----- ----- ----- -----
หลังจากนอนฟังเสียงฝนปรอยๆ สลับหนักนิดหน่อยเมื่อคืน เช้ามาก็มีคุณหมอกมาเยือนถึงหน้าเต็นท์เลย
ขอบคุณเต็นท์อุทยานที่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อคืนเรารูดซิปเปิดช่องหน้าต่างแง้มไว้นิดๆ ฝนไม่สาด ไม่มีน้ำรั่วซึมค่ะ
นอนกลิ้งๆ สักพัก สักหกโมงครึ่งแสงก็เริ่มมามากขึ้น เราก็เริ่มเดินทางไปยังทุ่ง 2 เพื่อไปเก็บภาพเจ้ากระเจียวกลางสายหมอกตามที่หมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อวานค่ะ
ชมธรรมชาติข้างทาง ท่ามกลางฝนที่ปรอยเบาๆ สลับหยุด ณ ช่วงเวลานี้ ขอสูดหายใจเข้าลึกๆ กักตุนอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างเต็มที่เลยค่ะ
ระหว่างทางไม่เจอใครเลย สงสัยจะยังหลับสบายกัน ^^ แล้วอีกอย่างนักท่องเที่ยว ที่ค้างด้านล่างอุทยานก็ยังไม่ได้ขึ้นมากันค่ะ
แต่พอถึงทุ่ง 2 ก็พบว่ามีคนหนึ่งไปถึงก่อนเราแล้วค่ะ
ตอนแรกเค้าก็ให้เราช่วยถ่ายรูปเค้ากับทุ่ง
แต่เค้าพอยื่นมือมารับกล้องคืนเท่านั้นแหละ...
เลือดค่ะ!! พอดีเค้าสะดุดหินเลยล้มไปเจอตะปูตำเข้าให้ อึ๊ยยยย
โชคดีเรามีทิชชูติดมาก็เลยให้เค้าเช็ดแผลและกดแผลระหว่างเดินกลับที่พักไป
มองดูตะปูที่เค้าโดน ดำสนิทสยองขวัญมากค่ะ
เลยอยากขอเตือนใจเพื่อนๆ ไว้สักนิดนะคะ ว่าต้องระวังให้ดี
แนวรั้วไม้ของที่นี่ค่อนข้างผุในบางจุดค่ะ
เตือนภัยเสร็จแล้วก็มาต่อกันที่รูปกระเจียวในสายหมอกเลยค่ะ
ฝนเมื่อคืนทำดอกกระเจียวช้ำและล้มไปพอสมควร คิดในใจว่าตัวเองโชคดีมากๆ เลยที่มาได้เหมาะเจาะเพราะฝนที่ตกไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทำให้กระเจียวเริ่มบานแล้วก็หยุดเว้นช่วงไปจนถึงเมื่อคืนที่มาตกอีกครั้ง
เมื่อวานเราเลยได้ชื่นชมยามที่กระเจียวบานเยอะและยังไม่ช้ำค่ะ
ฝนหยุดให้ชื่นชมถ่ายรูปอยู่ไม่ทันไร เจ้าฝนก็ตกลงมาใหม่อีกรอบ จากที่กะว่าจะรอถ่ายตอนสายอีกนิด ให้หมอกคล้อยต่ำๆ แสงจัดขึ้นอีกหน่อย กลายเป็นต้องรีบเก็บกล้องเข้ากระเป๋า แล้วเดินกลับที่พักกันค่ะ
(อยู่บนนี้ไม่ค่อยมีที่หลบพัก ควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนมาด้วยนะคะ)
พอสายหน่อย ก็ได้เวลาบอกลาที่พักสุดหรูของเราแล้วค่ะ
----- ------ ------ ------
เราลงจากบนจุดกางเต็นท์ผาพ่อเมืองโดนอาศัยติดรถครอบครัวหนึ่ง
(ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้ง ณ ที่นี้)
มาลงที่ป้อมยามท่าโป่ง ปากทางเข้าอุทยานค่ะ
นั่งรอที่ศาลาตรงนี้เพื่อรอรถบัสที่จะผ่านไปเข้าตัวเมืองชัยภูมิ
ซึ่งมีทั้งรถนครสวรรค์-ขอนแก่น ของ บ. ถาวรฟาร์ม และรถภักดีชุมพล-ชัยภูมิค่ะ
รถจะผ่านมาช่วงประมาณสิบโมงครึ่งคันหนึ่ง และอีกทีช่วงเที่ยงๆ ค่ะ
เราก็นั่งคุยกับลุงวินมอไซค์
(ได้ข้อมูลเพิ่มมาว่าจากป้อมตรงนี้จ้างมอไซค์ไปอุทยานเสีย 80 บาทค่ะ)
รอจนเกือบจะได้ขึ้นรถสิบโมงครึ่งแล้วเชียว
ก็มีผู้หวังดีมาบอกว่ามีรถตู้เข้ากรุงเทพฯ แค่เดินไปทางซ้าย... เลยโค้งไปไม่ไกล
เราก็เลยตัดสินใจเดินไปค่ะ
ไปถึงจะมีร้านขายของคล้ายๆ ซุปเปอร์ไม่เล็กไม่ใหญ่
ที่เห็นเสาน้ำตาลแดงในรูปอ่ะค่ะ
ผลปรากฏมีรถจริงๆ ค่ะ แต่รถออกไปแล้วเมื่อ 9 โมงเช้า
และจะออกอีกทีก็เที่ยวพิเศษตอน 5โมงเย็น
(สามารถลองโทรสอบถามและจองรถได้ที่เบอร์ 084-475-1770 นะคะ)
และตอนที่กำลังถามตอบกันอยู่นี่เอง...
รถบัสที่เรานั่งรอคอยจะไปชัยภูมิก็ผ่านเราไป แงะ!!
เราก็เลยมองหน้ากันกับเพื่อนร่วมทาง "เอาไงดี?"
คำตอบที่ได้คือ "กินไก่ก่อนค่อยว่ากัน"
ผลก็คือได้แวะทานข้าวเกือบเที่ยงที่ร้าน บัวสวรรค์ไก่ย่าง
(ตามป้ายถึงแล้วที่รูปด้านบนอ่ะค่ะ)
ตอนเดินผ่านก็เล็งๆ ไก่ในเตาไว้แล้วล่ะค่ะ
อาหารอร่อยเลยค่ะ ชอบๆ แม่ค้าก็ใจดี
สั่งไก่ย่างแต่อยากกินกะน้ำจิ้มแจ่ว ป้าก็ทำน้ำจิ้มเพิ่มมาให้
จากนั้นก็เดินกลับไปรอรถ ณ ป้อมยามจุดเดิม
แต่โชคดีที่รอไม่ถึงเที่ยง รถนครสวรรค์-ขอนแก่นก็มาพอดี
สภาพในรถเป็นปลากระป๋องตั้งแต่เรายังไม่ขึ้นเลยค่ะ
เราขึ้นไปอีกก็แน่นดีจริงๆ ตีตั๋ว 60 บาท แล้วก็ยืนกันไปค่ะ
ปลากระป๋องหวานเย็นใช้เวลาสักชั่วโมงครึ่งได้ค่ะ
กว่าจะพาเรามาถึงตัวเมืองชัยภูมิ
((แทรกข้อมูลอีกนิด ว่ารถสายที่เราขึ้นนี้จะแวะท่ารถหนองบัวระเหวที่เรามาวันแรกด้วยค่ะ และจะมีรถจากหนองบัวระเหว กลับกทม. ตอนประมาณบ่ายโมงใครสนใจอาจไปทางนี้ได้อีกทาง ลองโทรถามได้ที่ บ. ชัยภูมิทัวร์ 02-936-1977 ซึ่งอาจจะเร็วกว่าย้อนไปชัยภูมิหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจค่ะ แหะๆ))
กลับมาที่ สถานีขนส่งชัยภูมิ...
พวกเราไม่ได้จองรถเอาไว้รถเที่ยวเวลาใกล้ๆ เลยเต็มหมดเลยค่ะ
เพราะตอนแรกว่าจะหาทางไปเที่ยวป่าหินงาม แล้วกลับจากเทพสถิต
แต่ด้วยที่เค้าว่าไม่มีรถผ่าน นอกจากเหมาหรือโบกรถจากไทรทองไปเทพฯ
และฝนฟ้าที่ดูท่าจะตก เราเลยยกเลิกแผนไม่ได้ไปทางนั้นค่ะ
ถามรถบขส. ป2 ก็จะออกตอน 5 โมงเย็น
(คิดสภาพความเป็น ป.2 ที่คงหวานเย็น บวกกับออกช้า
เราคงถึงกรุงเทพฯ เวลาเที่ยงคืน ตีหนึ่งแน่ๆ)
เราเลยขอเก็บเป็นตัวเลือกไว้ก่อน
และพอดีก็มีสามล้อหน้าม้ารถตู้มาชวนไปขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพในราคา 350บาท
เราก็เลยขอเลือกทางนี้ดีกว่า
สามล้อพาเรามาส่งที่รถตู้ซึ่งจอดอยู่ในวัดชัยประสิทธิ์
เป็นสายเฉพาะกิจที่เค้าเอารถมาจอดรอเก็บตกคนในช่วงวันหยุดยาว
ถ้าใครมาหน้าเทศกาล แล้วรถทัวร์หมดและมีสามล้อเข้ามาถามว่าไปรถตู้มั๊ย
ให้ถามไปนะคะ ว่ารถจอดไหน ถ้าเค้าบอกในวัดล่ะก็
ลองเดินออกมาจากขนส่ง ไปถึงถนน มองไปฝั่งตรงข้ามจะเจอวัด
ให้ลองเดินไปดูค่ะ เพราะตัวเองเจอสามล้อพามาส่งจะคิดคนละ 20 แหนะ
แต่พอพวกเราเห็นว่าใกล้นิดเดียว เลยต่อเหลือ 2 คน 20 ค่ะ
(พวกนี้เค้าก็ได้ค่านายหน้าจากรถตู้มาแล้ว ยังจะเก็บเราอีกแหนะ?)
เวลา 14:00 น. เดินทางกลับโดยรถตู้สายเฉพาะกิจ
มีแวะพักซื้อของนิดหน่อยที่สีคิ้ว
หย่อนคนลงรังสิตขากลับเนี่ยขาเข้ากรุงเทพรถเยอะพอสมควรเลย
สุดท้ายแล้วก็มาถึงหมอชิตสักสามทุ่มครึ่ง
เรียกแท็กซี่ต่อและกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
พร้อมความสุขปนระทึกเต็มกระเป๋าค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมกันนะคะ
เข้าไปชมภาพดอกกระเจียวสวยๆ เพิ่มเติมที่ลิงค์ด้านล่างค่ะ
ปล. ขากลับที่ขนส่งชัยภูมิ เห็นมีแจกใบปลิวโฆษณา บ. ซันบัส เปิดใหม่
มีรถใหม่ๆ สายกรุงเทพ-ชัยภูมิ ด้วยค่ะ ลองหาดูนะคะ น่านั่งทีเดียว...
ปล 2. เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคน 2556
ข้อมูลบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงคลาดเคลื่อนไป ต้องขออภัยด้วยนะคะ