ก็ตามชื่อหนังนั่นแหละว่าด้วยเรื่องราวโลกไม่รู้ของ
'แดร็กคูล่า' หรือ
'เจ้าชายวลาดที่ 3' (วลาดจอมเสียบ) ก่อนที่จะกลายเป็นแวมไพร์ตนแรกของโลก!! ที่เป็นการหยิบเอาคาแรคเตอร์แวมไพร์สุดดังของ
บราม สโตรกเกอร์ มาเล่าเรื่องราวก่อนหน้าอันเป็นต้นกำเนิด กำกับความมันส์โดย
แกรี่ ชอร์ นำแสดงโดย
ลุค อีวานส์, ซาราห์ กาดอน, อาร์ต พาร์กินสัน, โดมินิค คูเปอร์ และ
ชาร์ลส แดนซ์ในปี 1462 ทรานซิลวาเนียกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาสงบสุขภายใต้การปกครองที่ยุติธรรมของ
วลาดที่สาม (ลุค อีวานส์) เจ้าชายแห่งวัลลาเคีย ผู้เหนื่อยล้ากับสงคราม และ
มิเรนา (ซาราห์ กาดอน) ชายารักผู้กล้าหาญของเขา ทั้งคู่ร่วมกันรักษาความสงบสุขเพื่อประเทศของพวกเขาและทำให้แน่ใจว่าประชาชน ของพวกเขาจะอยู่รอดปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากอาณาจักรออตโตมัน ที่เรืองอำนาจ และตั้งเป้าหมายว่าจะยึดครองโลกให้ได้..
เมื่อ
สุลต่านเมห์เม็ดที่สอง (โดมินิค คูเปอร์) สั่งให้มีการส่งตัวเด็กชายชาววัลลาเคีย 1,000 คน รวมถึง
อินเกรัส (อาร์ต พาร์กินสัน) บุตรชายของเขา จากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อฝึกพวกเขาให้กลายเป็นทหารเด็กในกองทัพ วลาดก็ต้องตัดสินใจว่าจะทำเช่นเดียวกับบิดาของเขา และยกลูกชายของเขาให้สุลต่าน หรือจะขอความช่วยเหลือจากอสุรกายเพื่อกำจัดพวกเติร์ค แต่หากเขาเลือกทางนี้ เขาก็จะต้องสละวิญญาณของเขาไปเป็นทาสชั่วนิรันดร์..
วลาดเดินทางไปยังหุบเขาโบรคเคน ทูธ ที่ซึ่งเขาได้พบกับ
อสุรกายร้าย (ชาร์ลส แดนซ์) และได้ทำข้อตกลงกับมัน ข้อตกลงนั้นจะทำให้เขามีพละกำลังดุจชายร้อยคน มีความเร็วดุจฝูงค้างคาวและมีพลังมากพอที่จะบดขยี้ศัตรู อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนั่นต้องแลกมาด้วยความกระหายที่จะดื่มเลือดมนุษย์ ที่ไม่มีวันเติมเต็มได้หมดสิ้น..
ถ้าพ้นจากสามวันไปแล้ว วลาดสามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ให้ลิ้มรสเลือดได้สำเร็จ เขาก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติ แต่ถ้าหากไม่เขาก็จะกลายเป็นปีศาจร้ายที่ต้องอาศัยอยู่ในความมืดอนธกาลไปตลอดชีวิต และยังชีพอยู่ได้ด้วยเลือดมนุษย์!!
(ขอบคุณเรื่องย่อจาก nangdee.com)จัดว่าเป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีที่พอดูได้เพลินๆ มีกลิ่นอายสยองขวัญนิดหน่อย(แทบนับฉากเห็นเลือดได้เลย)
เน้นบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปเสียมากกว่า ซึ่งเจ้าชายวลาดที่ 3 ในเรื่องนี้แทบจะเป็นเจ้าชายฮีโร่ผู้เสียสละที่รักประชาชนและครอบครัวมากกว่าเจ้าชายวลาดจอมเสียบสุดโหดที่เราเคยรู้จักในหนังหรือประวัติศาสตร์ไหนๆ ยิ่งเห็นเหตุผลที่ทำให้ต้องหันหน้าเข้าสู่ด้านมืดก็ยิ่งทำให้ต้องเอาใจช่วยมากกว่าจะเกลียดชัง..
กับฉากแอ็คชั่นนั้นตัวหนังเน้นที่ฉากทำสงคราม ซึ่งขอบอกว่าทีเด็ดก็มีให้เห็นเหมือนในตัวอย่างหนังแค่นั้นอย่าหวังว่าจะได้เห็นฉากเว่อร์วังอลังการใดๆอีก (ตอนแปลงร่างเป็นฝูงค้างคาวให้อารมณ์เหมือนกับเล่มเกมมากๆ) แถมยังมืดเกินไปทำให้ดูตามยากอีกด้วย
ส่วนกับการแสดงนั้น อีวานส์จัดว่าเป็นความดีงามของหนังที่ช่วยดันให้ตัวหนังดูมีอะไรขึ้นมา ทั้งรูปร่าง หน้าตา และอารมณ์ทั้งในยามที่เป็นคนและแวมไพร์!!ข้อเสียอีกอย่างที่ทำให้ความสนุกของหนังลดลงคือ เราคนดูรู้ตอนจบอยู่แล้วว่าจะจบอย่างไร?(พระเอกสุดท้ายก็ต้องกลายเป็นแวมไพร์) มันเลยทำให้อารมณ์ที่จะได้ลุ้นต้องสะดุดอยู่นิด ไม่มากก็น้อย..
สรุป Dracula Untold เป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีที่ทำให้ 'แดร็กคูล่า' ที่เรารู้จักดูเป็นฮีโร่มากกว่าเป็นปีศาจร้าย!!ป.ล.ทิ้งท้ายตอนจบแบบนี้ ถ้าหนังทำเงินกะว่าจะสร้างภาคต่อแน่ๆ ใช่ไหมนี่?
เมื่อคืนพี่ก๋าขำตัวเอง
นั่งดูหนังโหดเลือดสาด เรื่อง Killers
แต่ดูแล้วหลับครับ 555
ตื่นมาก็ไม่อยากดูต่อแล้ว
เพราะรู้สึกว่ามันไม่สนุกเลยครับ แหะๆๆ
แต่เรื่องนี้อยากดูนะครับ
คงต้องรอดีวีดีออกมาก่อนน่ะครับ