space
space
space
 
สิงหาคม 2560
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
23 สิงหาคม 2560
space
space
space

กวาวเครือขาว ผลดีคุณประโยชน์ และงานศึกษาวิจัยข้อดีจุดด้วย


กวาวเครือขาว คุณประโยชน์คุณประโยชน์ และก็งานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยข้อดีจุดบกพร่อง
กวาวเครือขาว ประโยชน์กวาวสรรพคุณ รวมทั้งงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัย
ชื่อสมุนไพร กวาวเครือขาว
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อประจำถิ่น กวาวเครือ , จานเครือ (อีสาน) ,ตานเครือ , ทองเครือ , จอมทองคำ , (ใต้) ตานจอมทอง (จังหวัดชุมพร) โพ้ต้น ( กาญจนบุรี) .โพะตะข้า
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pueraia candollei Graham ex Benth. Var mirifica
ชื่อสกุล Leguminosae-Papilionoideae

ถิ่นกำเนิด
กวาวเครือขาวเป็นพืชที่ขึ้นบริเวณป่าเบญจพรรณ พบกระจากทั่วๆไปตั้งแต่ ประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศอินโดจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น แล้วก็ ไทย สำหรับในประเทศไทย พบกระจากในป่าเบญจพรรณในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่จะพบบ่อยในภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีอินทรีย์สารสูงตามชายเขา ดินที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างราว 5.5 ที่สูงจาก

ระดับน้ำทะเล 300 – 800 เมตร ในสภาพธรรมชาติมีการกระบุงชนิดด้วยเมล็ด โดยทั้งนี้พบว่าจะมีการออกดองช่วงก.พ.ถึงมี.ค.แล้วก็ติดฝักในเดือนเมษายน สามารถพบกวาวเครือขาวพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นสักในจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ลำปาง จังหวัดเชียงใหม่ ในบริเวณที่เป็นดงไผ่ในจังหวัดกาญจนบุรี สระบุรี จังหวัดลพบุรี ชัยภูมิ พบว่ามีกวาวเครือขาวกระจากพันธุ์อยู่ก้าวหน้าเช่นกัน
ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือขาว
กวาวเครือขาวเดินถูกให้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Butea superba Roxb. เป็นพืชเชื้อสายถั่ว ขึ้นในป่าเบญจพรรณ ลักษณะเป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดใหญ่ ผลัดใบ เลื้อยพาดพันบนต้นไม้ชื้น
ลำต้นเกลี้ยง บางทีอาจยาวถึง 5 เมตร ใบเป็นในประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ (Pinnately trifoliate) เรียงสลับกันปลายใบมีลักษณ์รูปไข่ปลายแหลม เนื้อใบด้านบนสะอาดข้างล่างมีขนสั้นๆห่างๆเส้นกิ้งก้านใบข้างละ 5 – 7 เส้น ใบย่อยด้านข้างโคนมีลักษณะเบี้ยว หูใบรูปไข่ มีเยื่อก้านใบเห็นเด่น ใบตกแต่งมีลักษณะเป็นเกล็ดมีขนาดเล็กมากมาย
ดอกออกในระยะผลัดใบ เป็นช่อยาวราวๆ 30 ซม. ดอกจะออกตามาซอกกิ่ง ข่อดอกเป็นข่อโดดเดี่ยวและก็ช่อแยกกิ้งก้านออกปลายกิ่ง ดอกมีกลีบประดับประดารองรับ ดอกย่อยเป็นรูปถั่วเป็นดอกบริบูรณ์เพศมีทั้งหมดศผู้รวมทั้งเพศภรรยาในดอกเดียวกัน ทรงดอกเป็นแบบ Zygomorphic แบบที่เรียกว่า Papilionacaceous form ดอกประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ ที่มีขนาดรวมทั้งลักษณะไม่เหมือนกัน กลีบที่อยู่นอกสุดมีขนาดใหญ่สุด เรียกว่ากลีบ Standard กลีบที่เกาะติดอยู่ทางด้านข้างทั้งคู่ มีลักษณะคล้ายกัน เป็นงอนโค้งคล้ายปีกนกเรียกว่า กลีบ wing กลีบที่อยู่ภายในสุด 2 กลีบ จะเชื่อมรวมกันเป็นกระพุ้งคล้ายท้องเรือ เรียกว่า กลีบ (keel) เป็นกลีบที่ห่อเกสรไว้ มีก้านชูอับเรณูติดกัน ดอกมีสีฟ้าอมม่วงถึงสีน้ำเงิน 2 – 3 ดอกต่อช่อ มีเกสรตัวผู้ 10 อัน รังไข่ยาวเป็นแบบ superior ข้างในมี 1 ห้องมีเม็ดไข่อยู่ข้างใน
ฝักมีลักษณะแบน เมื่อแก่มีสีออกน้ำตาล ผิวมีขนสั้นๆประปรายถึงหมดจด ฝักมีความกว้างราว 7 มม. ยาวราวๆ 3 ซม. มีเม็ด 3 – 5 เมล็ดต่อฝัก เม็ดมีลักษณะกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง โดยประมาณ 2 – 4 เซนติเมตร เมล็ดแก่จะมีลายสีเขียวคละเคล้าม่วง หรือ สีน้ำตาลผสมม่วง
หัวเป็นหัวใต้ดินเหมือนหัวมันแกว (Tiberous root) จะมีฤทธิ์ทางยามากในขณะที่ผลัดใบ มีหลายขนาด หัวที่แก่มากมีขนาดใหญ่ อาจมีน้ำหนักสูงถึง 20 โล ที่เปลือก เมื่อเอามีดปาดจะมียางสีขาวคล้ายนม เนื้อในสีขาวเหมือนมันแกว เนื้อจะเปราะ มีเส้นมากมาย รสเย็นเบื่อเมา หัวที่ยังเล็ก เนื้อในจะละเอียด มีน้ำมาก
การขยายพันธุ์กวาวเครือขาว
ขยายพันธุ์โดยการปลูกแบบเพาะเม็ด โดยอาจเริ่มต้นโดยการผลิตต้นชนิดจากเมล็ดหรือโดยแนวทางอื่น การผลิตต้นประเภทจากเมล็ดจะต้องรอเก็บเม็ดในช่วงต้นถึงกลางหน้าร้อน เพราะเหตุว่ากวาวเครือขาวออกดอกติดฝักในช่วงกลางฤดูหนาวจนถึงกึ่งกลางหน้าร้อน แหล่งเกิดของเมล็ดคือต้นกวาวเครือขาวที่อยู่ในป่า แกะเมล็ดออกมาจากฝัก เก็บเอาไว้ภายในที่แห้งหรือในภาชนะที่มีการระบายอากาศได้ กระทำเพาะเมล็ดในกระบะใส่ดินผสมปุ๋ยธรรมชาติโดยให้เม็ดถูกฝังกลบไว้ลึกราว 1 ซม. รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน เสนอแนะให้กระทำเพาะเม็ดในช่วงที่อากาศร้อนมากที่สุด ความร้อนจะช่วยทำให้เมล็ดแตกหน่อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยธรรมดาเมล็ดที่เก็บจากฝักที่แห้งค้างต้นแล้วเอามาเพาะในปีนั้นจะมีอัตราการงอกเกือบจะ 100% เมล็ดที่ถูกเก็บไว้ผ่านปีจะมีอัตราแตกออกลดน้อยลง
ส่วนประกอบทางเคมี
หัวกวาวเครือขาวมีสารที่มีสาระอยู่อีกหลายอย่างและสารที่ออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมน เอสโตรเจน นอกเหนือจากนี้ยังพบข้อมูลทางด้านโภชนาการดังนี้




________________________________________
ส่วนประกอบ ปริมาณ (เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักแห้ง)
________________________________________
พลังงานจากไขมัน 5.85 แคลอรีต่อ 100 กรัม
คาร์โบไฮเดรตรวม 67.66
ไฟเบอร์รวม (dietary Fiber) 20.39
น้ำตาลรวม (Total Sugar) 19.35
คาร์โบไฮเดรต อื่นๆ 27.92
โปรตีน 7.88
ไขมัน 0.66
แคลเซี่ยม 7.56
เหล็ก 0.029
พลังงานรวม 308.01 แคลอรีต่อ 100 กรัม
________________________________________

ส่วนประกอบทางเคมีของหัวกวาวเครือขาว (Pueraria mirifica)
ที่มา : ชาลีรวมทั้งวันชัย (2544)

ส่วนสาระสำคัญกลุ่มต่างๆ
ที่พบในกวาวเครือขาวสามารถแบ่งเป็นกลุ่มๆได้ดังนี้
7.1 สารกลุ่มคูมารินส์ (Coumarins)
ดังเช่น Coumestrol, Mirificoumestan, Mirificoumestan Glycol แล้วก็ Mirificoumestan hydrate

สูตรโครงสร้างทางเคมีของ Coumestrol
ที่มา : สุนิสา (2552)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีของ Mirificoumestam
ที่มา : สุนิสา (2552)

7.2 สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
โดยในหัวกวาวเครือขาวมีสารจำพวก lsoflavonoid หลายอย่าง เช่น Genistain, Daidzein, Daidzin, Puerarin, Puerein-6-monoacetate, Mirificin, Kwakhurin แล้วก็ Kwakhurin hydrate

Genistein : R1 = H , R2 = OH
Daidzein : R1 = H , R2 = H
Puerarin : R1 –Glucose, R2 = H
Mirificin : Glucose – Apiose , R2 = E
สูตรส่วนประกอบทางเคมีของสารกลุ่ม Flavonoids
ที่มา : สุนิสา (2552)
7.3 สารกรุ๊ปโครมีน (Chromene)
สาระสำคัญอันดับหนึ่งในกวาวเครือ เช่น Miroestrol ซึ่งเป็นสารที่มีแถลงการณ์ว่ามีฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน พบปริมาณ 0.002 – 0.003 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักหัวแห้ง หรือประมาณ 15 มก.ต่อกิโลกรัมของกวาวเครือแห้ง มีรูปผลึก 2 แบบเป็นแบบที่มีน้ำหนักอยู่ในผลึก (hydrate form) ลักษณะเป็นรูปเข้มอ้วน แล้วก็แบบผลึกที่ไม่มีน้ำอยู่ในผลึก (anhydrate form) มีลักษณะเป็นแผ่น ไม่มีสี มีจุดหลอมเหลว 268 – 270 องศาเซลเซียส

สูตรองค์ประกอบทางเคมีของ Miroestrol
ที่มา : สุนิสา (2552)

7.4 สารกรุ๊ปสเตียรอยด์ (steroids)
สเตียรอยด์ที่พบในหัวกวาวเครือ อาทิเช่น B-sitosterol, Stigmasterol, Pueraria รวมทั้ง Mirificasterol
7.5 สารประกอบอื่นๆ
เว้นเสียแต่สารกลุ่มที่กล่าวแล้วข้างต้น ในหัวกวาวเครือขาวยังมีสารพวกแอลเคน แอลกอฮอร์แล้วก็สารจำพวกไขมันเป็นPuereria, Mififica glyceride lithium, Potassium, Sodium, Phosphate, แคลเซียม, โปรตีน, ไขมัน, แล้วก็ไฟเบอร์ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสารชนิด Saponim อยู่อีกหลากหลายประเภท
ซึ่งสารต่างๆพวกนี้หลากหลายประเภทมีคุณสมบัติเป็นไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) ซึ่งมีความหมายว่าเป็นเอสโตรเจนที่ได้จากพึชรวมทั้งออกฤทธิ์เช่นเดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจนทุกสิ่ง หรือบางทีอาจหมายคือสารที่ออกฤทธิ์ที่ตัวรับ (Receptor) เดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งปัจจุบันนี้รู้และเข้าใจดีแล้วว่า receptor นี้มี 2 Subtype คือ estrogen receptor alpha และ beta subtype ตอนนี้ไฟโตเอสโตรเจนที่มีอยู่ในกวาวเครือขาวสามารถแบ่งได้สารที่มีความแรงสูงและก็ความแรงต่ำ โดยกลุ่มที่มีความร้ายแรงต่ำ ดังเช่นว่า Coumestrol, Daidzein, Daidzin, Genistin, Genistein, Mirificn และก็ Puerarin
คุณประโยชน์กวาวเครือขาว
หัว รสเย็นเบื่อเมา บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง บำรุงสุขภาพ ชูกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะสำหรับผู้สูงวัย แก้เมื่อยตามร่างกาย แก้เหน็ดเหนื่อย ผอมแห้งแรงน้อย นอนไม่หลับ มีฮอร์โมนผู้หญิงสูง ทาหรือรับประทานทำให้เต้านพขยายตัว เส้นผมดกดำ เพิ่มเส้นผม เป็นยาปรับรอบเดือนอาจทำให้แท้งบุตรได้ บำรุงความกำหนัด ทำให้อวัยวะสืบพันธุ์แล้วก็มดลูกมีเลือดมาคั่งมากขึ้น บำรุงอวัยวะสืบพันธุ์ให้เจริญ แก้โรคจาฟาง ต้อกระจก ทำให้ความจำดี ทำให้มีพลัง เคลื่อนไหวว่องไว บำรุงโลหิต กินได้นอน ผิวหนังเต่งตึงผุดผ่อง ช่วยลดอาการของสตรีวัยหมดระดู โดยมีการเรียนฤทธิ์ขของกวาวเครือขาวต่อการลดอาการร้อนวูบวาบ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและก็ช่วยทำให้เรื่องของความจำและการเรียนรู้ ช่วยลดอาการช่องคลอดแห้งในสตรีวัยหมดประจำเดือนได้
ต้นแบบรวมทั้งขนาดการใช้กวาวเครือขาว
สถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข กำหนดขนาดการใช้ดังนี้
การใช้เป็นองค์ประกอบในตำรับบำรุงย่างกาย ให้กินยาตำรับที่มีส่วนประกอบของผงกวาวเครือขาว ไม่เกิน 1 – 2 มิลลิกรัม ต่อโลต่อวัน หรือประมาณวันละไม่เกิน 50 – 100 มิลลิกรัม อาการข้างๆที่อาจเจอได้เป็น เจ็บเต้านม มีเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติทางช่องคลอด ปวดหรือเวียนศีรษะ อ้วกคลื่นไส้
แบบเรียนยาของหลวงอนุสารสุนทร
กำหนดขนาดที่ใช้ของหัวกวาวเครือขาว โดยให้รับประทานกวาวเครือขาวผสมน้ำผึ้ง ขนาดเท่าเม็ดพริกไทย 1 เม็ดต่อวัน รับประทานมากมายจะมีผลให้มึนเมาเป็นพิษคนหนุ่มคนสาวไม่ควรกิน
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือขาว
การทดลองในหนูเพศภรรยาที่รับประทานกวาวเครือขาวพบว่า ส่งผลยับยั้งการให้นมของหนูที่กำลังให้นม โดยไปยังยั้งการเจริญก้าวหน้าของต่อมน้ำนม และการสร้างน้ำนม มีผลคุ้มครองการตั้งครรภ์ เมื่อให้หนูกินในตอนตั้งครรภ์วันที่ 1 – 10 ติดต่อกัน หรือให้กินในช่วงที่มีการโยกย้ายของตัวอ่อน โดยการทำให้เกินการแท้ง และเมื่อให้ในหนูที่ตัดรังไข่ออก รับประทานกวาวเครือพบว่าน้ำหนักของมดลูกแล้วก็ปริมาณของเหลวในมดลูกมากขึ้น เหมือนกันกับที่เจอในหนูที่ได้รับ ethinyl estradiol แล้วก็มีกล่าวว่ากวาวเครือขาวมีฤทธิ์คุมกำเนิดที่ดีในหนูขาวเมื่อให้ในขนาด 1 กรัม/ตัว/สัปดาห์ ส่วนผลของกวาวเครือขาวต่อหนูเพศผู้พบว่าสัตว์มีการกระทำการผสมพันธุ์น้อยลง รวมทั้งมีขนาด แล้วก็น้ำหนักอัณฑะ epididymis ต่อมลูกหมาก และก็ seminal vesicles ลดน้อยลง และก็มีปริมาณตัวน้ำอสุจิ และก็เปอร์เซ็นต์การเคลื่อนไหวของตัวน้ำอสุจิลดน้อยลง
การเรียนทางคลินิกในระยะที่ 2 ในอาสาสมัครกลุ่มก่อนรวมทั้งหลังวัยหมดประจำเดือน ที่มีลักษณะพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจน ปริมาณ 37 ราย ใช้เวลา 6 เดือน พบคะแนนของงอาการวัยหมดระดูลดลงจาก 35.6 เป็น 15.1 แล้วก็ 32.6 เป็น 13.69 ในกรุ๊ปที่ได้รับ 50 มก.ต่อวัน และก็ 100 มก.ต่อวัน ตามลำดับ แต่ว่าเจออาการข้างเคียง คือ อาการคัดตึงเต้านมราวร้อยละ 35 รวมทั้งอาการเลือดออกกระปริดกระปรอยราวร้อยละ 16.2

การเล่าเรียนทางพิษวิทยาของกวาวเครือขาว
การเรียนพิษทันควันของผงหัวกวาวเครือขาวในรูปผงยาแขวนขี้ตะกอนในน้ำ พบว่าไม่ทำให้มีการเกิดอาการพิษรุนแรงในหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้สัตว์ทดสอบตายครึ่งเดียว (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 16 กิโลกรัม / น้ำหนักตัว 1 โล การทดสอบพิษครึ่งเรื้อรังในหนูขาวประเภทวิสตาร์โดยการป้อนผงหัวกวาวเครือขาวในรูปผงยาแขวนตะกอนในน้ำ ขนาด 10 แล้วก็ 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความไม่ดีเหมือนปกติต่อค่าโลหิตวิทยา รวมทั้งค่าทางวิชาชีวเคมี หรือพยาธิสภาพอะไรก็แล้วแต่แต่ว่าการให้ในขนาด 1000 มก./กิโลกรัม/วัน ทำให้หนูเกิดภาวะโลหิตจาง จำนวนเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ระดับวัวเลสเตอรอล น้ำหนักอัณฑะ ของหนูเพศผู้ลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง และมีอัตราการเกิด hyperemia ของอัณฑะ ในหนูเพศเมียที่ได้รับในขนาด 100 แล้วก็ 1000 มก./กก./วัน พบว่าระดับโคเลสเตอคอยลลดลง มดลูกบวมเต่ง มีอัตราการเกิด cast ที่ไตสูงขึ้นยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ
คำแนะนำ
ถ้าเกิดกินเกินขนาด จะก่อให้เกิดอันตรายได้ ทำให้มีลักษณะอาการเมา คลื่นไส้ อ้วก ห้ามใช้ในหญิงวัยเจริญพันธุ์ เนื่องจากสารที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงในกวาวเครือขาวมีความแรงของตัวยาจะก่อกวนลักษณะการทำงานของฮอร์โมนเพศ แล้วก็ระบบประจำเดือนได้
ข้อพึงระวัง ห้ามรับประทานเกินขนาดที่เสนอแนะให้ใช้

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สรรพคุณกวาวเครือขาว


Create Date : 23 สิงหาคม 2560
Last Update : 23 สิงหาคม 2560 16:57:21 น. 0 comments
Counter : 487 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 3849083
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3849083's blog to your web]
space
space
space
space
space