ภาคต่อของหนังทริลเลอร์สยองขวัญฮิตเหนือคาดเมื่อปีที่แล้ว ที่ภาคนี้ยังคงได้ผู้กำกับเจมส์ เดอโมนาโก จาก The Purge ภาคแรก มากำกับความสยองเหมือนเคย นำแสดงโดย แฟรงค์ กริลโล, คาร์เมน อีโจโก, โซอี้ โซล, คีลี ซานเชซ และ แซช กิลฟอร์ด









ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานชำระบาปประจำปี ระทึกขวัญไปกับ 12 ชั่วโมง ซึ่งอาชญากรรมทุกประเภท รวมถึงฆาตกรรมกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ร่วมลุ้นระทึกไปกับการเอาชีวิตรอดของ 5 ชีวิต ที่ต้องเผชิญกับค่ำคืนสุดโหดและกระเสือกกระสนหนีตายจากคมมีด, กระสุนปืน และเกมไล่ล่าชีวิตมนุษย์!!

(ขอบคุณเรื่องย่อจาก nangdee.com)









***อาจเปิดเผยเนื้อหาสำคัญในบางส่วน***

ยังคงมาพร้อมกับพล็อตสุดเจ๋งเหมือนเดิมที่ว่าด้วยเรื่องราวภายใน 1 คืนที่สามารถฆ่าคนได้ แต่ครั้งนี้มาด้วยสเกลที่ใหญ่กว่าและทุนสร้างที่มากกว่าทำให้ภาคนี้ระทึกและสนุกกว่าภาคแรก!! เพราะจากภาคแรกที่ไล่ฆ่ากันภายในบ้านแค่หลังเดียว มาภาคนี้เพิ่มสถานที่ให้พวกตัวเอกได้หนีเอาตัวรอดกันหลายที่ (ประมาณ 5 ที่ ทั้งสถานที่ปิดและที่โล่ง)

แถมแต่ละที่ก็โคตรจะระทึก (เด็ดสุดก็คงเป็นคลับคนรวยที่จับคนมาให้พวกไฮโซประมูลเล่นเกมไล่ฆ่า) อีกทั้งยังเต็มไปด้วยฉากโหดเลือดสาดแม้จะไม่สยองมาก แต่ก็จัดหนักจัดเต็มความตายด้วยมีด ดาบ ปืนสั้น ปืนกล และปืนไฟ!!









ที่ชอบมากๆก็คงเป็นการจิกกัดสังคมแบบแสบๆ ได้อย่างมีชั้นเชิง ทั้งประเด็นเรื่องฐานะชนชั้น (ที่คนรวยปลอดภัยกว่าคนจนเพราะมีเงินซื้อหรือสร้างเครื่องมือป้องกันราคาแพง/การขายตัวเองให้คนรวยฆ่าเพื่อเงินที่ขายได้จะได้เอาไปให้ลูกหลาน) ทั้งเรื่องศีลธรรมภายในใจ (การจับคนมาประมูลเพื่อไล่ฆ่า/การอ้างคืนชำระบาปเพื่อฆ่าคนอื่น/การล้างแค้นของพระเอก) ทั้งเรื่องความถูกต้อง (การก่อกบฏของกลุ่มแอนตี้พิธีคืนชำระบาป)

หรือที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ เรื่องการเมืองที่เฉลยว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องในการจับคนจนไปให้คนรวยฆ่าเพื่อลดจำนวนประชากร?! (เพื่อคงอัตราการว่างงานเพียง 1% ไว้) ที่สุดท้าย “เงิน” ก็มักจะเป็นตัวแปรสำคัญ!!









กับด้านการแสดงนั้น กริลโลถือว่ามาดให้และทำให้เชื่อว่าเขาเก่งจริงอะไรจริง ส่วนกับสี่คนที่เหลือก็เหมาะกับบทที่ได้รับ ไม่มีใครโดดเด่นเกินหน้าใคร แต่ที่หงุดหงิดหน่อยก็คงเป็นตัวร้ายบางกลุ่มที่ความจริงในหนังดันผิดคาดกว่าที่คิด และกับตอนจบสุดท้ายแม้จะเดาทางง่ายแต่ก็ยอมรับได้ที่ผู้กำกับจะยัดเยียดเรื่องราวดีๆ (ขนาดภาคแรกยังจบแบบโลกสวยเลย ซึ่งส่วนตัวแล้วอยากให้จบหักดิบโหดร้ายกว่านี้)









สรุป The Purge: Anarchy เป็นหนังภาคต่อที่สนุกและระทึกกว่าภาคแรก แถมยังเต็มไปด้วยประเด็นแสบๆ ให้กลับเอาไปคิด ซึ่งเชื่อเหอะว่ามีภาค 3 ต่อแน่นอน!! (ก็แหม..เล่นทิ้งประเด็นใหญ่อย่างเรื่องการก่อกบฏเอาไว้อย่างนั้น)