ตุลาคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
13
14
16
17
18
19
20
22
23
24
25
27
28
29
31
 
All Blog
งานศพที่ว่างเปล่า..!

  คนที่ชอบศึกษาธรรมะ ก็คงจะได้ยินคำกล่าวในทำนองที่ว่า..

คนเราย่อมพบเจอกับการพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรักเป็นธรรมดา

หรือ คนเราย่อมหนีความตายไม่พ้น เป็นธรรมดา..

 

ก็ในเมื่อ ความตาย เป็นสิ่งที่เราท่านทั้งหลายจะต้องพบ จะต้องได้สัมผัสแน่

ในสักวันหนึ่ง ซึ่งอาจจะไปเกิดกับใครก็ไม่รู้ อาจจะเป็นคนที่เราไม่รู้จักมักคุ้น

หรือเป็นคนใกล้ตัว เช่นญาติผู้ใหญ่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ พี่น้อง

แม้กระทั้ง สัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา

จนสุดท้ายก็คงไม่พ้นเป็นใครอื่นนอกจาก ตัวของเรานี่เอง..

 

เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกกับผู้เขียนว่า ชีวิตของคนเรานี้สั้นนัก

เผลอแป๊บเดียวก็แก่เสียแล้ว ดูเอาสิจากตอนเด็กๆเวลาไปงานศพที่ไหนๆ

คนที่ถูกเชิญให้ไปนั่งในที่ใกล้พระสวดมักจะเป้นคนแก่แถวๆบ้าน

คนหนุ่มคนสาวก็อยู่ห่างออกมา แต่พออายุมากขึ้นๆ เขาก็เชิญให้เราเข้าไปนั่งๆใกล้พระ

ไปเป็นคนจุดธูปเทียนบ้าง ขยับเข้าไปใกล้โลงศพคนตายไปทุกทีๆ..

 

เป็นสัจธรรม ความตายนั้นก็เป็นสัจธรรม

 

คนที่นึกถึงความตาย หรือ ระลึกถึงความตายบ่อยๆ

ไม่ใช่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย มีชีวิตอยู่กับเรื่องไม่เป็นมงคล

แต่เป็นเพราะเขากำลัง อบรมสั่งสอน จิตใจตนเองให้คุ้นชินกับความตาย

มีชีวิตอยู่กับความไม่ประมาทต่างหาก

ส่วนคนที่คิดว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว คิดว่าชีวิตของเราจะยังยั่งยืนยงอีกนาน

ไม่รู้ว่าจะมาคิดเรื่องนี้ให้จิตใจเศร้าหมอง หดหู่ทำไม

ปล่อยให้คนที่มีชีวิตแบบปลงตกกับชีวิตเขาคิดกันไปเถอะ ส่วนฉันขอสนุกสนานก่อน

 

เชื่อหรือไม่ว่าคนที่ชีวิตแบบไม่เคยระลึกถึงความตายเลย

หากเจอสิ่งกระทบแรงๆเช่น ต้องสูญเสียคนรัก หรือญาติมิตรไปอย่างปัจจุบันทันด่วน

จะมีสภาพตั้งตัวไม่ได้ หรือสติแตกไปเลย

เพราะไม่เคยได้เตรียมตัวเตรียมใจ พร้อมรับการสูญเสีย..

จะทำใจยอมรับความจริงได้ยาก หรือต้องใช้เวลาฟื้นฟูจิตใจยืดยาว

 

การไปงาน อวมงคล อย่างงานศพ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องไปเพื่อแสดงความเสียใจ

ต่อญาติผู้ล่วงลับเท่านั้น แต่ยังได้ประโยชนืต่อชีวิตของเราไม่น้อย..

อย่างน้อยก็ไปร่วมบำเพ็ญบุญ ขออโหสิกรรมแก่ผู้ตาย หากเคยได้ล่วงเกินกันมา

หรือการไปพบปะญาติมิตรที่ไม่เคยเจอกันมานาน มาปรับทุกข์ต่อกับ

ทำให้เรารู้ว่า ช่วงเวลาที่ชีวิตแย่ๆไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง

แต่เป็นเหมือนกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เราเอง

 

ไปฟังเสียงพระสวดภาษาบาลีที่แม้เราไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านั้นก็จริง

แต่เสียงพระสวดก็เป้นเหมือนการ เรียกสติของเราให้มาอยู่กับปัจจุบันได้อย่างดี

ไม่แหวกว่ายไปหาอนาคต หรือหมกหมุ่นอยู่กับอดีตดีร้ายแม้เพียงชั่ววินาที..

ที่สำคัญได้ไปเห็นความจริงของชีวิตอีกด้านหนึ่งว่า

คนที่นอนอยุ่ในโลงขณะนี้ เขาก็เคยมีความทุกข์ มีความสุข เคยโลภเคยโกรธเคยหลงผิด

ไม่ต่างจากเรา  ต่างกันแค่เพียง..

อีกคนนอนอยู่ในโลงแล้ว แต่อีกคนกำลังจะตามไปในไม่ช้าแน่นอน..

 

สัจธรรมจากความตาย สัจธรรมจากความพลัดพรากสูญเสีย

ไม่เคยโกหกใคร เกิดได้อยู่ทุกมุมโลกแทบจะทุกๆนาที

แม้ในความจริงในด้าน ปรมัตถ์ จะไม่เคยมีใครเกิดมา และไม่มีใครต้องตายไป

ต่างเป็นเพียงธรรมชาติที่อิงอาศัยกันมาชั่วครั้งชั่วคราว

เมื่อหมดเหตุหมดปัจจัยตอนนี้ก็แตกสลายเลิกลากันไป จนกว่าจะมาประชุมรวมตัวกันใหม่

มาสร้างเหตุก่อผลสืบสานกันไปไม่รู้จบ จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือ นิพพาน

 

อย่าให้ความตายของใครคนหนึ่งต้องเสียเปล่าเลย

อย่าให้การจัดงานศพเป็นแค่เพียงพิธีกรรมตามประเพณี..

อย่าให้งานศพนี้เป็นเพียง งานศพที่ว่างเปล่า..

เพราะ คนที่ยังอยู่ ไม่เคยน้อมใจไปรับรู้ความจริงของชีวิต..

เอาสาระจากความไม่แน่นอนของชีวิต ให้ตนเองได้เรียนรู้และฉลาดขึ้น

อย่าได้เสียเวลาในโลกนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์เลย..

 

 

 

 ขอขอบคุณเจ้าของภาพสวยๆทุกภาพครับ

 




Create Date : 08 ตุลาคม 2558
Last Update : 8 ตุลาคม 2558 1:52:11 น.
Counter : 2884 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]