Bloggang.com : : doraeme : บุญคืออะไร ฝึกจิตเกาะพระ 15มิย2560

บุญคืออะไร ฝึกจิตเกาะพระ 15มิย2560

บุญคืออะไร
สาธุๆๆกราบขอบพระคุณที่มาจากเฟสบุคครูPhu Bodin 15มิย2560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1001589246644829&id=100003812895876
...
#บุญคืออะไร
(บุญคือความสบายใจ)
บอกให้ทราบกันก่อน
เพราะมีหลายคนยังไม่รู้
และคำว่า บุญ มันอยู่ตรงไหน
อะไรคือตัวบุญ อะไรคือเนื้อนาบุญ

อะไรก็ตาม ที่ทำลงไปแล้ว เราสบายใจ
เขาเรียกว่า บุญ

แต่บุญมีหลายระดับ หลายวิธีที่จะได้มา
ส่วนการสร้างบุญอาจมีอยู่สามวิธี
๑บุญจากการให้ทาน
๒บุญจากการรักษาศีล
๓บุญจากการทำภาวนา

ส่วนบุญทำภาวนานั้น ถือเป็นบุญใหญ่หลวงยิ่งนัก
เพราะสามารถนำพาเราออกจากทุกข์ได้
ที่สำคัญคือ นำพาเราออกจากสังสารวัฏได้
ไม่ต้องกลับมาเกิดมีร่างกายกนอีก
เพราะร่างกายคนเรานั้น เสมือนเป็นรังโรคหรือกองทุกข์ทั้งปวง
นับตั้งแต่เกิดก็ทุกข์แล้ว. (แหกปากร้อง)
พอเกิดมาแล้วก็เจ็บก็ป่วยอีก ไหนทุกคนจะต้องแก่ เหนี่ยว ย่นอีก
สุดท้าย ตายหมด ไม่มีเหลือ

ถ้าใครปฏิบัติ มองเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมหมด
คือเห็น อนัตตา อ้อ! มันเป็นเช่นนี้เอง
เรียกว่า.ตถาตา
คือการมองเห็นทุกสิ่งเกิด-ดับ เป็นธรรมดา
หรือคำว่า สักแต่ว่าๆ
ถ้าใครเข้าใจคำๆนี้แล้ว แสดงว่า จิตเข้าถึงอุเบกขา
คือการวางเฉยบ้างแล้ว.สบายแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย
เพราะมันเหนื่อยที่จะวิ่งตามสิ่งเหล่านี้
จิตที่ขึ้นๆลงๆนี่ไง. เพราะจิตหลงไปวิ่งตามเจตสิก
คือกิเลสอันละเอียดยิ่งของมวลมนุษย์ทั้งหลาย
ทุกวันนี้ก็ยังเวพกันอยู่ตลอดเลย
โดยเฉพาะ ความรู้สึก(เวทนา) ความคิด(สังขาร)
รู้สึกได้ไม่ได้ห้าม แต่อย่าเอามาเป็นเรา มาเป็นของๆเราก็พอ
ถ้ามีสติระดับสัมปชัญญะก็พอเอาอยู่ แต่ยังไม่พ้นเท่าไหร่ ฝึกไปๆ
เจริญสติจนกว่า สติเกิดอัตโนมัติ ไปจนถึง มหาสติแบบพระอรหันต์นั่น
จิต จึงจะอยู่เฉยได้ เรียกว่า จิตเสถียร จิตมั่นคงแล้ว

ถ้าคนเข้าใจทำบุญก็ไม่ยาก
แต่อยากบอกว่า บุญกรรมฐาน ทำง่ายที่สุด
แทบไม่ต้องตั้งท่ามาก ไม่ต้องตั้งท่าเยอะ
แถมไม่เสียเงินสักบาทเดียว สามารถทำได้เลย
และก็ได้บุญทันที
แค่มีสติตามดูลมเข้าออกเท่านั้น
หรือนึกถึงพระบ่อยๆ
คำว่า บ่อยๆไม่ได้หมายความว่า ให้เราทำมากๆนะ ไม่ใช่ๆ
ทำน้อยๆแต่ทำบ่อยๆ ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ
ทีบุญกุศล ทำให้กับตนเอง กับเกี่ยงกันนัก
อั่ยทีเรื่องไร้สาระ กลับทำกันมาก
เช่น เดินช๊อปปิ้ง นั่งนินทากัน จับกลุ่มกินเหล้า
ที่พูดมา.ไม่ใช่ผมไม่เคยทำ แต่ทำมาก่อนแล้ว
ไม่ใช่ผมเป็นคนดีมาก่อน
สรุปแล้ว พอๆกัน มีทั้งดี มีทั้งไม่ดี เหมือนกันหมด

แค่คิดดี พูดดีและทำดี เราก็ได้บุญแล้ว
คิดร้ายต่อผู้อื่น พูดให้ร้ายผู้อื่นหรือทำร้ายผู้อื่นเขา
อันนี้ ไม่ใช่บุญแล้ว แต่จะเป็นบาป อกุศลกรรม

คอยดูนะว่า ระหว่างวัน เราสั่งสมอะไรมากกว่า..
ถ้ากรรมใดมากกว่า เวลาหมดอายุขัย เราก็จะไปอยู่แดนนั้นแหละ
ฉะนั้น ถ้าเราตกนรกก็อย่าไปโทษใครเขา ต้องโทษตนเองที่ทำเอง
ส่นไปดีไปสวรรคไปพรหม หรือนิพพาน เป็นต้น
เกิดจากกรรมของตนทำมาทั้งน๊านแหละ ไม่มีคำว่า ฟลุ๊ค!
มีแต่ฝีมือล้วนๆ ฉะนั้นจะไม่มีการจับฉลากไปนิพพานแน่

ฉะนั้น บุญชั้นทานแค่สบายใจชั่วคราวเท่านั้นเอง
เหมือนเรากินข้าวคำเดียว ไม่อิ่มแน่
เลยต้องลงมาเกิดทำความดีบ่อยๆหน่อย
แต่ถ้าบุญกรรมฐาน เหมือนคนกินข้าวใกล้จะอิ่มแล้ว
กินอีกไม่กี่คำ เด่วก็จะอิ่ม
นั่นหมายถึงคนที่ได้มรรคผลแล้วนั่นเอง ทำอีกนิดก็จะถึงนิพพาน
ตรวจดูกำลังใจตนเองก็พอจะรู้แล้วว่า คำว่า นิพพาน
มันใกล้หรือมันไกลเกินเอื้อม เราต้องตอบได้นะ
เพราะจิตนั้น ไม่โกหกตนเองแน่ แต่ห้ามเข้าข้างตนเอง
คนที่ชอบเข้าข้างตนเองนั้น เป็นเพราะ..หลงตนเอง
โดยเฉพาะ เรื่องสักกายทิฏฐิ
เรามีความคิดเห็นเกี่ยวกับในร่างกายตน อย่างไร
มันใช่เราจริงๆไหม..
เพราะพระโสดาบันนั้น ต้องมีความเห็นถูก
มีความคิดถูกตามพระพุทธเจ้า
ว่าร่างกายเรานั้น มิใช่เรา มิใช่ของเรา
ถึงเรามีร่างกายก็จริงอยู่ แต่สักว่ามี เฉยๆ
เพราะอีกมินานนัก เด่วทุกคนก็ต้องตายหมด (จริงไหม)
นับตั้งแต่ในหลวง(ร.๙)ก็สวรรคตไปแล้ว
พระอรหันต์ ท่านก็ละสังขารไปหลายท่านแล้ว
ไปจนถึง พระพุทธเจ้า พระองค์ท่านก็ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
และเราหละ เป็นใคร..จะรอดไหมเนี๊ย เอาให้ดีๆนะ .ชาตินี้
เพราะชาติที่ผ่านมานั้น เสียเวลาลงมาเกิดกัน จริงๆ
บางคนเสียชาติเกิด เพราะหลงเผลอสติ ทำกรรมทำบาปมาก
ติดคุกติดตะราง โทษเบาจนถึงโทษหนัก.ประหารชีวิต
แม้นตัวตายไปแล้ว แต่จิตยังไม่พ้น.ตกนรกอีก มันคุ้มกันไหม..
นี่ไง ถึงบอกว่า เอากันให้ดีนะ.ชาตินี้ๆ
ทำดี ทำบุญกุศลมากๆไปเห่อ สุดคุ้ม!

แค่อยู่เฉยๆ นั่งทำใจสบายๆ เราก็ได้บุญแล้ว
อะไรก็ตาม ถ้าใจเรามันรู้สึกไม่ดี เป็นทุกข์
อารมณ์หรือจิตแบบนี้ ไม่ใช่บุญ แต่เป็นบาปหรืออกุศลกรรมแล้ว
ถ้าเรามีสติกันสักนิด เราก็พ้นทำกรรมไม่ดีต่อกัน
ใช่ว่า นักภาวนา นักกรรมฐาน จะไม่เผลอนะ.เผลอ
แต่ก็ขอให้ดึงจิตกลับมาให้ไว
ที่เผลอไปแล้วก็อย่าหลงไปโทษตนเอง
ให้กำลังใจตนแทน
ในเมื่อเราอภัยคนอื่นได้ เราก็ต้องให้อภัยตนเองด้วย
โมทนาสาธุ
ภูทยานฌาน
...
สนใจจิตตนเองกันหน่อย...
เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรสำคัญไปกว่า.จิตใจตนเอง
เพราะจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
แต่ทำไม ถึงให้ความสำคัญกับร่างกายกันนัก..
คิดว่า นักภาวนาทุกคน มีคำตอบแล้ว.สาธุ
...
หลงกาย..เราก็เลยทำอั่ยนั่นอั่ยนี่ในร่างกายของเรา
ใหญ่ทำให้เล็กลง.ส่วนที่เล็กก็ทำให้มันใหญ่กว่าเดิม
เสริมกันเข้าไป เอ้า เอาที่สบายใจ
ที่พูดเนี๊ย เข้าใจคนทางโลกนะ ไม่ใช่ ไม่เข้าใจ
แต่อยากจะบอกว่า ถ้าวาระเห็นธรรมมาถึง.เลิกหมด เลิกสนใจในกาย แต่สนใจจิตใจแทน
เพราะอะไร ก็เดินตามรอยพระพุทธเจ้านั่นไง...
...
เห็นธรรมก็เห็นโลก โดยเฉพาะเห็นว่าร่างกายเรานี้ มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราเลย จริงๆนะ
คือจะสนใจร่างกายน้อยลง แต่ก็ดูแลไปตามปกติ ไม่มาก ไม่บ้าเหมือนแต่ก่อนเท่านั้นเอง ตอนนี้ มาเน้นเรื่องจิตมากกว่า..ถึงเรายังไม่ตาย เราก็อยู่อย่างมีความสุข.ไม่ทุกข์ใจอะไร ถึงตายไปเราก็ไปสุคติแน่..เรื่องภพภูมิของตนนั้น ต้องปักกันเองเด้อพี่น้อง..เพราะไม่มีใครช่วยกันได้เลย.สาธุ
...

มีสติ เราก็รู้สึกตัวกันเมื่อนั้น ที่เหลือ เด่วพี่เลี้ยง(สติ) นำพาน้องจิตไปดีแน่นอน.สาธุ
...
แต่ถ้าเผลอสติ โอกาสทำกรรมไม่ดีย่อมมีมากกว่า.. อันนี้อันตรายยิ่ง.
ที่ผ่านมา ตนยังพูดกับตนเองว่า โห รอดมาได้ยังไง สงสัยพอมีบุญอยู่บ้าง
ถึงรอดมาได้้ แต่ถ้าก่อนตายมีดวงตาเห็นธรรม เราก็ไม่รุ๊ว่าจะจุติที่ไหน.ภพภูมิไหน
เพราะฉะนั้น แค่อยากจะบอกกับพวกเราว่า..ถ้าไม่รักษาศีล ไม่ทำภาวนา
โอกาสไปสุคติ.ยากส์!
คนไม่มีศีล ไม่มีธรรม เหมือนคนที่เดินอยู่บนไหล่เขา.หุบเหว
เผลอเมื่อไหร่ ตกตายแน่ มันอันตรายจริงๆนะ
แต่มองไม่เห็นกัน เพราะยังไม่เห็นธรรม
ไม่รู้ทำไง เพราะตนเคยผ่านมาหมดแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ทุกข์ใจอะไร เพราะเข้าใจธรรม เข้าใจกรรม.เราเขา
จึงข้ามกรรมเรา กรรมเขาได้ง่าย.วางกรรมผู้อื่นซะ..
เพราะเมตตา ต้องปิดด้วยอุเบกขา (เมตตา ต้องมีปัญญานั่นเอง)
เพราะบางคนมีเมตตามาก จนบางครั้ง รู้สึกตนเอง.ทุกข์ใจแทนเขาไปเลย
เพราะยังข้ามกรรมผู้อื่นไม่ได้ เพราะจิตยังเข้าไม่ถึง.คำว่า อุเบกขา
เราก็เลยอยู่นิ่งเฉยไม่เป็นสิทีนี้ เพราะใจอยากช่วยเหลือเขาจะตาย
ใจอยากช่วย แต่ถ้าเราช่วยเขาไม่ได้ เราทุกข์ใจอีก
อันนี้เรียกว่า เมตตาอย่างเดียว เมตตาขาดปัญญา...สาธุ
...

...

...
...

Create Date : 15 มิถุนายน 2560

Last Update : 15 มิถุนายน 2560 7:53:19 น.

0 comments

Counter : 922 Pageviews.