พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
21 พฤษภาคม 2558
All Blog
สีสัน..ความสุข

  หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นผู้เขียนยังเป็นเด็กน้อยบ้านนอก

ที่มีความสุขกับการเล่นสนุกตามประสา.. ที่บ้านไม่เคยมีไฟฟ้าใช้ ไม่เคยมีโทรทัศน์ให้ดู

ไม่มีห้างเอาไว้เดินเล่น โรงหนังหรือวิกในสมัยนั้นอยู่ห่างไกลจากตำบลที่เราอยู่มาก

นานๆทีจะมีหนังกลางแปลงมาฉายให้ดูสักครั้งหนึ่ง..

 

หรือหากวันไหนมีงานวัดไกล้บ้าน พวกเราเหล่าบรรดาทะโมนทั้งหลายจะรู้สึก คึกคัก เป็นพิเศษ

เพราะนานๆจะมีสิ่งบันเทิงราคาถูกมาให้เสพสุขกันสักครั้งหนึ่ง..

มีรุ่นพี่บางคนถึงขนาดจะต้องไปเก็บผักในป่ามาขายเพียงเพื่ออยากจะได้ รองเท้าแตะสวยๆ

มาใส่เดินในงานวัด ทั้งหน่อไม้ ผักหญ้าต่างๆเก็บกันมาเป็นกระบุงทีเดียว..

แล้วไปยืนเร่ขายราคาถูกๆ ได้เงินมาไม่กี่สตางค์ก็เอาไปซื้อของที่ตนอยากได้..

เอาไปใส่อวดกัน คุยทับถมกันเล่นเป็นที่สนุกสนาน..

 

ครับ ความสุขของเด็กบ้านนอกก็มีแค่นี้..

 

แต่พอวันเวลาผ่านไป ความสุขแบบเรียบง่าย ก็ดูเหมือนจะเจือจางลงไป..

การที่เราจะต้องดิ้นรนค้นหาความสำเร็จทั้งเรื่องการเรียน ต่อมาก็เรื่องหน้าที่การงาน

ทำมาหากินเลี้ยงชีวิต และสุดท้ายก็เพื่อความมั่นคงของครอบครัว

ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง..

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า จากสภาพทางสังคมที่บีบคั้นและต้องต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงของชีวิต

กลับทำให้เราลืมความสุขเล็กๆที่สามารถหาได้ง่ายๆจากสิ่งรอบตัวไปเสียแล้ว..

เราต่างมีความสุขบน เหยื่อล่อและกับดักของความหลงโลก โดยเต็มใจ..

เรากลายเป็นทาสของ เงินตราและความสุขสบายของตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัส ไปเสียแล้ว..

ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอามาปรนเปรอมันอย่างเต็มที่..

แทบหาความสงบสุขจริงๆไม่เจอ..

 

หรือแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร..?

 

ชีวิตก็มีมุมที่พลิกผันได้ครับ หากวันหนึ่งเราต้องประสบชะตากรรมที่เลวร้าย

แม้ไม่ทุกข์กายหนักหนา แต่กลับทุกข์ใจแสนสาหัส..

ทรัพย์สินเงินทองที่เพียรพยายามเสาะหามาทั้งชีวิต กลับไม่สามารถบรรเทาความทุกข์ชนิดนี้ได้

ไม่เหมือนตอนที่เราหิวแล้วพอได้กินข้าวอิ่มมันก็หาย..

 

บางคนโชคดีได้พานพบกัลยาณมิตร แนะแนวทางความพ้นจากทุกข์ได้..

บางคนใช้เวลาหลายปีเข้าวัดฟังธรรม แต่กลับยิ่งพอกพูนความทุกข์โดยไม่รู้ตัว

บางคนกลับยิ่งเติมเชื้อไฟแห่งทุกข์ เร่งการแผดเผาตนเองให้มอดไหม้อย่างน่าสงสาร..

แต่บางคนกลับค้นพบหนทางแห่งความพ้นทุกข์ทางใจได้ เพียงคำพูดไม่กี่ประโยค..

 

หากเราเอาความสุขของเด็กๆมาเทียบกับของผู้ใหญ่ดูแล้วจะพบวา

บางครั้งเด็กก็มีมุมมองต่อชีวิตที่สุดแสนจะธรรมดา เข้าใจง่ายไมซับซ้อน..

ไม่ต้องมีเหยื่อล่ออะไรมากมาย ตรงไปตรงมา ไร้เลห์เหลี่ยม..

ความสุขง่ายๆของเด็กๆคือ ท้องอิ่ม ใจอุ่น

แต่ของผู้ใหญ่กลับต้องการมากกว่านั้น คือ ความร่ำรวยและความสำเร็จ

 

ที่วนเวียนอยู่ในเรื่อง กิน กาม เกียรติ

ที่ไม่รู้ขนาดของมันเสียด้วย แต่ละคนใหญ่เล็กไม่เท่ากัน..

 

ความร่ำรวยของเด็กคือ ร่ำรวยคนรัก มีคนที่รักเขามากๆ..

ความสำเร็จของเด็กก็คือ การที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆรักเขาได้..

 

เด็กๆเหมือนผ้าขาว ที่พร้อมจะถูกแต่งแต้มสีสัน ให้เป็นไปตามที่ผู้ใหญ่จินตนาการให้เขาเป็น

เราต่างก็เคยเป็นเด็กมาก่อน เคยรู้สึกอย่างนั้นมาแล้ว

หากวันนี้ถ้าเรามีโอกาสที่จะเป็น จิตรกร ที่มากด้วยประสบการณ์ชีวิต..

ลองมองดูสีสันที่ตัวเราแต่งเติมให้กับชีวิตของราดูสิว่า มันเป็นอย่างไร..

สีสันสว่างดูน่าเลื่อมใส น่าเคารพศรัทธา หรือสีหม่นหมองเห็นแล้วชวนให้เมินหน้าหนี..

 

ระบายสีความสุขให้กับชีวิตเรา ให้เป็นโทนเดียวกับของเด็กๆที่สว่างสดใส..

ส่วนไหนที่มันสกปรกหม่นหมอง ก็เอาไปซักล้าง ให้สะอาดด้วย น้ำยาซักฟอกที่เรียกว่า ศีล

ปรับชีวิตให้นุ่มนวล น่าสัมผัส ลดความหยาบกระด้างด้วย สมาธิ

และแต่งแต้มวาดลวดลายของชีวิตให้สวยงามด้วย ปัญญา

 

หากทำได้อยางนี้อยู่เป้นประจำ เชื่อว่าในไม่ช้าความสุขแท้ๆของชีวิตที่หายไป

คงจะกลับมาหาเราอย่างแน่นอน..

 

 

ขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ

 




Create Date : 21 พฤษภาคม 2558
Last Update : 22 พฤษภาคม 2558 4:56:34 น.
Counter : 1411 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]