ในวันที่ 27 มกราคม 2559 นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยดารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)ได้แถลง ผลงานความคืบหน้าการดำเนินงานของสสว. ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการสรุปได้ดังนี้

สสว. จะสร้างคนรุ่นใหม่เป้น SMEs ที่มีนวัตกรรมไปประยุกต์ใช้กับกิจการที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยขอให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ร่วมการบ่มเพาะ และมหาวิทยาลัยที่เป็นภาคี เช่น มหาวิทยาธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโนโลยีพระจอมเกล้าจัดผลงานวิจัยเป็นหมวดหมู่ เช่น อาหาร เกษตร ไอที วิศวกรรม ฯลฯ และหาทางให้ SMEs ได้รับทราบถึงผลงานวิจัยเหล่านั้น เพื่อให้ SMEs นำมาใช้ในเชิงพาณิชย์

ซึ่งสสว. ขะช่วยหาแฟล่งเงินทุนจากธนาคารของรัฐ และธุรกิจขนาดใหญ่ที่ทีโครงการช่วยเหลือสังคม(Social Enterprise) มาช่วยสันบสนุนในการนำนวัตกรรมมาให้ SMEs ใช้ปรับปรุงสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และทำการตลาดสำหรับสินค้าและบริการที่ปรับปรุงขึ้นใหม่นั้น

โครงการต่างๆ ที่สสว.อยู่ระหว่างการดำเนินงาน เพื่อเป็นการช่วยเหลือผุ้ประกอบการ จะพัฒนา SMEs 3 กลุ่ม ได้แก่ 

1.1 กลุ่ม SMEs ที่ดำเนินกิจการอยู่แล้ว(Strong/Reqular SMEs)

1.2 กลุ่มผุ้ประกอบการใหม่ (Start Up)

1.3 กลุ่มที่ต้องการปรับปรุงกิจการ (Turn Around)

โดยทั้ง 3 โครงการ ได้รับอนุมัติการใช้งบประมาฯจากคณะกรรมการ สสว. เมื่อ 7 มกราคม 2559 ขณะนี้ สามารถดำเนินการได้แล้ว

สสว. ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมการพัฒนาชุมชน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) บมจ.ปตท.จำกัด(ปตท.) ธนาคารเอสเอ็มอี ดำเนินการจัดตั้ง (ร้านประชารัฐสุขใจ SHOP) จำนวน148ร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ และสร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจชุมชน โยมรสถานที่จำหน่ายสินค้าถาวร ในราคาที่เหมาะสม สามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีมาตราฐาน มีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ตรงตามความต้องการของตลาด รวมทั้งให้ชุมชนในเขตภูมิภาคมีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถต่อยอดดูแลร้านค้าให้ยั่งยืนด้วยตัวเองในอนาคต

หน้าที่ของ สสว.ในดครงการนี้ คือ ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชนคัดเลือกสินค้า OTOP สินค้าวิสาหกิจชุมชน เข้ามาขายในร้านค้าแระชารัฐ รวมทั้งช่วยเหลือดูแลในเรื่องการขนส่งและการจัดการสินค้า ดดยจะช่วยฝึกบุคลากรจากชุมชนให้สามารถบริหารจัดการร้านได้ ในส่วนของสินค้า จะพยายามคัดเลือกสินค้าเด่นของชุมชน ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด สำหรับสินค้าซึ่งยังไม่ได้มาตราฐาน สสว.ได้เชิญศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ(TCDC) มาช่วยพัฒนารูปแบบสินค้า(Product Renovation) และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดึงดูดใจลูกค้า ด้านความคืบหน้าคือ ขณะนี้ ร้านค้าประชารัฐ อยู่ในระหว่างการดำเนินงานการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่า จะสามารถเปิดตัวพร้อมกันทั่วประเทศ 148 แห่ง ในเดือน เมษายน 2559

สำหรับการเปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศนั้น สสว. ได้มีการนำผู้ประกอบการไปต่างประเทศเป็นระยะ โดยเมื่อวันที่ 21-22 ม.ค. ที่ผ่านมาสมาคมการค้าการลงทุนเอเซียน-สากล AITIA ได้เชิญ สสว. เข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้า โครงการคาราวานแบรนด์ไทยไปทั่วจัน ภายใต้งาน The 9 Chian Xinjiang New Year Shopping Fair 2016 ณ Xinjiang International Convention & Exhibition Center เมืองอูหลูมูฉี เขตปกครองพิเศษตนเองขิน เจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อประสานความร่วมมือและศึกษาแนวทางในการสนับสนุนผู้ประกอบการฯ และได้รับทราบว่า สินค้าไทย มีโอกาสสูง ที่จะเข้าไปเปิดตลาดในหัวเมืองระดับรอง เช่น เมืองซีอาน เมืองฝูโจว เมืองซีหนิง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย มีช่องทางการค้า สามารถขยายสินค้าไทย และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าไทยในตลาดจีนและในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 สสว. จพนำผู้ประกอบการ 30 ราย ติดตามคณะรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไปจับคู่ธุรกิจที่ประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยได้ไปเปิดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารและสินค้าเกษตรแปรรูปแบบฮาลาล ซึ่งเป็นสินค้าที่ประเทศไทยมีศักยภาพการแข่งขันในตลาดสูง นอกจากนั้นสาธารณรัฐอิสลามอิร่านให้ความสนใจในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวแบบฮาลาล ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวแบบฮาลาลในจังหวัดภาคใต้และกรุงเทพมหานคร

ดัชนีความเชื่อมั่น SME ภาคการค้าและบริการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป้น 110.8 ในเดือนธันวาคม 2558 นับเป้นระดับสุงที่สุดสำหรับปี 2558 ค่าดัชนีความเชื่อมั่นของ SME ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากองค์ประกอบทั้งในด้านของยอดจำหน่าย กำไร และการลงทุน โดยปรับตัวดีขึ้นมากทั้งในภาคบริการและภาคการค้า ดัชนีปรับตัวสูงในกลุ่ม สาขาธุรกิจที่โดดเด่นมากคือ สถานีบริการน้ำมัน การขนส่ง และบริการท่องเที่ยว นอกจากนี้มาตรการลดหย่อยภาษี (VAT) ให้กับบุคลธรรมดาในช่วงปีใหม่ยังมีส่วนกระตุ้นการบริโภคในประเทศมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ สถานการณ์ด้านการบริโภคในภาพมีความคึกคักเพิ่มมากขึ้น มีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น และต้นทุนของการประกอบการก็ลดลงทั้งจากราคาน้ำมันที่ลดลงและการปรับลดของค่าไฟฟ้าจากในส่วนของค่า FT ด้วย

สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้านั้น ก็อยู่ระดับสูงที่ 110 เช่นกัน การที่ดัชนีอยู่สูงกว่าค่าฐาน 100 เป็นเรื่องที่ดีเพราะหมายถึง ผู้ประกอบการ SMEs เริ่มมั่นใจมากขึ้น มองมุมบวกต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเริ่มมั่นใจว่า มาตราฐาน SME จากภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเงินและในด้านเพิ่มขีดความสามารถของ SME และการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ จะสามารถบรรเทาผลกระทบความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ ดัชนี SME ภาคการค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีอุตสาหกรรมและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มสุงขึ้นมากเช่นกันในเดือน ธ.ค. 2558