1. มองโลกในแง่ดี(Optimism)ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรนี้ครับโดยนักลงทุนจะเริ่มทำซื้อหุ้นโดยมีภาพของอนาคตของตัวนั้นว่าดีและมองว่าอีกไม่นานจะได้กำไร
2. ตื่นเต้น( Excitement)นี้เป็นระดับถัดมาหลังจากได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆจากการซื้อหุ้น แล้วจะเริ่มค้นหาวิธีการหรือหนังสือมาอ่านหรือค้นคว้าอย่างจริงจัง
3. ซาบซึ้ง (Thrill) หลังจากประสพความสำเร็จมากขึ้นเราจะเริ่มยินดีปรีดากับวิธีการที่สุดฉลาดของตัวเอง
4. เป็นสุขอย่างที่สุด (Euphoria) เป็นอารมณ์หลังจากชนะตลาดอย่างต่อเนื่องสามารถหาเงินอย่างง่าย ๆ และเริ่มรู้สึกเป็นเซียน
5. ตรึงเครียดเล็กน้อย(Anxiety)เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็อาจจะรู้สึกว่าเครียดเล็ก ๆ แต่ก็ยังเชื่อมั่นในแนวทางนั้น
6. ไม่ยอมรับ(Denial)เมื่อเหตุการณ์ยังแย่ต่อไป ก็จะมีความเครียดมากขึ้นช่วงนี้นักลงทุนก็ยังมักปฎิเสธว่าเรามาผิดทาง แม้ส่วนลึกๆก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเราทำอะไรผิดใช่ไหม
7. กลัว(Fear)เมื่อยังผิดทางต่อไป ก็เริ่มสับสนและกลัวว่าตลาดจะลงแรง ๆต่อไปอีก
8. สิ้นหวัง(Desperation)เริ่มรู้สึกท่อแท้สิ้นหวังกับการตัดสินใจของตัวเอง
9. ตื่นตระหนก (Panic) ตื่นตระหนกและขวัญผวาทุกครั้งที่หุ้นลงแรง ๆ
10. ยอมจำนน (Capitulation) ทนไม่ไหวแล้วขายทิ้งเลย ใช้สุภาสิตว่ากำขี้ดีกว่ากำตด
11. ไร้สุข(Despondency)เป็นจุดต่ำสุดของสภาวะอารมณ์ เริ่มสาปแช่งตลาดหุ้นและบอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่กลับมาในตลาดอีกแล้ว
12. ซึมเศร้า (Depression) จมอยู่การความรู้สึกที่เสียดายเงินทองที่เสียไป
13. หวัง (Hope) เมื่อตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ก็เริ่มกลับมาคิดได้ว่าสุดท้ายมันต้องผ่านไป ทุกอย่างมีขึ้นต้องมีลง
14. โล่งอก (Relief) ข่าวร้ายเริ่มหายไป ข่าวดีเริ่มเข้ามาเริ่มเอาเงินไปซื้อหุ้น เริ่มได้มากกว่าเสีย ทำให้กลับไปสู่สภาวะอารมณ์แรกอีกครั้ง
สภาวะอารมณ์ที่เป็นอันตรายที่สุดผมคิดว่าน่าจะเป็น Euphoria เพราะอาจจะทำให้คาดหวังผลตอบแทนของทุกการตัดสินใจซึ่งในช่วงที่ SET บ้านเราทยานเกิน1300อย่างนี้ ก็คงมีเพื่อน ๆ หลายคนที่ได้อยู่ในสภาวะอารมณ์นี้ได้แต่ผมเป็นอย่างยิ่งที่บทความนี้จะช่วยลดสภาวะอารมณ์นี้และทำให้ทุกท่านกลับมามีสติในการลงทุนอีกครั้ง...
Cr: Prasertsakk