#แม่จะครองเมือง ในละคร เพลิงพระนาง
เปรียบกายร้อนดั่งเพลิง เปรียบใจร้อนดั่งไฟ
สุขจึงสูญหมดไปทุกข์ใจสิ้นกาย
หมดสิ้นผืนแผ่นดิน ต้องพลาดพลั้งหมดทาง
เพราะเพลิงพระนาง ครองจิตใจ
เพลิงพระนาง #แม่ครองเมือง ละครฟอร์มยักษ์ยิ่งใหญ่อิงประวัติศาสตร์ชาติพม่า ที่ได้ตัวแม่อย่าง อั้ม พัชราภา มารับบทเป็น เจ้านางอนัญทิพย์ เจ้านางที่มีแต่ความอิจฉาริษยา อาฆาตแค้นพยาบาท แย่งชิงอำนาจทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนได้สูญเสียไปให้กลับคืนมา
ละครเพลิงพระนาง เป็นเรื่องราวสมมุติมีเมือง นครทิพย์ เป็นอาณาจักรที่มีความรุ่งเรือง มีอาณาเขตกว้างขวาง ปกครองเมืองประเทศราชเป็นจำนวนมาก เจ้าหลวงองค์ปัจจุบัน มีนามว่า เจ้าหลวงบุรพคาม ที่ปล้นบัลลังก์มาจากพ่อของเจ้านางอนัญทิพย์ ถึงแม้ตนเองจะเป็นเจ้าเมือง แต่ก็ยังทรงมีความโลภ ส่งทหารคนสนิทออกไปปล้นทรัพย์สินของมีค่าของราษฎรไม่เว้นวัน เจ้าหลวงบุรพคามมีพระขนิษฐาองค์หนึ่งนามว่า เสกขรเทวี ซึ่งถูกแต่งตั้งให้เป็น พระนางหน่อเจ้าหลวง โดยตามกฎมณเฑียรบาล
เจ้าเมืองคุ้ม ซึ่งเป็นคนรักของเจ้าอนัญทิพย์มีความสงสารนางเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะกอบกู้นำนครทิพย์กลับมาให้ได้ ไม่นานสิ่งที่พูดไว้ก็เป็นไปตามที่ได้พูด เมื่อเจ้าคุ้มเมืองล้มเจ้าหลวงบุรพคามได้สำเร็จ และตั้งตนเองขึ้นเป็นเจ้าหลวงแทนเป็น เจ้าหลวงเมืองคุ้ม โดยบอกว่าจะแต่งตั้งให้เจ้าอนัญทิพย์ขึ้นเป็นพระมหาเทวี แต่ด้วยเสียงจาก เจ้าสำเภางาม ผู้เป็นแม่ได้ทัดทานไว้ว่าขณะนี้เจ้านางเสกขรเทวีอยู่ในตำแหน่งพระนางหน่อเจ้าหลวงจึงจำต้องยกให้นางขึ้นเป็นพระมหาเทวี ก็ยิ่งทำให้เจ้าอนัญทิพย์เจ็บแค้นใจมากขึ้น
ครั้นต่อมา เมื่อเจ้านางทั้งหลายของเจ้าหลวงเมืองคุ้มมีบุตร รวมถึงเจ้านางเสกขระก็มีลูกสาวนามว่า ทองพญาพระนางหน่อเจ้าเจ้าอนัญทิพย์ก็มีลูกสาว 2 คน นามว่า เจ้านางปิ่นมณี พี่สาว และ เจ้านางเรณุมาศ น้องสาว เจ้าตองนวลมีลูกชายหนึ่งคนนามว่า ตองแปง เป็นคนไม่เอาไหน สำมะเรเทเมา ส่วน ริมบึง มีลูกชายนามว่า เจ้าครองภพ และ เจ้านางยอดพุ่ม มีลูกชายนามว่าเจ้าม่านฟ้า
เจ้าอนัญทิพย์ได้คิดแผนการที่จะให้เจ้าม่านฟ้าขึ้นครองอำนาจแทน เนื่องจากเจ้าม่านฟ้านั้นหลงรักเรณุมาศแผนการเหล่านั้นก็สำเร็จ และผ่านไปไม่นานบ้านเมืองก็ถึงคราววิกฤต นครทิพย์ถูกรุกรานอย่างหนักจากฝรั่ง ชาวเมืองไม่สามารต่อสู้เพื่อรักษาบ้านเมืองเอาไว้ได้ และต้องตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง อนัญทิพย์ รวมถึงม่านฟ้า และเรณุมาศถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่ประเทศอินเดีย
ไม่นานทั้งหมดถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระจึงได้เดินทางกลับมาใช้ชีวิตอย่างสามัญชนที่นครทิพย์ ภายในนครทิพย์ คุ้มหลวง ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เจ้านางอนัญทิพย์รู้สึกเศร้าโศกเป็นอย่างมาก และเดินทางกลับไปที่หอคำบนตั่งทอง ที่ตอนนี้ได้เป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ อย่าง ชุดเจ้าหลวง ชุดพระมหาเทวี มงกุฎพระมหาเทวีถูกเก็บไว้ในตู้จัดแสดงคืนนั้น อนัญทิพย์แอบลักลอบเข้าไปภายในหอคำ เธอได้นำชุดเจ้าหลวงของเมืองคุ้มออกมานั่งกอดระลึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่บนตั่งทอง เธอหายใจช้าลง แผ่วลง และสิ้นลมหายใจไปบนตั่งทองที่ตนเองปรารถนามาตลอดชีวิต
เพลิงพระนางเป็นละครสมุมติแต่เค้าโคลงของเรื่องอาจจะคล้ายเรื่องจริงของพม่า ที่เมืองพม่านั้นได้เสียกรุงให้กับชาวฝรั่งไปก็เพราะความอิจฉาริษยาของสตรีนั้นก็คือ พระนางศุภยาลัต ราชบุตรีของพระเจ้ามินดง กับมเหสีรองคือพระนางอเลนันด อุปนิสัยของพระนางศุภยลัตมีลักษณะคือ มีความทะเยอทะยาน เจ้ากลอุบาย ใจร้าย ขี้หึง เชื้อสายดั้งเดิมเป็นสามัญชน
ตอนที่พระนางศุภยาลัตได้เป็นพระมเหสีแห่งเมืองพม่า พระนางและพระมารดาของนางได้สังหารบรรดาพี่น้องตัวเอง และบริวารรวมกันถึงราว 500 กว่าคน เจ้าชายเจ้าหญิง เจ้าจอมมารดา พระญาติและบรรดาลูกๆ รวมทั้งผู้เฒ่าชราและแม้แต่เด็กจนถึงทารกไร้เดียงสาก็ถูกสังหารจนสิ้น ขุนนางที่เคยรับใช้หรือญาติทางฝ่ายจอมมารดาก็ถูกจับฆ่าเสียสิ้นเหมือนกัน
ต่อมาที่พม่าได้เสียกรุง เพราะพระนางศุภยาลัตไม่พอใจที่อังกฤษได้ให้ค่าสัมปทานป่าไม้น้อย และฝรั่งเศสทำท่าจะเข้ามาเสนอให้มากกว่า ทางพม่าเลยกล่าวหาว่าอังกฤษลอบตัดไม้ และสั่งปรับค่าเสียหายจากอังกฤษอย่างหนัก อังกฤษก็ไม่พอใจ ตอนนั้นพระนางศุภยาลัตคิดว่าตัวเองมีฝรั่งเศสหนุนหลัง พอเกิดเรื่องเข้าจริงๆ ฝรั่งเศสก็วางตัวเป็นกลาง เพราะเหตุนี้อังกฤษจึงได้สู้รบกับพม่า แต่เพราะความที่พระนางคิดว่าประเทศตัวเองเป็นประเทศมหาอำนาจ เคยมีพระเจ้า 10 ทิศ ผู้เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ปกครองมาก่อนจึงได้ใจว่าตัวเองจะชนะทุกอย่าง แต่เพราะความเพ้อฝันจึงทำให้พม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
พระนางศุภยลัตและพระสวามีถูกเนรเทศอยู่ที่อินเดียนาน 31 ปี แม้พระนางศุภยลัตถูกเนรเทศ อยู่ พระนางยังทำยศทำศักดิ์เป็นราชินี ใครจะมาหาต้องคุกเข่าคลาน เจ้ายศเจ้าอย่างจนพวกที่ตามไปด้วยจากพม่าทนไม่ไหวหนีกลับพม่าหมด ภายหลังพระสวามีสิ้นพระชนม์ พระนางก็กลับสู่พม่าที่เมืองย่างกุ้ง พระนางแก่ตัวเข้าและรู้สำนึกในชีวิต ทรงสงบเสงี่ยม สุภาพ น่าสงสาร ทรงเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน พระนางอยู่ในตำหนักที่อังกฤษจัดถวายให้ในเมืองย่างกุ้ง 10 ปี จึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ขณะพระชนมายุ 65 พรรษา การจัดการพระศพก็เป็นไปตามยถากรรม ไม่ได้มีพิธีรีตองมากมายไม่ต่างจากคนทั่วไป ปัจจุบันยังมีที่ฝังพระศพอยู่ในย่างกุ้ง โดยรัฐบาลอังกฤษจัดการพระศพให้ตามธรรมเนียม แต่ไม่อนุญาตให้เชิญพระศพขึ้นไปที่ราชธานีกรุงมัณฑะเลย์ คงอนุญาตเพียงแต่ทำเป็นมณฑปบรรจุพระอัฐิเท่านั้น ปัจจุบันนี้อยู่ที่ถนนเจดีย์ชเวดากอง
รับชม เพลิงพระนาง