักพักแล้ว ก็อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันสักหน่อย เพราะไม่ได้เจอเขาตั้งแต่ที่เพย์ตั้นไปเตร่ที่แคนาดาเมื่อช่วงกุมภาพันธ์ ซึ่งก็หลายเดือนมาแล้ว




เมื่อวันจันทร์เพย์ตั้นกับครอบครัวเจมส์ก็เดินทางไปบาหลีค่ะ นี่เพย์ตั้นก็เพิ่งมาถึงจาการ์ต้าเมื่อบ่ายวันนี้เอง

เจมส์กับครอบครัวของเขาจะยังพักกันอยู่ที่บาหลีอีกสองสามวันแล้วก็จะไป holiday กันต่อตามประสาครอบครัว ส่วนเพย์ตั้นก็จะไปหาคุณพ่อคุณแม่ และครอบครัวที่อังกฤษซึ่งดีค่ะ 

การอยู่ห่างเป็นเวลานานกันไม่ได้ทำให้เพย์ตั้นกับเจมส์ห่างเหินกันนะ on the emotional side เรายังรักกันดีเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ถือว่าเราสามารถอยู่ห่างกันได้ แบบยังไงล่ะ Things are a whole lot easier now? ค่ะ ง่ายขึ้น

ประมาณว่าเราผ่านจุดสำคัญของ relationship มาแล้ว ไม่มีการนอกใจ ไม่มีการทะเลาะข้ามทวีปด้วยเรื่องไร้สาระ

อ้อ เว้นแต่เพย์ตั้น threw a fit ใส่เจมส์ไปเมื่อเดือนเมษาฯ เพราะยายบริททานีย์แฟนเก่าของเขา ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่ที่แคนาดา ดันเผอิญ[มาก] ไปโผล่ที่gym ของเจมส์ใน West Vancouver แถมเธอยัง check-in แท็กเขาว่า “Small world” อีก ทีแรกเพย์ตั้นก็ขำๆ แต่ขำไปขำมา มันชักไม่ตลกละ เพราะไม่กี่ชั่วโมงต่อมาแม่คุณโพสท์บอกเจมส์ในเฟซบุคอีกว่า “ลืมสร้อยข้อมือไว้บน treadmill. Sadface.”

Oh…. แล้วเธอจะได้รู้ว่า ความ sad ที่แท้จริงเป็นยังไง !

อันที่จริงก็ไม่มีอะไรค่ะเป็นความบังเอิญที่น่าโมโหที่สุดก็เท่านั้นล่ะ แต่กว่าจะคั้นเอาเรื่องราวทั้งหมดออกมาได้นี่ก็เหนื่อยพอตัวค่ะ เพย์ตั้นล่ะแทบขึ้นเครื่องไปบีบคอเจมส์ถึงแคนาดาเลยทีเดียว แต่ที่น่าหมั่นไส้ยิ่งกว่านั้นก็คือตัวการอย่างเจมส์หัวเราะแทบตาย คือพอหลังจากคุยกันแบบจริงๆ จังๆ เคลียร์กันได้ เขาก็เห็น the funny side ทันที

ชอบใจเหลือเกินที่คนที่หึงใครไม่ค่อยจะเป็นอย่างเพย์ตั้นหึงเขาจนเกือบเป็นเรื่อง

อืม ดีเนาะ…

เอาเป็นว่า เหมือนเวลาไม่ได้ผ่านไปเลยค่ะ เหมือนเรายังอยู่ใกล้กันเหมือนเดิม พอเจอหน้าก็ดีใจ รู้สึก happy มากๆ ที่ได้อยู่ด้วยกันอีก แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตามที แต่เดี๋ยวพอเพย์ตั้นกลับมาจากพักร้อนเดือนสิงหาคม เราก็ไม่ต้องห่างกันแล้วนี่นา ฮ่าๆ งานนี้คงได้เบื่อหน้ากันไปเลยทีเดียว

ทำไงได้ล่ะ อย่างที่เจมส์เคยบอก ‘So many fish there in the sea, I wanted you, you wanted me.’ 

เมื่อวันก่อนคุณพ่อคุณแม่เพย์ตั้นไป Tate Modern มา  คุณแม่กับเพย์ตั้นเหมือนกันตรงที่ว่าไม่ได้ชื่นชอบ Tate Modern อะไรมากมาย เธอเลยดูเอือมๆ ตอน Skype กัน ฮ่าๆ แต่เพราะรักแด๊ด เราสองคนเลยชอบพบว่าตัวเองยอมให้แด๊ดลากไป Tate Modern บ่อยๆ ส่วนแกรมพ์กับแนนนาอยู่ Cardiff ค่ะตอนนี้ แต่ค่ำวันศุกร์คงกลับอังกฤษ เพราะพอเพย์ตั้นไปถึงลอนดอน พวกเราทั้งหมดก็จะไปใช้ซัมเมอร์กันที่ Croatia และ Italy กันจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมเลย

ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ แฮร์รี่ พี่ชายทูนหัวของเพย์ตั้นไป backpack (or is it poshpacking ? haha) กับเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบสองอาทิตย์แล้วค่ะ เห็นเขายังทน Hostel ได้อยู่ แต่พวกเรากำลังรอดูว่าจะหมดความอดทนเมื่อไหร่

นี่เดี๋ยวแฮร์รี่ก็จะไปเจอพวกเราที่ Dubrovnik ด้วยซึ่งค่อนข้างเป็นการ cheating เล็กน้อย เพราะแน่นอนว่าแฮร์รี่คงไม่ยอมพัก hostel หรอก เผลอๆ เพย์ตั้นต้องยอมแบ่งเตียงให้เขาด้วย ฮ่าๆ แต่อย่างไรก็ตาม in the meantime, it’ll be fun to watch him struggle.

พูดถึงแฮร์รี่แล้วก็ต้องขอเล่าค่ะ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนแฟนของเขา หรือจะให้เหมาะต้องเรียกว่าคู่เดต(ซึ่งตอนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอดีตแล้วเช่นเคย ฮ่าาา) ประกาศกับชาวโลก ว่า Godbrother ของเพย์ตั้นป่วยเป็นโรค Syphilis

HAHAHAHA ! คิดแล้วก็ขำตอนเห็นในเฟซบุคเพย์ตั้นก็งง เพราะเท่าที่ทราบข่าว แฮร์รี่เป็น Shingles เอิ้กกกกก

เล่นเอาแฮร์รี่โมโหแบบมีควันออกมาจากหูเขาเลยค่ะ สงสารสาวคนนั้นเหมือนกัน แต่แฮร์รี่ก็นะ What sort of women do you date, my child? จะโทษใครนอกจากตัวเองก็คงไม่ได้ล่ะสิทีนี้ ทุกวันนี้ทุกคนรอบตัวเขา รวมถึงเพย์ตั้นเองก็ยังไม่ยอมให้แฮร์รี่ลืมเหตุการณ์อันน่าขายหน้า (but lol worthy) ครั้งนั้นเลย hehehe….

อ้อ อีกข้อเสียของการที่เพย์ตั้นไม่กลับบ้านให้เร็วกว่านี้ก็คงเป็นเทศกาลดนตรี Glastonbury Festival ซึ่งเพื่อนๆหลายคนของเพย์ตั้นไปกันค่ะ วง Rolling Stones มาแสดงด้วย แต่ก็เอาเถอะไม่ใช่เพย์ตั้นคนเดียวที่เสียดาย เจมส์เองก็อิจฉาทุกๆ คนที่ได้ไปดู Urgh, sucks to be me/us.

เห็นทีจะต้องปิดเครื่องแล้วล่ะสิ ชักเริ่มง่วงด้วย คงได้ไปตื่นอีกทีที่ Abu Dhabi แน่ๆ Oh, well…

ราตรีสวัสดิ์ Good night, Cyberworld !

Enjoy your summer. So long.

Lots of love,

P.





 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2556 0:30:45 น.
Counter : 1044 Pageviews.  

นิ้วหรือไส้กรอก เมื่อข้อมือหัก 2.0

นอนสลบมาทั้งวัน (อันที่จริงก็อืดมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ) ก็เลยได้โอกาสแวะเวียนมาเขียนบล็อกเพื่อบอกว่า เพย์ตั้นข้อมือหัก 

//i1099.photobucket.com/albums/g393/pp_etoile/brokenwrist_zpsb431a4e1.jpg

ช่ายยย what a complete and total disaster  แย่ไปเลยอีกเกือบหกอาทิตย์
งานการไม่ต้องทำมันแล้วค่ะ แค่จะพิมพ์นี่ยังแทบแย่ (แต่ยังไม่เจียมตัว) ปกติกว่าจะเขียนได้ก็ใช้เวลานานอยู่แล้ว นี่ต้องพิมพ์มือเดียวอีก สะใจจริงๆ

พอดีไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนมาค่ะ ดื่มแชมเปญได้อึกนึงมั้ง ยังไม่ทันได้ร้องเพลง Happy Birthday เลยก็งานเข้าเสียแล้ว

ก็ เอ่อ ขอบคุณนะ จอช ถือเป็น standard night out กับยูจริงๆ เลยเชียว มางานเดียวกันทีไรเจ็บตัวทุกทีล่ะสิน่า หุหุ

สรุปตอนนี้นิ้วของเพย์ตั้นก็เลยดูเหมือนไส้กรอกมากกว่านิ้วมือ ยังบวมอยู่ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะกว่าเมื่อวันเสาร์/อาทิตย์ ยาลดอาการปวดเหมือนจะแรงไม่พอ (หรือว่าแรงจนเราเบลอ) รำคาญมือรำคาญเฝือก แต่นอกเหนือจากนั้นก็ nothing too serious ไม่บาดเจ็บสาหัสอะไรเท่าไหร่ ข้อมือข้างนี้เคยหักมาก่อนจากเล่นสกีนานแล้ว ตอนนั้นอายุสิบสามเอง 

ขณะที่ไม่มีใครในครอบครัวเพย์ตั้นประหลาดใจเท่าไหร่กับเรื่องนี้ (-____-) ทุกๆ คนกลับกังวลมากค่ะ เพราะอยู่คนเดียว จะทำอะไรก็ไม่สะดวก คุณพ่อคุณแม่งานยุ่งมากก็เลยมาหาเพย์ตั้นไม่ได้ตอนนี้ แต่ทั้งสองจะมาทันทีที่เคลียร์งานเสร็จ คุณยายบอกว่าจะมาหาเดี๋ยวนี้ แต่ก็ต้องหาตั๋วเครื่องบินก่อน แต่ก็จะมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่น่าจะเกินวันศุกร์ คุณปู่คุณย่าคงจะตามมาด้วยเหมือนกันแต่แกรมพ์กำลังยุ่งกับธุระเรื่องงานก็เลยคงอาจจะตามมาทีหลังคุณย่า แนนนาคงกำลังไป Heathrow ระหว่างที่เพย์ตั้นพิมพ์ entry นี้ เพราะตอนคุยกันเมื่อตอนเย็น คุณย่าจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว

หยั่งกับ family reunion 

ปกติเพย์ตั้นก็เถียงสุดกำลังแต่เหนื่อยและขี้เกียจเกินกว่า แถมอีกอย่าง จะทำกับข้าวก็ยาก จะขับรถก็ลำบาก อย่างที่บอก Nothing too serious.  555 แต่พอวางสาย (เมื่อเช้าอาทิตย์) ก็อดหวังไม่ได้ว่าอีกสักพักพวกเขาก็จะ calm down แล้วเห็นว่าไม่น่าจะยกโขยงมากันหมดแบบนี้ ฮ่าๆ แต่ล่าสุดที่เช็ก (วันนี้) ก็แพลนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง -"-

มีเพื่อนถ่ายรูปไว้ได้ แนบมาให้ดูบ้างด้านล่าง คล้ายว่าจะเอามาประจานตัวเองยังไงชอบกลแฮะ สองรูปแรกจอชทำเพย์ตั้นร่วงแล้วก็พยายามจะอุ้มขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่เพย์ตั้นพยายามจะไม่โดนบรรดาลูกโป่งพันคอตายไปเสียก่อน ส่วนรูปที่สามและสี่ก็คือ The deadly drop and fall ลำพังร่วงลงมาคงแค่ข้อมือ sprain เจ็บมากแต่ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอมีจอชล้มลงมาใส่แบบเต็มแรงน่ะสิแย่ น้ำหนักนายนั่นคงคูณสองของเพย์ตั้นได้เลย ก็เลยไม่แปลกที่จะจบลงที่ห้องฉุกเฉิน



แต่ตอนเกิดเหตุจริงๆ ก็ใช้เวลาพอสมควรกว่าเพย์ตั้นและคนอื่นๆ จะรู้ว่ามันซีเรียสขนาดไหน เอาน้ำแข็งมาประคบก็ไม่ช่วยให้มันหายบวมเลยจนคิดว่าไม่ได้การ ไปโรงพยาบาลดีกว่า เพื่อนที่เรียนแพทย์ดูก็บอกว่าอาจจะหักแน่ๆ 

เฮ้อ ห้องฉุกเฉินเกือบทั้งคืน. Fun. Soooo much fun.  

พอเจมส์ได้ข่าว ก็โทรศัพท์มาเลย (Thank you, Facebook.) เขาไม่ได้หัวเราะหรือล้อเพย์ตั้น ซึ่งทำให้เพย์ตั้นแปลกใจนิดนึง นิดนึงจริงๆ นะ 

สิ่งแรกที่เจมส์ทำคือขอ confirmation ว่าจอชเมามากใช่ไหม อันนี้เพย์ตั้นรู้ว่าเขามีคำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ตอบไปตามความจริง เพราะไม่อยากทะเลาะกัน ที่ลังเลก็เพราะว่าถึงเพย์ตั้นจะไม่ได้โกรธจอชเลย แต่คนอื่นๆ ไม่ได้มองเขาในแง่ดีเท่าไหร่คะ โดยเฉพาะเจมส์

คือเจมส์ เอ่อ How do I put it? จะอธิบายยังไงดี ค่อนข้าง critical กับจอชพอสมควร ก็ไม่ใช่ว่าเกลียดกันนะคะ แต่เจมส์ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจทำอะไรส่วนใหญ่ของจอช (ประมาณ 99.99% ได้ ฮาาา)  ซึ่งมีประวัติไม่สวยหรูเท่าไรนักกับเรื่องประเภทนี้ คือเพย์ตั้นหมายถึงเรื่องแอลกอฮอล์น่ะค่ะ พอเมาทีไรแล้ว คำว่า violence และ stupidity มักจะเข้ามาอยู่ในตัวจอชเลยทันที

Serious incidents เคยเกิดขึ้นที่เพย์ตั้นจะไม่กล่าวถึงตรงนี้ แต่เข้าใจว่าทำไมเจมส์ถึงได้มีปฏิกิริยา less than impressed แบบนี้  พอ log-in Facebook เลยพบว่าบน wall ของจอช มีข้อความส่งตรงจาก West Vancouver ว่า 

“What the fuck, L….n ?”  (ขอเซ็นเซอร์ชื่อนิดนึง)

Damn… 

Nothing too serious? เพย์ตั้นก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วสิ หุหุ

แต่จอชเอาดอกไม้กับช็อกโกแลตมาให้เพย์ตั้นเมื่อวันอาทิตย์เพื่อเป็นการขอโทษ เขาดูเครียดเอาการ ก็เลยล้อเป็นการปลอบใจไปว่า ดูเหมือนว่าถ้าสาวๆ สมัยนี้อยากจะได้ดอกไม้กับช็อคโกแลตต้องเจ็บตัวก่อนนะ หุหุ แต่จอชไม่ขำกับเพย์ตั้นด้วย คงโดนเพื่อนๆ บ่นมาเยอะ และเขาก็สารภาพว่าเครียดจนนอนไม่หลับ ทำเอาเพย์ตั้นรู้สึกผิดไปเลย (มันน่าไหม !)  ณ ตอนนี้เจมส์ก็ยังฟาดหัวฟาดหางเรื่องนี้อยู่ค่ะ  ดีนะอยู่ไกล ไม่งั้นจอชเอ๋ย นายแย่แน่ๆ เพราะแค่นี้พรรคพวกของเจมส์ก็ crack knuckles ใส่แล้ว น่าขำและน่าสงสารมากๆ ที่ผู้ชายตัวโตๆ คนนี้จะหงอยไปเลย >.<






 

Create Date : 09 เมษายน 2556    
Last Update : 9 เมษายน 2556 20:19:54 น.
Counter : 1047 Pageviews.  

The Tourists



โพสต์หลังกลับจากไปเที่ยวกับเจมส์ขี้เกียจแปลในหัว เพราะไม่มีเวลานั่งหน้าคอมนานๆ เลยพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็รู้สึกผิดเพราะสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะพิมพ์เป็นภาษาไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แอบโกงเพราะนี่ลอกมาจากอีเมลที่ส่งถึงคุณน้าเมื่อปลายเดือนมกราคมเสียเยอะ หุหุ แถมคุณน้ายังทักมาอีกว่า เดี๋ยวนี้ภาษาเขียนเริ่มแปลกๆ แข็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน อาจจะเป็นเพราะหยุดอ่านหนังสือนิยายภาษาไทยมานานพอสมควร สกิลภาษาไทยเลยเริ่มลดลง เมื่อช่วงประมาณปี 2010-2011 อ่านเยอะมากจริงๆ แต่พอเข้าปี 2012 ก็ลดลงตามระดับเนื่องจากงานที่รุมเร้า ย้อนกลับไปอ่านบล็อกเก่าๆ ยังงงเลยว่าตัวเองพิมพ์รีวิวนิยายออกมาได้ยังไง แต่ก็ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะเขียนออกมาได้ งานหินเลยนะนั่น 

เข้าเรื่องดีกว่า… ขอย้อนเวลาไปถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้วค่ะ หลังจากที่ทำเอาเพย์ตั้นเศร้าจนใจหาย เจมส์ก็บินมาถึงอังกฤษหลังคริสต์มาสไม่กี่วัน ตอนแรกว่าจะขับรถมาจากสนามบินแต่ก็ยกเลิกแผน พอดีคำนวณแล้วว่าเหนื่อยเกินกว่าที่ขับรถมาถึง Alderley Edge ก็เลยเอาสัมภาระทิ้งไว้ที่ลอนดอน แล้วเขาก็นั่งรถไฟมาแทนพร้อมกับ overnight bag  

เรื่องเที่ยวช่วงปลายธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม เป็นอะไรที่ last minute มาก เป็นครั้งแรกในชีวิตเพย์ตั้นเลยที่ลงมือแพลนเรื่องเดินทางแบบวินาทีสุดท้ายเช่นนี้ เพราะปกติช้าสุดก็คือหนึ่งเดือนก่อนการเดินทาง ก็เร่งรีบจองตั๋วกันนาทีสุดท้ายเลยค่ะ Ironic มากๆ เพราะใช้เว็บ Lastminute ฮาาา จองเช้าวันนี้ บินค่ำวันมะรืนนี้จริงๆ เพย์ตั้นเห็นแล้วปวดหัวเลยยกให้เป็นหน้าที่เจมส์จัดการ ในเมื่อเขากระตือรือร้นอยากเที่ยวนัก ฮ่าๆ เพย์ตั้นก็เลยนั่งจิบชา ออกความเห็นเป็นระยะๆ แต่ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะเรา เอ่อ เขาเลือกเมืองที่เคยไปกันมาแล้วทั้งนั้น ที่พักและอื่นๆ เลยคุ้นเคยเป็นอย่างดี ถือว่าเป็น leisurely holiday มากกว่า on-the-go ค่ะ ตั้งใจจะไปผ่อนคลายจริงๆ 

เริ่มต้นกันจากลอนดอนไปปารีส ไปเบอร์ลิน ไปบาร์เซโลน่า แล้วก็กลับมาฝรั่งเศสอีกครั้ง โดยมีเพื่อนๆ และคนรู้จักมาสมทบบ้างเป็นบางครั้ง หรือแวะไปเจอเพื่อนๆ ที่อยู่แถวนั้นพอดีบ้าง อะไรประมาณนั้นค่ะ อันที่จริงเจมส์เกือบจะลากเพย์ตั้นไปโมรอคโกแล้วด้วยซ้ำ เพย์ตั้นก็เกือบบ้าบิ่นตอบตกลงเหมือนกัน คิดอยู่อย่างเดียวว่าอยากได้ชุดชา (tea set ?) จากโมรอคโก แต่โชคดีว่าเขายังมีสติหน่อย เลยคิดว่าเอาไว้แพลนให้ดีกว่านี้ เอาไว้สำหรับทริปอื่น เพราะยังไม่เคยไปกันทั้งคู่ อย่าเสี่ยงเลย และที่สำคัญคนที่เคยไปกันก็แนะนำว่าต้องแพลนดีๆ และควรจะไปกันหลายๆ คน เพื่อความสนุกและความปลอดภัย

แต่เจมส์ damn him ก็สามารถพาเพย์ตั้นไปนั่งรถบัสข้ามคืนจนได้ ข้ามประเทศจากบาร์เซโลน่าเข้าไปยัง Lyon บนรถบัส …บนรถบัส! รถ Eurolines ประมาณ 9 ชั่วโมง ที่ว่าจะ surprise ก็จริงๆ ล่ะค่ะ เพราะเหมือนการนั่งเครื่องจากลอนดอนไปถึงดูไบเลยนะ เวลามากมายขนาดนี้ อดนึกถึงแฮร์รี่ไม่ได้ นายคนนั้นคงช็อกตายตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวขึ้นรถ อ่อ ไม่สิ ตั้งแต่คนรถโยนกระเป๋าเดินทางเข้าใต้รถดังโครม ขนาดเพย์ตั้นยังแทบแย่เลย สงสารกระเป๋า เหอะ ๆ คนขับรถถามมองหน้าปุ๊บก็ถามเลยว่าเคยขึ้นหรือเปล่า รถบัสข้ามประเทศ ตอบได้ทันทีว่าไม่เคยค่ะ ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย หรืออย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่รถข้ามคืนล่ะ

รถบัสเต็มไปด้วยพวกยิปซี พวกเขาส่งเสียงดังกันตลอดคืน ไม่มีมารยาทเอาซะเลย เพย์ตั้นงี้นอนไม่ได้ทั้งๆ ที่เหนื่อยและเพลียมาก ปวดหลังปวดคอสุดๆ อยากจะฆาตกรรมคนต้นคิดเหลือเกิน มีอยู่ช่วง ยิปซีคนนึงลุกขึ้นคร่อมที่นั่งของเพย์ตั้นกับเจมส์ ยื่นหน้าข้ามหัวพวกเรามาแล้วถามด้วยน้ำเสียงกวนโมโหว่า เธอสองคนมาฮันนีมูนที่บาร์เซโลน่ากันเหรอ เพย์ตั้นจำได้ว่าหันไปมองเจมส์ด้วยสายตาที่บอกว่า นี่เป็นความผิดทั้งหมดของนาย แล้วก็สะบัดหน้าหนีเขา แหะๆ อารมณ์ไม่ดีเลยค่ะ เจมส์ก็เลยตอบกลับไปเสียงเย็นๆ ว่า “Oh didn’t I tell you what we’re here for? Perhaps that’s because it’s none of your business.” 

เพย์ตั้นล่ะสะดุ้งเลย อยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก กลัวมีเรื่อง ได้แต่หันไปมองเจมส์อย่างตะลึงๆ แต่เขากลับไม่ดูเดือดร้อนอะไรเลย แถมยังคุยต่อกันกับพวกนั้นอีกสักพักใหญ่ในภาษาสเปน เอ่อ…wow แต่เพย์ตั้นงี้ล่ะหมั่นไส้ นึกถึงตอนคนขับรถเอากระเป๋าเดินทางโยนใส่รถดังโครมแล้วก็ฉุน อยากจะกลายร่างเป็น Sweeney Todd เลยเชียว เจมส์หัวเราะใหญ่ บอกว่าน่าจะเอากระเป๋าเดินทางใบอื่นมา ก็เลยสวนกลับไปว่า นี่เป็นใบที่ เขาเรียกว่ายังไงล่ะค่ะ ทนที่สุดของเพย์ตั้นแล้วนะ แถมใครจะไปรู้ว่าเซอร์ไพรส์ของนายจะเป็นการลากไอขึ้น Eurolines ข้ามประเทศแบบนี้ 
ก็เงียบไปเลยทีเดียว ฮ่าๆ แต่ทางบ้านเพย์ตั้นขำใหญ่ แสดงความยินดีกับเจมส์กันเป็นแถว ที่สามารถลากเพย์ตั้นขึ้นรถบัสข้ามประเทศได้ คงต้องจดบันทึกวันและเวลาไว้เลย … เยี่ยมมาก

พอไปถึงโรงแรมที่ Lyon แล้วก็สบายหน่อย ได้อาบน้ำร้อนๆ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ stretch โชคดีที่เจมส์ติดต่อกับทางโรงแรมล่วงหน้าว่าเราจะไปถึงเช้า ขอเช็กอินก่อนเวลา ไม่งั้นต้องเตร่ข้างนอกพร้อมสัมภาระจนถึงบ่ายสาม แถมเป็นอย่างนั้นแล้วเพย์ตั้นมีสิทธิ์หนีกลับลอนดอนชัวร์ ฮ่าๆ เหมือนเขาจะรู้ว่าเพย์ตั้นอาจจะองค์ลงเลยล่ะ แต่พอเช็กอินแล้วว่าจะนอน เพย์ตั้นกลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น เพราะนายคนข้างๆ นอนกรนเหมือน industrial saw สงสัยจะเหนื่อยจัด (ได้ข่าวว่าเหนื่อยทั้งคู่นะ เฮ้อ) เลยหนีไปนั่งดูวิวเมืองเก่าที่ร้านอาหารของโรงแรมแทน ดูไปก็เคืองคนที่กำลังนอนหลับสบายไป แถมมีการตื่นมาบ่นว่าเราทำให้เขาตกใจที่ตื่นมาแล้วไม่เจอ

Sigh. 

นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรมากมายค่ะ เที่ยวพักผ่อนกันต่อไป พอเข้าปารีสอีกครั้ง เพย์ตั้นก็ลากเจมส์ขึ้นหอคอยที่ Notre Dame ได้อีกหน จนเขาบ่นว่าจะขึ้นทุกครั้งที่มาเชียวหรือ ปากบ่นแต่ก็ยอมขึ้นมาด้วยกันทุกครั้งล่ะนะนาย อิอิ ก็ตามรูปข้างบน สวยจะตาย ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ สวยพอกันกับบรรยากาศแถว Pont Alexandre III ตอนกลางคืนเลย แต่เพย์ตั้นดันเอา iPod ไปตกน้ำพุที่หน้า Hotel de Ville ตอนที่จะเดินไปอพาร์ตเมนท์ของเพื่อน มันน่าไหมล่ะ ครั้งเดียวที่ไม่ได้ทำประกันท่องเที่ยว ของเสียเลย ยังโชคดีว่าพอมีเพลงในโทรศัพท์อยู่บ้าง 

อ้อ เกือบลืม เป็นการนับถอยหลังปีใหม่อีกปีที่เร้าใจของเพย์ตั้นเลยค่ะ เพราะเบอร์ลินทำพิษ 
จริงๆ นะ เล่นเอาเสียอาเจียนไม่หยุดข้ามปีเลยทีเดียว ถือเป็นการ Welcome 2013 ที่ unique จริงๆ เนอะ คนลูบหลังทั้งสงสารทั้งเอือมระอา บอกว่าไม่มีทางมาเบอร์ลินกับเพย์ตั้นอีกแล้ว สงสัยโดนคำสาป เพราะเพย์ตั้นไปเบอร์ลินทีไร ต้องป่วยทุกที ใครๆ ก็บอกว่าอย่าไปอีกเลยเบอร์ลินเนี่ย ไปทีไรได้ข่าวว่าแทบไม่รอด นั่นสินะ
ไม่รู้ว่าไปทานอะไรมาเหมือนกัน แต่เรื่องอาหารเป็นพิษนี่ไม่อะไรค่ะ มันแย่และน่าเสียดายตรงที่ว่าโรงแรมที่เบอร์ลินเป็นโรงแรมที่เจมส์ตั้งใจจองสำหรับการ countdown โดยเฉพาะ หุหุ 
เขาก็เลยงอนเพย์ตั้นนิดหน่อย เพราะห้อง Suite นั้นเรา เอ่อ เพย์ตั้นใช้แบบคุ้มค่าที่สุด ก็แค่ห้องน้ำ ฮ่าๆ พลุไม่ได้เห็น นาฬิกาไม่ได้ดู เห็นแค่กระเบื้องบนพื้นห้องน้ำและโถชักโครก ได้ยินเสียงนับถอยหลังผ่านจอทีวีก็เท่านั้น เศร้าจริงๆ

แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วก็สนุกมากค่ะ เป็นอีกหนึ่งฮอลิเดย์ที่มีรสชาติมาก ที่สำคัญเลยคือว่าเพย์ตั้นมีโอกาสไปเจอเพื่อนสมัยไฮสกูลที่ไม่ได้เจอจริงๆ จังๆ เลยตั้งแต่เรียนจบ ตอนไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนเจมส์ที่ Neuilly-sur-Seine ถือว่าโลกเล็กจริงๆ เลย แล้วพอเจมส์อยากไปฉลองต่อกับหนุ่มๆ เพื่อนๆ เขา เพย์ตั้นก็เลยไปค้างกับเพื่อนตัวเองเสียเลยที่บ้านเธอใน Marnes-la-Coquette  ก็ได้ catch up กันอย่างหนำใจเลยทีเดียว วันต่อมาเจมส์กับเพื่อนๆ ก็มารวมกลุ่มกับเราอีก เลยสนุกเข้าไปใหญ่ 
แต่อะไรก็คงไม่น่าจดจำเท่าเจมส์โดนจีบในบาร์เกย์แห่งหนึ่ง เขาเกือบจะไม่ให้อภัยเพย์ตั้นด้วยซ้ำ คิดแล้วก็ขำ คงต้องเอาไว้เล่าวันหลังแล้วล่ะ 

แต่ตอนเย็นวันกลับ ที่สนามบิน Charles de Gaulle เจมส์เช็กโทรศัพท์แล้วจู่ๆ ก็หันมาประกาศกับเพย์ตั้นว่า ไม่กลับอังกฤษแล้วไปสวิตเซอร์แลนด์แทนดีกว่า
อ่า… 
เพย์ตั้นชะงักไปเลย หน้าตาเขาซีเรียสจริงจังด้วย ไม่ใช่คำถามอีก เขาต้องการไป St. Moritz หรือถามที่พี่ท่านเรียก “Sankt Moritz” เพราะเพื่อนๆ ของเขา (ที่บ้าพอๆ กัน) กลุ่มนักสกี นักสโนว์บอร์ดทั้งหลายที่ท้ากันไปเมื่อปีที่แล้วน่ะค่ะ ก็กำลังอยู่ที่นั่น แถมไม่รอช้าค่ะ หันไปถามมาดามที่เคานท์เตอร์ด้วยภาษาฝรั่งเศส แบบ perfect French เลย คือตั้งใจอ้อนกันสุดๆ ว่ามีตั๋วชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่งของสายการบินอะไรก็ได้ ที่จะไป Zurich หรือ Geneva หลงเหลืออยู่ไหม 
โชคดีของเจมส์แต่โชคร้ายของเพย์ตั้น หล่อนมีค่ะ มีเหลืออยู่พอประมาณเลยด้วย
เพย์ตั้นรีบท้วงทันทีว่าปีที่แล้วก็ไปมาไม่ใช่หรือไง ตอบกลับมาหน้าระรื่นอีกนะว่า "Exactly! It was amazing."
เพย์ตั้นว่า ณ จุดนั้นวิญญาณออกจากร่างเพย์ตั้นไปละ
คือไม่ใช่อะไรค่ะ แต่เพย์ตั้นอยากขึ้นเครื่องบินกลับลอนดอน อยากไปนอนบนเตียง อยากใช้ชีวิตไกลๆ จากกระเป๋าเดินทางสักระยะ  เบื่อเสื้อผ้าในกระเป๋าเต็มทน แต่ที่สำคัญคือ เรามีคอนเสิร์ต Passenger วันพฤหัสฯ ที่ 17 มกราคม ที่ Manchester แล้วเป็นตายร้ายดียังไงเพย์ตั้นก็จะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด ส่วนค่ำวันศุกร์นั้นเพย์ตั้นกับครอบครัวจะไปดู La Boheme ที่ Covent Garden กันอีก คุณย่าคงฆ่าเพย์ตั้นแน่ ถ้าพลาด 
ก็เลยไม่ยอมไปกับเจมส์ค่ะ ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ บอกเขาว่าอยากไปก็ไป ไม่ได้ประชดด้วยนะ คือชิลๆ เลย เพย์ตั้นกลับไปลอนดอนก่อนคนเดียวได้ สบายมาก เรื่องตั๋วคอนเสิร์ตก็ไม่มีปัญหา มีอีกหลายคนจ้องจะตะครุบบัตรของเจมส์อยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ยอม บอกว่าไม่มีทางเด็ดขาด ฮ่าๆ พอดียังมีสติ คิดได้ว่าเที่ยวมามากแล้วก็เลยกลับลอนดอน แทนที่จะไปสวิตเซอร์แลนด์ เอ่อ อันที่จริงเป็นเพราะเพย์ตั้นเตือนเขาไปว่า ก่อนแวะมาหาเพย์ตั้น เขาก็ไปสโนว์บอรด์ ไปสกีที่ Colorado มาสามอาทิตย์เต็มแล้วนะ แต่ก็มิวายเอาโรงแรม Carlton มาล่อเพย์ตั้นอีกแน่ะ ไอ้เราก็ลืมตัว perked up มานิดนึง ก่อนจะนึกได้ เกือบเสียเรื่องแล้วไหมล่ะ ฮ่าๆ
เจมส์ก็ต้องยอมเลยโบกมือลาความฝันว่าจะไปเซนต์ มอริตซ์แล้วนั่งเครื่องบินกลับลอนดอนพร้อมเพย์ตั้นตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก  น่ารักจริงๆ ฮาาาาา


วันที่ไปส่งเจมส์ที่ฮีทโรว์เป็นวันอาทิตย์ แปลกมาก ไม่เคยแยกกันที่สนามบินแล้วเป็นเหมือนคราวนี้ ไม่ได้ร้องไห้นะคะ แต่ก็ไม่ได้ยิ้มแย้มดีใจอะไร  อาจเป็นเพราะปกติเจมส์มักอารมณ์ดี รื่นเริงเสมอที่สนามบิน เพย์ตั้นก็เลยสบายใจไปด้วย แต่คราวนี้เขาซึมมาก เพย์ตั้นก็ใจไม่ดีอยู่แล้ว เลยเกือบหลุดร้องไห้ไปหลายครั้งอยู่เหมือนกัน โชคดีว่ามีแค่เขากับเพย์ตั้นที่มาสนามบิน ถึงจะเศร้าแต่ก็ยังแกล้งบอกอีกว่า “If the damn ticket didn’t cost me 5 grand, I would say screw the damn flight” ไม่กลับมันแล้ว เพย์ตั้นก็อดล้อไม่ได้ว่า เสียดายเงินหรือกลัวที่ทำงานไล่ออกคะ เพราะลาหยุดเสียยาว แถมได้ข่าวว่า weekend หน้าจะแวะไปสโนว์บอร์ดที่ Whistler ไม่ใช่หรือ เขาก็เลยยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา






 

Create Date : 06 มีนาคม 2556    
Last Update : 28 มิถุนายน 2556 20:13:41 น.
Counter : 613 Pageviews.  

Bye bye Iphone :(

ลาก่อนนะ iPhone 5 ....


ถึงโรงแรมไม่ทันไร ก็หนีกันไปเสียละ ฮือ! ใช้มายังไม่ถึง 6 เดือนเลยนะะะะ อยู่ในกระเป๋า blazer ดีๆ ลงไปอยู่ในน้ำได้ยังไงกัน SmileySmileySmiley

แด๊ดไม่ว่าอะไรสักคำ เอาแต่หัวเราะ แล้วบอกว่า "Wait until everyone hears about this"

โห ... พร้อมแฉ ! Smiley

แล้วดูนี่ อืม ทำไมเหมือนว่าไม่มีใครเห็นใจเราเลยยยยยย Smiley

พากันล้อเลียน >_<  








 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 6 มีนาคม 2556 9:29:28 น.
Counter : 701 Pageviews.  

A Date with Daddy: เดตที่ดี ต้องเดตกับแด๊ด

A Date with Daddy!


คุณพ่อมาถึงเมื่อคืนวันอังคาร แล้วก็จะใช้ที่เหลือของอาทิตย์นี้จนถึงวีคเอนด์กับเพย์ตั้นในลอนดอน คุณปู่คุณย่าไปเวลส์ แต่เดี๋ยววันมะรืนก็กลับ เราไปเดินเล่นกันหลังอาหารเช้า (Honestly, I admire the man’s ability to remain undeterred by the constantly changing time zones เพย์ตั้นบอกบ่อยๆ ว่าเหมือนแด๊ดจะไม่เคยมีอาการ jet lag เลยนะ เขาก็ได้แค่หัวเราะ ภูมิใจในตัวเองมากๆ)

แต่ไปๆ มาๆเราสองคนก็นั่ง tube ไป Covent Garden กันเสียอย่างนั้น เพราะอยากทานกาแฟจาก Monmouth ตอนแรกแด๊ดชวนเพย์ตั้นเดินไปด้วยซ้ำนะนั่น Smiley

ตลกละ Smiley

แล้วก็ conveniently พบว่าเรามาถึงที่ Tate Modern เหตุเป็นเพราะคุณพ่อ just can’t resist modern art 

But it was wonderful. Really. Smiley

คือคุณพ่อกับเพย์ตั้นไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกันเท่าไหร่ค่ะ เพราะท่านทำงานเยอะมาก เดินทางบ่อย ปีๆ นึง อยู่ด้วยกันรวมแล้วอย่างเก่งก็แค่เดือนเดียว Smiley


จำได้ว่าแม่บ้านคนนึงของเราเคยบอกว่า คุณพ่อกับเพย์ตั้นเหมือนกันหลายๆอย่าง อันนี้ใครๆ ก็รู้นะ แต่ที่เด่นที่สุดสำหรับเธอคงเป็นเรื่องที่เราสองคน ‘ parallel read’ ซึ่งความหมายของเธอคือว่า เราสองคนชอบอ่านหนังสือพร้อมๆ กันหลายเล่ม ซึ่งคนอื่นๆ ในครอบครัวไม่ค่อยทำกันค่ะ อย่างคุณแม่ นี่ไม่ได้เลย เธอไม่ชอบการอ่านหนังสือไม่จบ ต้องอ่านจบทีละเล่มด้วย ขณะที่แด๊ดกับเพย์ตั้นนั้น ในห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องหนังสือ ในรถ ในกระเป๋า มีหนังสือหมดค่ะ ทุกซอกทุกมุมเลยก็ว่าได้ 555 

แด๊ดบอกว่าเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง The Devil in the White City by Erik Larson จบ คือยืมมาจาก PA อีกที ฮ่าๆ เพราะตัวเองไม่ค่อยมีเวลาไปหาซื้อหนังสือเท่าไหร่ เราก็เลยคุยกันเรื่องหนังสือเล่มนี้ จากร้านกาแฟไปจนถึงTate เชียว ตอนนี้ exhibition ของ Ian Hamilton Finlay ซึ่งที่บ้านเคยพูดถึงมาสักพักแล้วเหมือนกันค่ะ ส่วนตัวแล้วเพย์ตั้นไม่ได้ชื่นชอบ Tate Modern มากนัก มันเป็น hit and miss สำหรับเพย์ตั้น แล้วโดยเฉพาะเลยเนี่ย contemporary art ไม่ใช่ cup of tea ของเพย์ตั้นเท่าไหร่ ศิลปะสไตล์นี้น้อยมากที่เพย์ตั้นจะชอบ เมื่อเทียบกับประเภทอื่น

แต่น่าเบื่อจริง เวลามี exhibition ที่สนใจอยากไปดูกลับไม่ได้ไป อย่าง Lichtenstein: A Retrospective ของ Roy Lichtenstein ที่จะเอามาแสดงตอนเพย์ตั้นกลับแล้วสะงั้น

Smiley

 Oh, well.

ทีนี้คุณพ่อกับเพย์ตั้นก็คุยกันเรื่องผลงานของ Finlay ค่ะ เรียกว่าถกเถียงกันจะเหมาะกว่านะ ฮ่าๆ คือเถียงตั้งแต่เรื่องนี้ไปจนถึงเรื่อง modern and contemporary art แล้วก็ไปลงเอยที่เรื่องเก่าซึ่งเอามาถกใหม่ (ฮ่าๆ) อย่าง ‘Should Graffiti be condoned or condemned?’

สำหรับเพย์ตั้นหรือ บอกได้แค่คำเดียวค่ะ ว่า Banksy

ล้อเล่น ประเด็นนี้นั้นพูดได้มากกว่าหนึ่งคำแน่นอน ฮ่าๆ คิดดูแล้วกัน ขนาดเคยถกกันเรื่องนี้มาก่อน แต่เดินไปถึง Laughing Gravy แล้วยังไม่จบเลย

วันนี้เพย์ตั้นสั่ง Cep hash with Jerusalem artichoke แต่เหมือนเดิมค่ะ กิน white truffle celeriac puree จากจาน Wellington ของคุณพ่อ แด๊ดก็ไม่ว่าอะไรสักคำ ชินแล้วล่ะ ลูกสาวทำแบบนี้ตลอด

Typical me. Hahahaha.

นี่เพย์ตั้นเผลอพูด vitamin เป็น ไวตามิน แทน วิตามิน คุณพ่อหัวเราะใหญ่ -___- ไม่เห็นมันจะตลกอะไรนักหนา แต่ถ้าคุณปู่อยู่ด้วยคงล้อเพย์ตั้นมากกว่านี้อีกแน่นอน 

เพย์ตั้นยกให้เป็นความผิดเจมส์ทั้งหมดเลยนะเรื่องนี้เพราะนายคนนั้นและทุกๆ คนรอบตัวเขา(และเพย์ตั้น -*-) พูดว่า VAI-ta-mins ไม่ใช่ VIT-amins กัน

 เรื่อง Helmut Vs. Helmet พวกเขายังไม่เลิกล้อเพย์ตั้นกันเลย



…แล้วก็เพราะเพย์ตั้นจะไปดูไบกับคุณพ่อ แทนที่จะแค่ transit เหมือนปกติ ก็เลยต้องเปลี่ยน itinerary ใหม่เพราะเพย์ตั้นว่าจะแวะไปหาเจมส์ที่ Vancouver สักหน่อย อูย อ้อมโลกเลยนะนั่น

Yeah…I am beginning to think that I’ve become one of those people who drops everything to go see their boyfriend.

ก็กว่าจะเจอกันอีกทีก็ช่วงเพย์ตั้นปิดเรียนนู่นแน่ะ

เอได้ข่าวว่าเคยพูดไว้ ว่าไม่เจอกันบ่อย ก็ไม่เป็นไรนะ เพราะชินนี่ ชิลๆ ไม่ใช่หรือ ฮ่าๆ ถอนคำพูดหรือเปล่าเพย์ตั้น (คุยกับตัวเองได้อีกนะ)

เพย์ตั้นก็เลยลองนั่งพยายามเปลี่ยนตั๋วเดินทางใหม่ค่ะ แต่ไม่ถึงห้านาทีก็โบกธงขาวแล้ว Smiley แด๊ดคงสัมผัสความเครียดของเพย์ตั้นผ่านธาตุอากาศมั้งคะ เพราะเขาเงยหน้าจากหนังสือ  ถอดแว่นสายตามอง แล้วเลิกคิ้วเป็นคำถามใส่  คือเพย์ตั้นกำลังไม่เข้าใจ ว่าทำไมเว็บมันเสนอให้เพย์ตั้นขึ้นสายการบินที่ random มากๆ แล้วจะพาเพย์ตั้นไปทำอะไรแถวตุรกี Smiley

งงมากๆ 

พอคุณพ่อลุกมาดูข้ามไหล่เพย์ตั้น ก็หัวเราะก๊ากเลย เพราะเอ่อ ข้าพเจ้าไปเลือก Van, Turkey แทนที่จะเลือกไฟล์ทไป Vancouver, BC

Smiley

เพย์ตั้นลาตายตรงนั้นเลยค่ะ เอิ้กกก ทำไปได้

เพย์ตั้นดูตัวเลือกแล้วก็บอกแด๊ด ว่าสำหรับ leg สุดท้ายจากแคนาดาเนี่ย ถึง China Southern (I think?) จะถูกที่สุดที่ประมาณรวมแล้ว เจ็ดพันปอนด์ แต่เพย์ตั้นไม่เอาล่ะ ขอเป็น Japan Airlines ได้ไหม ถึงมันจะต้องจ่ายเพิ่มอีกเกือบๆ สามพัน อย่างน้อยก็เคยขึ้น ยังเชื่อมั่นใน service แด๊ดก็งง ว่าทำไมไม่เอา Air Canada เสียเลย

Oh... ok. If you say so.

ปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคุณพ่อไม่เห็นด้วยกับตั๋วที่เว็บที่ใช้ขาย โดยเฉพาะกับ British Airways เลยสั่งให้เพย์ตั้นเข้าไปซื้อโดยตรงจากเว็บ Emirates เสียเลย เพย์ตั้นอิดออดเหมือนกันค่ะ ลังเล ไม่อยากทำ เพราะมันน่าจะแพงกว่าเล็กน้อย (มั้ง ไม่แน่ใจ) คุณพ่อก็เลยกลอกตาใส่แล้วชี้ไปที่ตัวเอง บอกว่า “คนจ่ายเงินนั่งอยู่นี่”

True. Smiley

แต่ท้ายสุดคนที่เลือกไฟล์ทอะไรก็เป็นคุณพ่อนั่งคุมจอคอมพิวเตอร์เลย กดเอาๆ

เออเห็นแว๊บๆ ว่าขากลับไปเปลี่ยนเครื่องที่ San Fran.

Ok, awesome.

แล้วรอเปลี่ยนเครื่องเที่ยวสุดท้ายที่ดูไบ 15 ชั่วโมง

Cool.

เดี๋ยวนะ…WHAT?!

แทบกรี๊ดอะไรมันจะนานขนาดนั้น  Smiley

คุณพ่อชำเลืองมองนิ่งๆเลย พูดเสียงเข้มอีก “จะไปหรือไม่ไป ถ้ายังอยากไปก็อย่าบ่น”

ดุจัง เงียบแทบไม่ทันเลย Smiley

แล้วหลังจากนั้นก็ Voila! เรามี itinerary ใหม่แล้วที่จะพาเพย์ตั้นไปดูไบกับแด๊ด  แล้ว(ย้อน)กลับไปหาเจมส์ที่แคนาดา ฮ่าๆ จากนั้นก็บินกลับไปทันมหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียน แด๊ดต้องเปลี่ยนเวลาบินไปดูไบด้วย เพราะ business เต็มหมดแล้ว เหลือแต่ first กับ economy ให้เพย์ตั้น ฮ่าๆ

ก็เลยให้แด๊ดเลือกว่าจะ upgrade หรือ downgrade Smiley

คำตอบคือ “My legs are too long for economy, and upgrading means I would have to upgrade you too.”

แป่ว Smiley  แต่อะไรนะ พาเพย์ตั้นไปนั่ง firstclass ด้วยเหรอ ก็โอเคเลยค่าาา แฮ่ๆ

“หรือไม่ เธอก็บินชั้นประหยัดไป”

เออ ไม่ทันคิดแฮะ  Smiley

“Can’t do that can we?” คุณพ่อหัวเราะ ล้อเลียนว่าสงสัยเพย์ตั้นจะอยู่กับแฮร์รี่มากเกินไป แต่จะไปยากอะไร เขาก็แค่เปลี่ยนมาบินไฟล์ทเพย์ตั้นแทน

Smiley

อื้ม แต้มไมล์คราวนี้สี่หมื่นกว่า เสียดายตอนไปตะลอนกับเจมส์เมื่อช่วงปีใหม่ไม่ได้บิน Emirates เลย เสียไมล์ฟรีไปเยอะ…บินคราวหน้าไม่ต้องซื้อตั๋วอีกแล้วฮ่าๆ หรือไม่ก็ซื้อตั๋วแต่ใช้ไมล์อัพเกรดไปชั้นหนึ่ง ฮ่าๆ





 

Create Date : 30 มกราคม 2556    
Last Update : 28 มิถุนายน 2556 20:15:03 น.
Counter : 745 Pageviews.  

1  2  

les-bisou
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add les-bisou's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.