Bloggang.com : HMS : Whitening cream review

Whitening cream review

ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทำให้ผิวขาวกำลังได้รับความนิยมใช้เนื่องจากสื่อโฆษณาและค่านิยมที่ว่าผิวสวยคือการมีสีผิวค่อนข้างขาวหรือขาวอมชมพู สารทำให้ผิวขาวที่ใช้ในเครื่องสำอางมีหลายกลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase เช่น arbutin, vitamin C, kojic acidและ licorice extract

2.กลุ่มที่ทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดหลุดลอก (exfoliation) เช่น alpha hydroxy acid (AHA)และกลุ่มอื่นๆ

การเกิดสีผิวตามธรรมชาติโดยปกติการเกิดสีผิวตามธรรมชาติเกิดจากกลุ่มเซลล์ที่ชื่อว่า เมลาโนไซท์ (melanocytes) ซึ่งอยู่ชั้นล่างของชั้นผิวหนังกำพร้า (epidermal layer) ซึ่งทำหน้าที่สร้างเม็ดสีเมลานิน (melanin) เมลานินมี 2 รูปแบบ ได้แก่phaeomelanins ซึ่งทำให้เกิดผิวสีเหลืองหรือสีขาวในคนยุโรป และ eumelanins ซึ่งทำให้เกิดผิวสีน้ำตาลหรือน้ำตาลค่อนข้างดำ ในคนเอเซียและแอฟริกากลไกการสร้างเมลานิน โดยเมลาโนไซท์ (melanocytes) ซึ่งทำหน้าที่สร้างและหลั่งmelanosomes (brown organells) ภายในจะมีเอนไซม์ tyrosinase ซึ่งสามารถเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันของไทโรซีน(tyrosine)ซึ่งเป็นสารประกอบ amine ที่มีอยู่ในผิวหนังทำให้มีการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งเกิดเป็นเม็ดสีเมลานินขึ้น(Zuidhoff and Rijishergen, 2001) เม็ดสีเมลานินนี้เองที่ทำให้เกิดสีผิวที่แตกต่างกันในต่างเชื้อชาติ นอกจากนี้ความเข้มของสีผิวยังขึ้นกับปัจจัยทางกรรมพันธุ์ ปัจจัยทางสภาวะแวดล้อมด้วย เช่น หญิงตั้งครรภ์จะมีการหลั่งฮอร์โมน MSH(melanocyte-stimulating hormone) มากกว่าปกติ การกินยาคุมกำเนิด การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้แสงแดดจัดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำแลดูไม่สดใส

เกิดผิวสีเข้ม เกิดจากขบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (pigmentation) เกิดมากขึ้น เป็นการเกิดสมํ่าเสมอทั่วบริเวณผิวหนังซึ่งต่างจากลักษณะการเกิดฝ้า ฝ้าเป็นแผ่นสีดำอมน้ำตาลซึ่งพบบนใบหน้า มักขึ้นเป็นแถบหรือปื้นและมักเป็นทั้งสองข้างเท่าๆกัน สาเหตุการเกิดฝ้าเกิดจากปริมาณเมลานินไม่เท่ากันในแต่ละบริเวณของผิวหนังกลไกการออกฤทธิ์ของสารทำให้ผิวขาวดังที่ทราบแล้วว่าการเกิดสีผิวคือขบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน ดังนั้นการทำให้สีผิวจางลง (skin-lightening)หรือขาวขึ้นจึงสามารถทำได้โดยรบกวนขั้นตอนต่างๆในขบวนการสร้างเมลานิน โดยทั่วไปกลไกการออกฤทธิ์ของสารสำคัญทำให้ผิวขาวขึ้นแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังนี้(MediDerm, 2002 and Esel, 2002)

1. กลุ่มยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส (tyrosinaseinhibitor) สารกลุ่มนี้สามารถยับยั้งการสร้างเมลานินโดยการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส
1.1 Arbutin สารสกัดจาก Bearberryplant นิยมใช้มากในประเทศญี่ปุ่นและแถบเอเชีย
1.2 Vitamin C (L-ascorbyl acid) และอนุพันธ์
1.3 Licorice (glycyrrhetinic acid) สกัดจากชะเอม (Glycyrrihiza glabra) สารสำคัญที่ออกฤทธิ์คือ flavonoid และ triterpenoid
1.4 Kojic acid ได้จากกระบวนการเมแทโบลิซึมของรา Kojic mold
1.5 Mulberry สกัดจากใบหม่อน (Morusalba)สารสำคัญที่ออกฤทธิ์เป็นสารในกลุ่ม flavonoid และtriterpenoid
1.6 Melanostat เป็นเปปไทด์ที่สังเคราะห์ขึ้น เป็นสารสำคัญทำให้ผิวขาวขึ้นตัวใหม่ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซีเนสและยับยั้งที่เซลล์เมลานินโดยตรง

2. กลุ่มที่ทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดหลุดลอก(exfoliation) ได้แก่

2.1 Alpha hydroxy acid, AHA
2.2 Butyrated hydroxyanisole, BHA เช่นsalicylic acid
2.3 Retinol (vitamin A)

กรดผลไม้(Alpha hydroxy acid, AHA)กรดผลไม้หรือ AHA ได้ถูกนำมาใช้รักษาโรคผิวหนังและเครื่องสำอางในปัจจุบัน ได้แก่ glycolic acid ซึ่งพบมากในอ้อย (sugarcane), lactic acผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างของกรดผลไม้ที่นิยมใช้กันมากในid ซึ่งพบมากในนมเปรี้ยว (sour milk),malic acid พบมากในผลแอปเปิ้ล, citric acid พบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว (citrus fruits) และ tartaric acidพบมากในองุ่น (grapes) สารในกลุ่ม glycolic acid มีสูตรโครงสร้างโมเลกุลเล็กที่สุดทำให้เชื่อว่ามีความสามารถในการผ่านผิวหนัง ได้ดีที่สุด

AHA
มีกลไกการออกฤทธิ์โดยเป็น chelatingagent ที่สามารถไปดึงแคลเซียมอิออนออกจากเซลล์ผิวหนัง เนื่องจากโครงสร้างของผิวหนังเป็นลักษณะเซลล์บุผิว (epithelium cell) ที่ยึดติดกันแน่น โดยจะมีการยึดเกาะระหว่างเซลล์โดยโมเลกุลที่เรียกว่า cadherin (เป็น trans-membrane glycoprotien) ซึ่งการทำหน้าที่ของ cadherinขึ้นกับแคลเซียมอิออน ังนั้นเมื่อระดับแคลเซียมอิออนลดลงจะทำให้เร่งการหลุดลอกของเซลล์ที่ผิวชั้นนอกออกได้เร็วขึ้น ผิวที่สร้างขึ้นใหม่มีความแตกต่างกันน้อยลงมองดูผิวมีความอ่อนเยาว์และขาวขึ้น (Wang, 1999) แต่ว่าการใช้ 4% ถึง15% ไม่สามารถทำให้ผิวขาวได้แต่จะมีหน้าที่ exfoliationผิวแทนดังนั้นการใช้เพื่อผิวขาวนั้นต้องใช้ปริมาณสูงกว่านี้ และการใช้ AHA จะพบเทียบเท่ากับเลเซอร์ได้นั้นต้องมีความเข้มข้น > 50%

วิตามินซีและอนุพันธ์วิตามินซี
เป็น whitening agent ที่ได้รับความนิยมใช้อย่างแพร่หลายในเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาวขึ้นกลไกการออกฤทธิ์ของวิตามินซี นอกจากมันมีผลยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนสแล้ว ยังมีฤทธิ์ฟอกสีผิว (bleachingeffect) อีกด้วย ทำให้สีของเมลานินจางลง ผิวจึงแลดูขาวขึ้นคุณสมบัติที่สำคัญของวิตามินซี คือเป็นantioxidant ที่ดี แต่ตัวมันเองก็สามารถถูก oxidizedได้ง่ายเมื่อถูกแสง (Zhai and Maibach, 2001) หากวิตามินซีถูก oxidized ก็จะส่งผลให้ความสามารถในการยับยั้งการสร้างเมลานิน (melanin) ลดลงไปด้วย เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวจึงมีการพัฒนาอนุพันธ์ของวิตามินซีให้มีฤทธิ์เทียบเท่ากับมัน คือมีความสามารถในการทำให้ผิวขาวขึ้น สามารถแพร่ผ่านผิวหนังได้ แต่มีความคงตัวที่ดีขึ้น ซึ่งอนุพันธ์ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดคือmagnesium L-ascorbyl phosphate (MAP), mag-nesium ascorbate PCA (MAPCA), ascorbyl oleate,vitamin C glycoside และ disodium ascorbyl sulfateเมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารสำคัญทำให้ผิวขาวขึ้นชนิดต่างๆดังนี้ 1% magnesium ascorbylphosphate (MAP), 1% ascorbic acid, 3% lactic acidและ 1% kojic acid ในขณะที่ลำดับความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส (tyrosinase inhibition) เป็นดังนี้3% lactic acid สามารถลดเอนไซม์ไทโรซีเนส (tyrosinase)ได้ผลใกล้เคียงเมื่อเทียบกับ kojic acid (มากกว่า lacticacid เล็กน้อย) รองลงมาได้แก่ MAP และ ascorbic acidตามลำดับ (Zuidhoff and Rijishergen, 2001) Vitamin C สามารถให้เกิดการสร้างใหม่ของ vitamin E ในผิว วิตามินซีเป็นสาร antioxidant เหมือน vitamin E ที่สาามารถกดและจำกัดอนุมูลอิสระก่อนที่อนุมูลอิสระจะวิ่งออกไปปล่อย electrons Vitamin C ที่ก่อให้เกิการสร้างใหม่ของ vitamin E ทำให้เกิดการรักษาสภาพของเส้นใยิีลาสตินเพื่อให้เกิดความยืดหยุน

การใช้วิตามินซีให้เห็นฤทธ์ช่วยให้ขาวนั้นต้องใช้มากกว่า 5% (พูดโดยรวมนะครับ ไม่ได้อยกแต่ละอนุพันธ์ )ซึ่งหายากในผลิตภัณฑ์ทั่วๆๆไปครับ

%ที่แนะนำที่ออกฤทธืเรื่องความขาวได้อย่างเหมาะสม
L-Ascorbic Acid (Vitamin C) 10% ถึง 15%

Ascorbyl Tetraisopalmitate / Tetrahexyldecyl Ascorbate 5% ถึง 7%

Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) 3 ถึง 5% pH : 7.0-8.5

Azelaic acid

Azaleic acid (AZA) เป็น dicarboxylic acid สร้างจากยีสชื่อ Plasmodium ovale
กลไกการออกฤทธิ์
1.ยับยั้งเอนไซม์ lyrosinase ในเซลล์ melanocytes :เอนไซม์นี้ทำหน้าที่เปลี่ยน tyrosino เป็น dihydroxyphenylalanine (DOPA) และdopaquinone ตามลำดับ ซึ่งต่อมา dopaquinone จะเข้าสู่กระบวนการ auto-oxidation กลายเป็น dopachrome และ dihydroxyindole-2-carboxylic acid (DHICA) เพื่อ form เป็น eumelanin การยับยั้งเอนไซม์tyrosinase จึงทำให้ผิวขาวขึ้น
2.ยับยั้งเอนไซม์ thioredoxin reductase : เอนไซม์นี้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ DNA และmitochondrial oxidoreductase activation ทำให้มีฤทธิ์ antiproliferative และ cytotoxic ต่อเซลล์ melanocytes จึงทำให้ผิวขาวขึ้น และยับยั้งการสร้างสารอนุมูลอิสระใน neutrophils ทำให้การอักเสบลดลง
3.ทำให้กระบวนการ koratinization เป็นไปอย่างปกติ ช่วยลดการเกิด microcomedonos
4.ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ P. acnes ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว
ต้องใช้ความเข้มข้น 15- 20%ถึงจะเห็นผลเรื่องขาวครับ แต่ก็เสียงต่อการระคายเคืองครับ(5%นี้จากงานวิจัย มศว ทดสอบพบว่ากลุ่มที่ได้ความเข้มข้นเท่านี้กับไม่ได้เลย พบว่ากลุ่มที่ได้มีความขาวมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้อะไรเลย โดยมีค่า p = 0.026)

Paper mulberry

paper mulberry สามารถยับยัง tyrosinase inhibition จากการทดสอบเปรียบเทียบ paper mulberry กับ kojic และ HQ ซึ่งใช้ IC50 (เป็นค่าความเข้มข้นที่เป็นเหตุให้เกิดการยับยัง tyrosinase ได้ 50% ) ค่าที่ได้คือ 0.396%, เมื่อเปรียบเทียบกับ 5.5% สำหรับ HQ และ 10.0% สำหรับ kojic acid และจากการทด patch test โดยการใช้ 1% paper mulberry extract พบว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างมีนัยสัมคัญ

Kojic acidKojic acid

เป็นผลผลิตที่ได้จากขบวนการเมแทโบลิซึมของเชื้อรา ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการสังเคราะห์kojic acid าก Aspergillus ในปี ค.ศ. 1907Lim (1999)ได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่เป็น melasma โดยการใช้ kojicacid ในรูปแบบเจล (gel) ครึ่งหนึ่งของใบหน้าให้ทาสารตัวอย่างที่ประกอบด้วย 2% kojic acid, 10% glycolicacid และ 2% hydroquinone ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของใบหน้าให้การรักษาเช่นเดียวกัน แต่สารตัวอย่างไม่มีส่วนประกอบของ 2% kojic acid ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองทั้งหม1สัปดาห์ ผลการรักษาพบว่าผู้ป่วยทุกคนมีอาการดีขึ้นทั้ง 2 ซีกของใบหน้า แต่ซีกที่ทำการรักษาโดยมีส่วนประกอบของ kojic acid ะให้ผลในการรักษาที่ดีกว่านอกจากนี้พบว่า kojic acid มีความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระ และเป็น Iron chelator ได้ ความสำคัญของ Iron ในผิวหนัง คือมันมีส่วนร่วมในการก่อเกิดอนุมูลอิสระ (free radical) ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบาดเจ็บของผิวหนังเมื่อถูกแสง (photodamage)เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่น ความเข้มข้นที่เหมาะสมและเห็นผลคือ 1-4%

สารสกัดจาก Rumex

สารสกัดจาก rumex (rumex extract) เป็นสารสกัดจากพืช 4 ชนิด ได้แก่ Rumex occidentalis,Rumex maritimus, Rumex pseudonatronatus และRumex stenophyllus กลไกในการทำให้ผิวขาวขึ้นเกิดจากการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส การศึกษาผลของสารสกัดจากRumex โดยเปรียบเทียบกับ kojic acid, hydroquinoneและ arbutin พบว่าความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนสของสารสกัดจาก rumex มีค่าใกล้เคียงกับ kojicacid แต่มีค่าสูงกว่า hydroquinone และ arbutin ในทุกความเข้มข้น (Simonat et.al., 2002)

สารเคลือบคลุมผิว(Opaque covering agents)

สารกลุ่มนี้ทำหน้าที่เคลือบคลุมผิวจึงกลบเกลื่อนสีผิวเดิมเอาไว้ เนื่องจากคุณสมบัติเดิมของมันเป็นสารที่ทำให้ทึบแสง มีสีขาวหรือขาวหม่น (white or palepigments)จึงทำให้ใบหน้าและผิวหนังแลดูขาวขึ้น โดยทั่วไปนิยมใช้สารนี้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางรองพื้นและแป้งฝุ่นแป้งโรยตัว ในระยะหลังนิยมใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางทำให้ผิวขาว และเครื่องสำอางกันแดด เป็นต้นตัวอย่างของสารเคลือบคลุมผิว เช่น titaniumdioxide, zinc oxide, talcum, kaolin และ bismuthpigments

สารทำให้ผิวขาวที่ห้ามใช้สารที่ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อผิวขาว
ได้แก่ พวกสารประกอบปรอท และไฮโดรควิโนนสารประกอบปรอท (mercury compounds) เคยเป็นสารชนิดแรกสุดที่นำมาใช้ในเครื่องสำอางทำให้ผิวขาว แต่ปัจจุบันห้ามใช้ในเครื่องสำอางเนื่องจากสารกลุ่มนี้สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ และมีผลต่อไตทำให้เกิดไตอักเสบตัวอย่างสารประกอบปรอท ได้แก่ mercuric chlorideและ ammoniated mercury กลไกที่ทำให้ผิวขาวของสารกลุ่มนี้ โดยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส (tyrosinase in-hibitor) ทำให้มีผลยับยั้งการสร้างเมลานินไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) กลไกการออกฤทธิ์ที่ทำให้ผิวขาวของสารกลุ่มนี้ โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซีเนส (tyrosinase inhibitor) ไฮโดรควิโนนเคยเป็น whitening agent ตัวเลือกแรกๆที่ถูกเลือกใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อผิวที่ขาวขึ้นและเคยได้รับความนิยมใช้มากที่สุด แต่ปัจจุบันกลับเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เนื่องจากมีการค้นพบว่าไฮโดรควิโนนก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ใน Salmonella และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ (Curto et.al., 1999) นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวของผู้ใช้ ะทำให้ผิวหน้าเเดงและหน้าดำในที่สุด(and burning) อนึ่งการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนนั้นต้องมีความระวังอย่างมากและควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนัง เนื่องจากสารนี้ทำให้ผิวไวต่อแสงได้ แตาในปัจจุบัยพบว่าสามารถใช้ Hydroquinone ในบางประเทศ แต่ทาง อ.ย ของไทย ห้ามผสมในเครื่องสำอาง แต่ในคลินิก ถ้าอยู่ในความดูแลของแพทย์ ยังสามารถใช้ได้

Arbutin
Arbutin ปกป้องผิวด้วยการต่อต้านการทำลายผิวจากอนุมูลอิสระ Arbutin เปฌนสารกลุ่ม whitening ที่เป็นที่นิยมใน Japan และ Asian สำหรับการลดเลืแนความหมองคล้ำจากเม็ดสี โดยมันจะไปยับยังการฟอร์มเป็นเม็ดสีโดยไปบล็อคการทะงานของ Tyrosinaseนอกจากนี้ยังสามารถลดความรุ่นแรงของการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการปนเปือนจากแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังใช้รักษาผิวหนังอีกเสบจากภูมิแพ้ Arbutin เป็นสารที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ทาภายนอกซึ่งไม่ก่อให้เกิดพิษเหมือน Hydroqinone
สรุปหน้าที่เกี่ยวกับผิวเมื่อใช้ Arbutin คือ Whitening effects, anti- age effect และ UVB/ UVC filter

Glycyrrhetinic acid (licorice)

ได้นำมาใช้ในวงการcosmetic industryอย่างกว้างขวาง Licorice จะไปยับยังการทำงานของ tyrosinase ของ melanocytes โดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ นอกจากนี้หากใช้ 0.5% Licorice สามารถฟื้นฟูปัญหาเรื่องแสงแดดไหมจาก UV-B ที่ก่อให้เกิดผิสคล้ำและแดงขึ้น ที่สามารถลดรอยแดงได้เนื่องจากมันไปยับยัง superoxide anion production และcyclooxygenase ที่ทำลายผิวทำให้เกิดรอยแดงๆ(รอบจมูก หรือ ใบหน้า)

อย่าลืมนะครับไม่ว่าจะใช้ตัวสารกลุ่มใดต้องทาครีมกันแดดเสมอนะครับเพื่อลดการกระตุ้นการสั้างเมลานิน

จะลงทุนกับครีมไวท์เทนนิ่งต้องมีส่วนผสมที่มีความเข้มข้นถึงที่จะออกฤทธ์ได้(ตรงนี้เป็นปัญหาหลักว่าทำไมใช้เเล้วยังเหมือนเดิมเพราะส่วนใหญ่จะใส่มาเข้มข้นไม่พอ)และต้องเลือกครีมที่มีส่วนผสมไวท์เทนนิ่งหลายๆตัวและออกฤทธ์หลายตำแหน่งเพื่อเพิมประสิทธ์ภาพในการลดเม็ดเมลานินครับ ดังนั้นถ้าจะซื้อครีมไวท์เทนนิ่งที่แพง(ไหนๆก็จะเสียเงินเอาที่ดีไปเลยจะดีกว่าครับ)ต้องมีความรู้นิดหน่อยเพื่อที่จะซื้อตัวเหมาะสมและความเข้มข้นถึงครับ เพราะไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ก็อาจจะไม่เป็นที่พอใจ ทั้งนี้ก็อย่าลืมการตอบสนองของผิวแต่ละคนเดียวครับดังนั้นการที่ผิวขาวขึ้นในการใช้ครีมเดียวกันจึงไม่เท่ากัน

แทบจะทุกคนย่อมมีปัญหาเรื่องผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้าและกระ ซึ่งปัญหาเหล่านี้แก้ได้ง่ายๆเดียงการหลีกเลี่ยงแสงแดดโดวยทาครีมกันแดด ที่เห็นเป็นกังวลและพบบ่อยๆคงไม่พ้นปัญหาจุดด่างดำซึ่งอาจมาจากรอยสิว หรือแสงแดด(UVA)

เป้าหมายของการใช้ครีมกลุ่มนี้เป็น Active Ingredient ในปัจจุบันมี 2 ข้อ
1)เพื่อให้หน้าขาวขึ้นตามค่านิยมที่่ว่าผิวขาวนั้นจะดูดี
2)เพื่อลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ และให้ผิวสม่ำเสมอขึ้น

ความจริงที่ต้องรู้และเข้าใจที่อาจต้องทำใจคือ ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำที่ตื้นๆเท่านั้นที่ครีมเหล่านี้สามารถช่วยได้ครับ ขนาดแค่ตื้นยังหาครีมที่ใช้แล้วได้ผลยังยากเลยละครับ ซึ่งอาจจะมาจากความเข้มข้นไม่พอ และส่วนผสมที่ใช้มีเพียงหนึ่งถึงสองตัวเท่านั้น ดังนั้นการแก้ปัญหาเหล่านี้คือต้องอาศัยเวลาครับ

การเลือก whitening cream ต้องมีสารเหล่านี้หลายตัวและถ้าเป็นไปได้หาส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ทั้ง 3 จุดของการยับยังเม็ดสีเพื่อช่วยกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ แต่ความจริงเพื่อความปลอดภัยเลือกที่มีกลุ่ม 2&3 ก็มากเพียงพอครับ

Best whitening cream

1.ควรมีส่วนผสมที่ออกฤทธ์ก่อนการสร้างเม็ดสี เช่น Hydroquinone , Tretinoin

2.ส่วนผสมที่ยับยังเม็ดสีขณะสร้าง เช่น Ascorbic acid , Arbutin , Kojic acid , Embica , Azelaic acid

3.กลุ่มที่มีส่วนผสมออกฤทธ์หลังการสร้างเม็ดสี(ช่วยผลัดผิวนั้นแหละครับ) เช่น AHA , Soybean extract , Retinoic acid , Niacinamide

Grade Score
A --> Very effective whitening มีโอกาสเห็นประสิทธิภาพสูงมากเห็นผลเรื่องความขาวอย่างสังเกตุได้ครับ พิจารณาตัดเกรดระดับนี้ดังนี้
1. มีส่วนผสมครบทั้ง 3 กลุ่มและมีความเข้มข้นมากพออย่างน้อย 3 ตัวต่างกลุ่มกันครับ และมีความเข้มข้นเพียงพอครับ
2.มีความเข้มข้นเพียงพอ 4 ตัวในกลุ่มที่ 2 + 3 และมี whitening agent อย่างน้อย4 ตัวและมีอย่างน้อย 2 กลุ่มครับ
B --> Effective whitening มีประสิทธิภาพดีสามารถเห็นผลได้ พิจารณาตัดเกรดระดับนี้ดังนี้
1.มีส่วนผสมครบทั้ง 3 กลุ่ม และมีความเข้มข้นเพียงพออย่างน้อย 2 กลุ่มครับ(ตัวไหนในกลุ่มนั้นก็ได้ครับ)
2.มีความเข้มข้นเพียงพอ 3 ตัวในกลุ่มที่ 2 + 3 และมี whitening agent อย่างน้อย4 ตัวและมีอย่างน้อย 2 กลุ่มครับ
C --> Good สามาถเห็นผลได้หากใช้อย่างต่อเนื่องครับ
1.มีส่วนผสมอย่างน้อย 2 กลุ่มและมีความเข้มข้นเพียงพอทั้งสองกลุ่ม(ตัวไหนในกลุ่มนั้นก็ได้ครับ)
2.มีความเข้มข้นเพียงพอ 2 ตัวในกลุ่มที่ 2 + 3 และมี whitening agent อย่างน้อย3 ตัวและมีอย่างน้อย 2 กลุ่มครับ
D --> Average เหมาะสมเรื่องความขาวผิวจะกระจ่างใสขึ้นครับมากน้อยขึ้นกับการตอบสนองครับ
1.มีส่วนผสมที่มีความเข้มข้นเพียงพออย่างน้อย 2 ตัวอยู่ในกลุ่มไหนก็ได้ครับ
2.มีส่วนผสมเรื่องความขาว 3ตัวและมีอย่างน้อย หนึ่งตัวที่มีความเข้มข้นเพียงพอ

The Best Whitening

Dermelect Cosmeceuticals : Dermelect Beautone Enlightening Facial Brightener Serum --> 15 ml $45.00

Ingredients:
Aqua, L-Ascorbic acid (10%) , Glycolic Acid, Phyllanthus Emblica Fruit Extract, Arctostphylos Uva Ursi (Bearberry) Extract, Glycryrrhiza Glabra (Licorice) Extract, Arbutin, Xanthan Gum, Sodium Hydroxide, Aloe Barbadensis Extract, Phenoxyethanol, Sodium Hyaluronate, Iodopropynyl Butylcarbamate

Whitening Agent

Group 1 --> -
Group 2 --> L-Ascorbic acid (10%) , Phyllanthus Emblica Fruit Extract , Glycryrrhiza Glabra (Licorice) Extract , Arbutin , Arctostaphylos Uva Ursi (Bearberry) Extract Leaf
Group 3 --> Glycolic

% (ความเข้มข้นที่เพียงพอของการออกฤทธ์)--> L-Ascorbic acid (10%) , Glycolic , Phyllanthus Emblica Fruit Extract , Glycryrrhiza Glabra (Licorice) Extract , Arbutin

Grade of Whitening --> A because มีความเข้มข้นเพียงพอ 4 ตัวในกลุ่มที่ 2 + 3 และมี whitening agent อย่างน้อย4 ตัวและมีอย่างน้อย 2 กลุ่มครับ

ตัวนี้นับว่าเป็นครีม Whitening ที่มีคุณภาพมากทีเดียวละครับ ในเรื่องความขาวแต่หากคุณเป็นคนที่ผิวพื้นฐานคล้ำมาก่อนอยู่แล้วแล้วจะให้ขาวเหมือนคนจีนเลยไม่มีทางครับ แต่ตัวนี้สามารถจะทำให้ผิวคุณดูขาวและใสขึ้นในเวลาเดียวกัน นับว่าเป็นครีมที่เป็น Whitening จริงๆครับเพราะมีส่วนผสมที่เข้มข้นเพียงพอถึงหลายตัวครับและแต่ละตัวออกฤทธ์หลายตำแหน่งเช่นกันครับจึงนับว่าเหมาะมากทีเดียว แต่ตัวนี้ใช้วิตามินซี ในรูป L-Ascorbic acid ซึ่งมีโอกาสเสือมสลายง่ายส่วนใหญ่แล้วถ้าจะใช้รูปนี้ต้องรีบใช้ให้หมดครับไม่เช่นนั้นมันจะเริ่ม oxidizing ได้ครับ โดยทั่วไปแล้วมักจะทำให้เสถียรโดยใส่กลุ่มของ ethanol หรือ Ferulic Acid ตัวนี้ก็ได้ใช้ ethanol มาด้วยแต่แม้จะใส่ก็ยังเกิดการเสือมได้เช่นกันครับ จึงไม่แปลกใจว่าเค้าถึงทำออกมาแค่ 15 ml เพื่อให้ใช้ให้หมดก่อนที่ L-Ascorbic acid จะเสือมหมดครับ นอกจากนี้ยังได้ความใสจากการ exfoliate ผิวจากกลุ่ม L-Ascorbic acid (10%ความเข้มขนขนาดนี้สามารถสร้างคอลลาเจน ป้องกันริ้วรอยได้อีกด้วยละครับ) และ Glycolic ขอติเล็กน้อยว่าน่าจะใส่สารต้านการระคายเคืองมาให้ด้วยก็จะดีมากเผื่ิอคนผิวบอบบางและแพ้ง่ายอยากใช้บ้างครับ ถ้าใครจะใช้ตัวนี้หมอแนะนำให้ใช้ Cream / Toner ที่เน้น moisturizer มากหน่อยนะครับไม่งั้นผิวจะขาดความชุ้มชื้นได้ครับ และส่วนผสมที่ต้องหาเพิ่มเติมก็คือกลุ่ม anti-oxidant ครับ หมอแนะว่าเก็บในที่แห้งหรือเย็น ไม่ควรใส่ในช่องแช่เเข็งนะครับ

เพื่อนหมอที่เป็นคนมาเลที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับหมอที่เมกาเคยซื้อครับ บอกว่าไม่ผิดหวังผิวจะดูขาวขึ้นในระดับที่พอใจ เพื่อนหมอหลายคนในไทยทดลองสั่งมาใช้ทั้งหมดบอกว่าผิวขาวขึ้นครับแต่ก็เหมือนที่หมอบอกคงไม่ได้ขาวจั๊วะเหมือนคนจีนหรอกแต่ก็เป็นที่พอใจสำหรับผิวสองสีเรานะครับ ไม่แปลกส่วนผสมนับว่าหาตัวเทียบยากครับ

ในความคิดส่วนตัวหมอนะ หมอว่าถ้าตัวนี้ใช้แล้วไม่ขาวขึ้นก็ทำใจเถอะครับเกี่ยวกับ whitening products(เพราะส่วนผสมตัวนี้ดีที่สุดที่หมอดูส่วนผสมครีมกลุ่มwhitening ) เว้นแต่คุณไปใช้ส่วนผสมที่ฟอกสีผิว Hydroqinone ซึ่งอาจจะทำให้ผิวดำได้หลังจากหยุดใช้และเสี่ยงการระคายเคืองมากกว่าด้วยครับ ดังนั้นหากจะซื้อครีมกลุ่ม whitening แพงๆตัวนี้นับว่าเหมาะที่เดียวและคุ้มค่าที่พอจะจ่ายเงินไปนะครับ

สำหรับคนที่ใช้ตัวนี้หมอแนะนำ Regimen เพื่อแก้ไขเรื่องความชุ่มชื้นนะครับเพื่อผิวจะได้กระจ่างใสขาวและมีสุขภาพดี

Cleanser --> Toner ( Moisturizer) --> Dermelect Beautone Enlightening Facial Brightener Serum --> Moisturizer + Anti-oxidant cream(Dry skin) , Lotion ( normal to oily skin) --> Sunscreen(สำคัฯมากครับไม่งั้นเดี๋ยวจะดำเหมือนเดิม)

สำหรับคนเป็นสิวหมอแนะนำให้ใช้ต่างเวลากับยาทาสิวกลุ่ม Retin-A ,Differin

เหมาะกับใคร --> ปัญหาฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยดำจากสิว มีปัญหาริ้วรอย

center>Dermelect Cosmeceuticals : Dermelect Self Esteem Beauty Sleep Serum

Ingredients:
Aqua(0 0), Butylene Glycol(1 0), L-Ascorbic Acid(0 0), Glycolic Acid Hydroxyethyl Cellulose(0 0), Alcohol(1 1) , Salicylic(0 1), Aloe Barbadensis Extract(0 0), Arginine(0 0), Sodium Hydroxide(N 1), Phenoxyethanol(N 2), Vitis Vinifera (Grape Seed Extract)(N N), Echinacea Purpurea (Coneflower Extract)(N N), Sodium Hyaluronate (Hyaluronic Acid)(0 0), Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Extract(0 0), Allantoin(0 0), Iodopropynyl (N N)

ปล.ในวงเล็บตัวแรกเป็นระดับที่ก่อให้เกิดสิวครับ ส่วนตัวเลขข้างหลังเป็นระดับความละคายเคืองครับ มีตั่งแต่ระดับ 0-5 (รายละเอียดดูที่อายครีมล่างข้างครับ)

Comedogenicity = 2 + 5N(5*0.5) = 4.5 --> Grade A คนเป็นสิวก็ใช้ได้สบายเลยครับ อีกทั้งไม่มีส่วนผสมใดที่มีเกิน 3 ขึ้นไป ดังนั้นโอกาสเกิดสิวต่ำและคนที่หน้ามันที่เป็นสิวง่ายก็ใช้ได้สบายคับ
Irritancy = 5 + 5N(+3) = 8 -->Grade B ผิวบอบบางใช้ได้ครับ

Whitening Agent

Group 1 --> -
Group 2 --> L-Ascorbic acid
Group 3 --> Glycolic (+ Salicylic )

% (ความเข้มข้นที่เพียงพอของการออกฤทธ์)--> L-Ascorbic acid , Glycolic

Grade of Whitening --> C

Younger skin&whiteninf effect --> L-Ascorbic Acid(ใสส่วนผสมที่ช่วยให้วิตามินซี เสถียร) + Glycolic Acid + Salicylic

Moisturizer --> Aloe Barbadensis Extract + Hyaluronate (Hyaluronic Acid) + Butylene Glycol ด้านความชุมชื้นไม่มีปัญหาครับเพียงแต่ขาดกลุ่มของ emollient ซึ่งคนผิวมันก็ยิ้มเลยครับเรื่องผิวแห้งสบายใจได้ครับเพราะมีส่วนผสมทรงคุณค่าอย่างHyaluronateมาแล้วครับ

Anti-aging --> L-Ascorbic Acid + Hyaluronate (Hyaluronic Acid) ช่วยเรื่องความแข็งแรงของโครงสร้างผิวและริ้วรอยโดยการเติมเต็มจากHyaluronateและการสร้างคอลลาเจนจาก L-Ascorbic Acid

Anti-inflammation&irritation --> Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Extract + Allantoin + Coneflower Extract อันนี้เพื่อลดการอักเสบของผิวและต้านการระคายเคืองคนผิวบอบบางก็ยิ้่มสิครับ

Anti-oxidant --> Grape Seed Extract + L-Ascorbic Acid แค่นี้ก็เกินพอครับกับการต้านอนุมูลอิสระ

เหมาะกับคนที่เป็นสิวอุดตันเนื่องจากมี Salicylic ที่ช่วยผลัดผิวและช่วยเรื่องสิวอุดตัน นอกจากนี้ยังมี Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Extract ที่สามารถช่วยทำความสะอาดและกระชับรูขุมขน( Astringent agent )

หมอว่าตัวนี้เหมาะกับคนที่ต้องการช่วยเรื่องผิวที่หลากหลายกว่าเรื่องที่เน้นขาวครับเหมาะกับคนที่ผิวหมองคล้ำและมีสิวอุดตัน และเหมาะกับคนที่ผิวบอบบางดังนั้นคนผิวที่บอบบางเลือกตัวนี้น่าจะเหมาะกว่าครับ แม้ส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความขาวจะไม่เท่าตัว Dermelect Beautone Enlightening Facial Brightener แต่ส่วนผสมอื่นที่มาทดแทนก็ไม่น้อยเลยครับมนด้านต่างๆๆ

เหมาะกับใคร ผิวหมองคล่ำเล็กน้อย และมีปัญหาสิวอุดตัน มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ(ไม่มาก)และ มีปัญหาริ้วรอย

EmerginC Spot Lightening Gel 0.5 oz 48$

Ingredients:
Water (Aqua), Butylene Glycol, Lactic Acid, Glycolic Acid, Camellia Oleifera (Green Tea) Leaf Extract, Pinus Pinaster (Pinebark) Extract, Chamomilla Reticutica (Chamomile) Flower Extract, Arctostaphylos Uva Ursi (Bearberry) Extract Leaf, Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C), Ascorbic Acid (Vitamin C), Malic Acid, Citric Acid Tartaric Acid, Vitis Vinifera (Grape) Seed Extract, Arbutin, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Extract, Sodium Hyaluronate, Allantoin, PEG-8 Dimethicone, Hydroxyethylcellulose, Ammonium Lactate

Whitening agent

Group 1 --> -
Group 2 --> Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C), Ascorbic Acid (Vitamin C),Arbutin, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Extract , Arctostaphylos Uva Ursi (Bearberry) Extract Leaf
Group 3 --> AHA

% (ความเข้มข้นที่เพียงพอของการออกฤทธ์)--> AHA + Sodium Ascorbyl Phosphate(+ -) + Arctostaphylos Uva Ursi (Bearberry) Extract Leaf + Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Extract(+ -)

Grade of Whitening --> B มีความเข้มข้นเพียงพอ 3 ตัวในกลุ่มที่ 2 + 3 และมี whitening agent อย่างน้อย4 ตัวและมีอย่างน้อย 2 กลุ่มครับ

ตัวนี้เด่นที่สาร anti-oxidant + whitening มากจริงๆครับ พร้อมใส่ Chamomile มาให้เพื่อลดการระคายเคืองกับผิว ส่วนผสมกลุ่ม whitening มีมากถึง 6 ตัวและออกฤทธ์ สอง ตำแหน่งในการยับยังเม็ดสี เนื่องการลดเม็ดสีนั้นหรือความขาวนั้นนับว่าดีทีเดียว ด้านส่วนผสม anti-oxidant ก็มีพอสมควรทั้งยังมีสารต้านการระคายเคืองอย่าง Allantoin และ Chamomile แต่อาจจะต้องใช้กลุ่ม moisturizer เพิ่มอีกนิดหน่อยก็ดีเลยละครับ

เหมาะกับใคร --> ปัญหาฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยดำจากสิว

New ! Super Antioxidant Concentrate Serum Paula's choice

Ingredient:
Cyclopentasiloxane, Dimethicone (silicone slip agents/suspending agents), Tetrahexyldecyl Ascorbate (stabilized vitamin C/antioxidant), Palmitoyl Tripeptide-5 (cell-communicating ingredient), Tocotrienols, Tocopherol (vitamin E/antioxidants), Ubiquinone (coenzyme Q10/antioxidant), Alpha Lipoic Acid (antioxidant), Tocopheryl Acetate (vitamin E/antioxidant), Magnesium Ascorbyl Phosphate (stabilized vitamin C/antioxidant), Ferulic Acid, Caffeic Acid (antioxidants), Beta-Glucan (anti-irritant), Saccharomyces/Selenium Ferment (skin-conditioning agent/antioxidant), Superoxide Dismutase (antioxidant), Epigallocatechin Gallate (green tea-derived antioxidant), Ergothioneine (mushroom-derived antioxidant), Glutathione (fruit-derived antioxidant), Xanthophyll (antioxidant pigment), Glycine Soja (Soybean) Seed Extract (antioxidant), Ceramide 3 (skin-identical ingredient), Arctostaphylos Uva Ursi Leaf Extract (anti-inflammatory agent), Lupinus Albus Seed Extract, Curcuma Longa (Turmeric) Root Extract (antioxidants), Elaeis Guineensis (Palm) Oil (emollient), Phenoxyethanol, Caprylyl Glycol (preservatives), Ethylhexylglycerin, Hexylene Glycol (slip agents).

Whitening Agent

Group 1 --> -
Group 2 --> Tetrahexyldecyl Ascorbate , Magnesium Ascorbyl Phosphate , Arctostaphylos Uva Ursi Leaf Extract
Group 3 --> Glycine Soja (Soybean) Seed Extract , Ferulic Acid

% (ความเข้มข้นที่เพียงพอของการออกฤทธ์)--> Tetrahexyldecyl Ascorbate

Analysis --> ตัวนี้นับว่าดีที่สุดในเรื่องส่วนผสมที่มีสาร Anti-oxidant มากทีเดียว เพราะค่อนข้างจะหางากครับส่วนผสมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายและมีคุณภาพขนาดนี้ ผลเรื่องความขาวนั้นคงหวังแต่ส่วนผสม Tetrahexyldecyl Ascorbate ร่วมกับ Magnesium Ascorbyl Phosphate ร่วมกับ Glycine Soja (Soybean) Seed Extract (อาจจะเข้มข้นไม่ถึงที่จะช่วยเรื่องความขาว) สำหรับคนที่หวังว่าจะซื้อตัวนี้มาใช้เเล้วจะขาวขึ้นเปลี่ยนระดับอาจจะต้องทำใจหน่อยเพราะสิ่งที่ใช้แน่ๆๆคือผิวจะใสและเนียนขึ้นครับ แต่เรื่องความขาวอาจต้องใช้เวลาครับ ตัวนี้คนผิวที่บอบบางก็สามารถใช้ได้ครับเนื่องจากมี Ceramide 3 ที่เสริมความแข้งแรงให้ผิวครับ

เหมาะกับใคร --> คนที่ต้องการป้องกันริ้วรอยและลดริ้วรอยแรกเริ่มครับ หรือ สำหรับคนที่ต้องการให้ผิวกระจ่างใสเรียบเนียน เป็นไปได้ทุกวัยตั้งแต่ 20 ขึ้นไปซื้อมาทาเป็นพื้นไว้จะดีมากเลยทีเดียวครับ

Grade of Whitening --> C มีความเข้มข้นเพียงพอ 2 ตัวในกลุ่มที่ 2 + 3 และมี whitening agent อย่างน้อย3 ตัวและมีอย่างน้อย 2 กลุ่มครับ

ที่ให้เกรดนี้เรื่องความขาวนะครับ แต่หากให้เรื่องแอนตี้ออกซิแดนคะแนนสูงแน่นอนครับตัวนี้

เพิ่มเติม

แถมให้ครับเกี่ยวกับบทบาทของ Vitamin C ester ตัวนี้ครับTetrahexyldecyl Ascorbate

ความเข้มข้นที่แแนะนำและเหมาะสม 5% ถึง 7% จะสามารถ

anti-acne
antioxidant
สร้าง collagen
lightening & brightening
ลด fine lines และ wrinkles
ซ่อมแซมผิวจากการโดนแสงแดดทำลาย

ต่างจาก absorbic acid คือมันไมาสามารถ exfoliateซึ่งเป็นสามารถให้เกิดการระคายเคืองได้ครับ

Anti-aging --> Palmitoyl Tripeptide-5 + Ubiquinone(Q10) + Alpha Lipoic Acid + Tetrahexyldecyl Ascorbate ฤทธ์ด้านต้านริ้วรอยก็นับว่าเป็นที่น่าพอใจททีเดียวละครับ โดยเฉพาะส่วนผสมของ Palmitoyl Tripeptide-5 ที่กล้าใส่มาอันดับต้นๆ ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ Pal KTTKS หรือ Palmitoyl Oligopeptide-3 โดยการไปสร้างคอลลาเจนให้หนาเพื่อชดเชยกับริ้วรอยที่เป็นร่องครับ ทั้งยังมีวิตามินซีและQ10ที่ยังคอยช่วยสร้างคอลลาเจนและมีAlpha Lipoic Acidที่ช่วยต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยและรอยแดงจากการทำลายผิวจากสารอนุมูลอิสระอีกด้วยครับ

Anti-oxidant --> Ubiquinone(Q10) + Alpha Lipoic Acid + Tetrahexyldecyl Ascorbate + Tocotrienols + Tocopheryl Acetate + Magnesium Ascorbyl Phosphate + Tocopherol + Caffeic Acid + Epigallocatechin Gallate + Glycine Soja (Soybean) Seed Extract + Xanthophyll --> ส่วนผสมด้านนี้ไม่ต้องพูดครับปริมาณมากสมกับที่บอกไว้แล้วมีสารต้ารที่ทรงคุณภาพอย่าง Alpha Lipoic Acid ร่วมกับฟื้นฟูผิว ด้วยส่วนผสมGlycine Soja (Soybean) Seed Extract วัย 20 + ควรหามาทาอย่างยิ่งวก่อนทาครีมตามวัยครับ

Moisturizer --> พบว่ามีน้อย นับว่าเป้นจุดเสียอย่างเดียวของตัวนี้ครับแต่อย่าลืมว่าเราต้องทาครีมอยู่แล้วก็เน้นไปช่วยเรื่องนี้หน่อยละกันครับ

นับว่าทุกวัยควรที่จะนำมาจัดเป็นตัวหนึ่งใน Regimen ของคุณแม้กระทั้งผิวแพ้ง่ายเพราะมีส่วนผสม Beta-Glucan และ Ceramide-3 ที่เสริมผิวให้แข็งแรงและป้องกันผิวอักเสบ

DIY C+E+Ferulic serum

ingredient :

Water , Ethoxydiglycol (solvent, penetration enhancer) , L-ascorbic Acid 15% , Propylene Glycol (solvent for Ferulic acid สามารถใช้กลุ่ม Ethanol ได้) , Glycerin (solvent, humectant) , Laureth-23 (nonionic surfactant, emulsifier) , Alpha Tocopherol 1% , Phenoxyethanol (bactericide) , Triethanolamine (pH balancer) , Ferulic Acid 0.5% ( ช่วยให้ L-Ascorbic Acid เสถียร) , Panthenol (humectant, emollient, moisturizer) , Sodium Hyaluronate (humectant) , Idebenone, CoQ10, ascorbyl tetraisopalmitate, centela asiatica

Group 1 --> -
Group 2 --> 15% L-ascorbic acid , ascorbyl tetraisopalmitate
Group 3 --> 0.5%ferulic acid

% (ความเข้มข้นที่เพียงพอของการออกฤทธ์)--> 15% L-ascorbic acid + 0.5%ferulic acid

Grade of Whitening --> D

แก้ไขความไม่เสถียรของ L-Ascorbic acid โดยใช้ ferulic acid และความเข้มข้นทั้งสองตัวก็เพียงพอช่วงเรื่องความขาวกระจ่างใส นอกจากนี้ที่น่าสนใจจากความขาวคือยังใส่ Alpha Tocopherol 1% ซึ่งจะเปรียบแล้วก็เหมือนการผสมระหว่าง tocopherols และ tocotrienols ซึ่งสามารรถช่วยเรื่องความเรียบเนียนให้ผิวและช่วยเรื่องรอยแผลเป็นที่ไม่รุ่นแรงมาก ด้านความชุ่มชื้นก็ใส่ Propylene Glycol , Glycerin และ Sodium Hyaluronate นับว่าเหมาะเลยกับคนที่ผิวธรรมดาถึงมันผิวแห้งอาจจะยังต้องหาเพิ่มเติ่มอีกนิดหน่อยคับ ครีมตัวนี้จัดว่าเป็น Whitening + Anti-oxidant ที่ดีเลยครับ สารแอนตี้ออกซีเดนซ์ที่น่าสนใจมากคือIdebenone ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Co-enzyme Q10 ทั้งวิตามินซีเข้มข้นขนาดนี้สามารถช่วยให้สร้างคอลลาเจนได้ครับจึงช่วยริ้วรอยเป็นของแถมอีกด้วย แต่สารด้านความขาวอาจจะไม่หลากหลายเท่าไหรแต่ถ้าเอาผลเรื่องอื่นเช่นความชุ่มชื้น ความเรียบเนียนของผิวและลดรอยด่างดำจากสิวหรือตามวัย ก็นับว่าเหมาะแต่ราคาแพงมากทีเดียวครับ หากเทียบราคาแล้วหมอว่ายังแพงมากมายครับ

เหมาะกับใคร --> ปัญหาฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยดำจากสิว ปัญหาผิวไม่เรียบ ริ้วรอยแรกเริ่ม

ZYMOGEN DUAL ACTIVE C SERUM 15 ml * 2 tube อันนี้ราคาแพงครับแต่ขอแทรกเพราะมีคนถามมาเยอะมากเลยรีวิวแทรกเลยครับ

INGREDIENTS Water, Butylene Glycol, Beta-Glucan, Arbutin, Ascorbyl Glucoside, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Leuconostoc/Radish Root, Ferment Filtrate, Vitis Vinifera (Grape) Fruit Extract, Alcohol, Magnolia Biondii, Bark Extract, Sodium Lactate, Chamomilla Recutita, Flower/Leaf Extract, Anthemis Nobilis Flower Extract, Thujopsis Dolabrata Branch Extract, Camellia Sinensis Leaf Extract, Bis-PEG-18, Methyl Ether Dimethyl Si-Lane, Amyloglucosidase, PEG-60 Hydrogentaed, Castor Oil, Scutellaria Bai-calensis Root Extract, Citrus, Grandis (Grape Fruit) Fruit Extract, Salix Alba (Willow) Bark Extract, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, Phenoxyethanol, Propolis Extract, Caprylyl Glycol, Xanthan Gum, Allantoin, PPG-1-PEG-9 Lauryl Glycol Eter, Pinus Pinaster, Bark/Bud Extract, Adenosine, Panthenol, Coceth-7, Lactic Acid, Copper Tripeptide-1, Niacianmide , Citrus, Aurantium Dulcis (Orange) Peel Oil, Disodium EDTA, Retinyl Palmitate

ดูราคาและส่วนผสมแล้วนับว่าเป็นซีรัมที่เหมาะสมกับราคาเลยทีเดียวครับ เพราะส่วนผสมสมชื่อกับที่ชื่อว่า whitening serum ได้อย่างเต็มตัว นับว่าเป็นแบรนหนึ่งที่หมอว่าดีกว่าเคาร์เนอร์หลายแบรนที่ราคาหลายพันแน่นอนครับ ใครที่กำลังหาซีรัมที่ช่วยเรื่องขาวตัวนี้นับว่าให้ได้ในระดับที่ครีมหลายๆๆตัวทำไม่ได้ครับ

จากส่วนผสมมี Slip agent อันดับต้นๆเลยดังนั้นเรื่องความเหนียวเหนาะไม่น่าจะมีครับ

เริ่มจากส่วนผสมที่เป็น whitening ที่มาอันดับต้นและเข้มข้นเพียงพออย่าง Arbutin, Ascorbyl Glucoside, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract ที่อยู่ในลำดับต้นๆเลยนับว่าเยี่ยมทีเดียวครับ ที่น่าสนใจเนื่องจากมี Beta-Glucan ที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกับให้ผิวครับเพื่อให้ผิวรับมือต่อสภาวะภายนอกได้ดีขึ้นครับและใส่มาเข้มข้นมากเพียงพอเลยทีเดียว อีกทั้งยังใส่สารต้านการระคายเคืองอย่าง Chamomilla Recutita และ Allantoin ส่วนผสมด้านความชุ่มชื้นนั้นตัวนี้อาจจะไม่พอในคนที่ผิวแห้งมากครับ แต่สำหรับความผิวทั่วๆไปถึงผิวมันไม่น่าเป็นกังวลครับ อีกทั้งยังมีสารสกัดจากธรรมชาติหลายตัวที่เป็นทั้งอาหารผิวและบางตัวอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรผิว(แต่มีบางรายงานบางแห่งพบว่าช่วย) ส่วนผสมต้านอนุมูลอิสระก็มีให้มาพอตัวเช่นเดียวกันครับ ส่วน Adenosine และ Retinyl Palmitate ใส่มาปริมาณไม่มากเท่าไหรเรื่องช่วยริ้วรอยอาจจะหวังยากอยู่ครับ เช่นเดียวกับหวังความขาวจาก Niacianmide ที่ใส่มาน้อยเกินไปครับ ที่น่าสนใจคือใส่ส่วนผสมที่เป็น Copper Tripeptide-1 มาเพื่อช่วยเรื่องปรับผิวให้เรียบเนียนร่วมกับช่วยบรรเทาเรื่องแผลเป็นขนาดเล็กๆๆแต่ก็ใส่มาน้อยเกินไปอีกเช่นกันครับ จึงหวังผลด้านนี้ไม่ได้

ควรระวังน้ำหอมและแอลกอฮฮร์หน่อยครับ สำหรับคนที่ผิวแห้ง่าย

สรุปมันเป็นครีม Whitening จริงๆๆครับ

Grade of Whitening --> B+

ROJUKISS Pure Vita C Dual Mix

ส่วนผสมบอกได้คำเดียวว่าเยียมมากถึงมากที่สุดทีเดียว ตัวนี้แบ่งเก็บผลิตภัณฑ์เป็น 2 หลอดคือ Romeo และ Juliet แล้วนำมาผสมกันครับมาดูส่วนผสมของแต่ละหลอดกัน

UPDATE INGREDIENT 13/06/2552

[Pure Vita C Dual Mix-Romeo]
Ascorbic acid, Cyclomethicone, Dimethicone, C30-45 Olefin Phenyl Methicone, Ethylhexyl Hydroxystearate, Stearoxytrimethylsilane, Petrolatum , Solanum Lycopersicum(Tomato)Fruit Extract , Tocopheryl Acetate , Retinyl Palmitate , Orange Oil , Ubiquinone , Citrus Aurantium Dulcis(Orange) Peel Oil

จะสังเกตุว่าไม่มีส่วนผสมน้ำเลยแต่กลับเป็น ซิลิโคน แทนซึ่งป้องกันการเสือมของวิตามินซี จุดนี้เองทำให้สอบผ่านอย่างไม่ต้องสงสัยว่าตุณจะได้วิตามินซีที่มีคุณภาพเป็นอย่างแน่นอน นอกจากนี้มีส่วนผสมที่เด็ดๆๆอย่างSolanum Lycopersicum(Tomato)Fruit Extract ที่มีบางรายงานว่าช่วยให้ผิวใสขึ้นครับ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง Tocopheryl Acetate(วิตามิน อี) , Retinyl Palmitate(วิตามิน เอ) และที่น่ามองคือ Ubiquinone ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยเรื่องริวรอย ส่วนผสมหลอดนี้ นับว่าโอเคมากเลยทีเดียวละคร้าบ

[Pure Vita C Dual Mix-Juliet]
Aqua, Alcohol, Beta-glucan, Dipropylene Glycol, Glycerin , Sodium Acylate/Sodium Acyloyldimethyl Taurate Copolymer and Polysorbate 80 ,Sodium Hyaluronate ,ตั่วแต่ส่วนผสมถัดจากนี้น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1% หมอครับ ส่วนผสมมีดังต่อไปนี้เลย Disodium EDTA , Adenosine , Allantoin , Niacinamide , Panthenol , Collagen , Copper Tripeptide-1 , PEG 60 Hydrogenated caster oil , Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Peel Oil, Butylene Gylcol , Cinnamomum Zeylanicum Bark Extract , Prunus Persica(Peach) Kernel Extract, Phellodendron Amurense Bari Extract , Lonicera Japonica(Honeysuckle) Leaf Extract, Sanguisorba Officinalis Root Extract

ส่วนผสมฝังนี้ล่อหูล่อตาในระดับดีทีเดียว สำหรับคนที่เห็นแอลกอฮอร์แล้วกลัวหมอว่าถ้าไม่ได้ผิวแห้งก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับหรือถ้าผิวแห้งแต่อยากใช้ก็หาครีมที่ให้ผิวหน้าชุ่มชื้นทาอีกครังเพื่อชดเชย เพราะสิ่งที่จะได้จากตัวนี้มากมายเพียงแค่จะมองที่แอลกอฮอร์ เพราะส่วนผสมที่ลำดับมาน่าสนในทีเดียว โดยเฉพาะส่วนผสมต้านผิวอักเสบอย่าง Beta-glucan พร้อมทั้งสารต้านการระคายเคืองอย่าง Allantoin พร้อมส่วนผสมที่ช่วยเรื่องคอลลาเจนอย่าง Collagen, Copper Tripeptide-1(มีรายงานบางฉบับทดสอบพบว่าช่วยรอยแผยเป็นได้ระดับเล็กน้อย ตัวนี้คงไม่ได้หวังเรื่องริ้วรอยแต่หวังเรื่องการสื่อสารการทำงานของเซลล์)พร้อมทั้งส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อผิวอย่าง Adenosine, Sodium Hyaluronate , Niacinamide(อยู่หลังSodium Hyaluronate คงน้อยกว่า 1% ) นอกจากนี้ยังมี panthenol หรือ (Pro-vitamin B5, Pantothenic acid): มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมุลอิสระ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและแดงจากการแพ้แดด ช่วยลดการลอกเป็นขุยของผิวหนังโดยควบคุมสมดุลของการหลั่ง sebum ไม่ให้หลั่งลดลงในบริเวณที่ผิวแห้งลอกเป็นขุย ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ของผิวหนังจากชั้นผิวลึกทำให้แผลหายเร็ว ออกฤทธิ์เสริมกับวิตามินอีได้ดี แถมหากเมื่อผสมกันแล้วในอีกหลอดมีวิตามิน อี จึงเสริมกันทำงานเป็นอย่างแน่นอนเลยละครับ

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่มีงานวิจัยไม่มากอย่าง เช่น cinnamomum zeylanicum extract ที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ครับ ( อันนี้หมอก็เพิ่งรู้เช่นกัน แต่วิธีการวิจัยเค้าก็น่าเชื่อถือนะครับ ซึ่งต้องรอดูต่อไปครับ ส่วนเรื่องการเกิดระคายเคือง ไม่มีรายงานครับ สมมุตว่ามันมีบ้างซึ่งไม่รู้จริงหรือไม่ ก็มีส่วนผสมต้านการระคายเคืองมาให้อยู่แล้วครับ จึงอุนใจได้อีกเช่นกัน) ส่วน Prunus Persica(Peach) Kernel Extract ไม่เห็นว่ามีประโยชน์เท่าที่ดูรายงาน ส่วนAmurense Bark Extract ที่อ้างว่า ให้ความชุ่มชื่นผิว ฟังดูมีเหตุผลแต่เรื่องให้ผิวเนียนกระชับ แต่งตึง อันนี้ไม่มีรายงานครับ

เรื่องความชุมชื้นตัวนี้ก็มีพอตัวเลยละครับ ไม่ต้องห่วงแต่ถ้าผิวแห้งมากๆอาจจะต้องทา moisturizer เพิ่มเติมนะครับ

MD Skincare : Hydra-Pure Vitamin C Serum

Ingredients :
Cyclopentasiloxane, Cyclomethicone, Ascorbic Acid, Dimethicone Crosspolymer, Peg/Ppg-18/18 Dimethicone, Squalane, Sodium Ascorbyl Phosphate, Ascorbyl Palmitate, Quercetin Caprylate, Tocopheryl Acetate, Linoleic Acid, Sodium Chondroitin Sulfate, Sodium Hyaluronate, Salicylic Acid, Lactic Acid, Palmitoyl Oligopeptide, Pueraria Lobata Root Extract, Salix Nigra (Willow) Bark Extract, Acrylates/Carbamate Copolymer, Butylene Glycol, Panthenol, Pentasodium Pentetate, Phytic Acid, Potassium Citrate, Potassium Gluconate, Tetrasodium Edta, Purified Water, Phenoxyethanol

Group 1 --> -
Group 2 --> Ascorbic Acid + Ascorbyl Phosphate + Ascorbyl Palmitate
Group 3 -->

Grade of Whitening --> D +

เริ่มที่ส่วนผสมที่เป็นจุดขายคือ Vitamin C --> Ascorbic Acid + Ascorbyl Phosphate + Ascorbyl Palmitate + Lactic acid( Adjust pH ) ตัวหลักที่ช่วยเรื่องความกระจ่างใสและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตัวหลักคงเป็น Ascorbic Acid ขณะที่ Ascorbyl Phosphate + Ascorbyl Palmitate ช่วยเรื่องความกระจ่างใสแต่คงไม่ได้หวังการสร้างคอลลาเจนเท่ากับAscorbic Acidโดยเฉพาะ Ascorbyl Palmitate

ยังใส่ Linoleic Acid และ Tocopheryl Acetate และ Ascorbyl Palmitate ในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ เรื่องความชุ่มชื้นก็ใส่ตัวที่ทรงคุณภาพมาคือ Sodium Hyaluronate ร่วมกับ Salicylic Acid(ความเข้มข้นกลางๆครับ มีฤทธ์ทำความสะอาดน้ำมันบนผิวได้ครับ และในความเข้มข้นกลางยังเป็น conditioner ให้กับผิวด้วยครับ)

ตัวนี้มีใส่ Palmitoyl Oligopeptide ที่มีคุณสมบัติดาบสองคมดังนี้ คือถ้าความเข้มข้นมากพอก็จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและหากความเข้มข้นไม่พอก็จะสามารถไปกระตุ้นการสร้าง hyaluronic acid ในผิวชั้นลึก(โครงสร้างผิวก็ตึงได้เหมือนเดิมละครับ ตามโฆษณาของ Eucerin )

เหมาะกับใคร --> ปัญหาฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยดำจากสิว

ปล.ผลลัพธ์เรื่องความขาวนี้ขึ้นกับคนในแต่ละคนครับเพราะผิวเราตอบสนองได้ไม่เท่ากันครับ แต่แม้จะขาวขึ้นแต่ก้ไม่ได้ขาวมากถึงไปเทียบคนที่ขาวมาตั่งแต่เกิดหรือฝังตะวันตกได้หรอกครับ แต่จะขาวขึ้นในระดับที่เป็นสีผิวธรรมชาติเราเท่านั้นละครับ

Create Date : 01 สิงหาคม 2552

Last Update : 23 สิงหาคม 2552 5:00:27 น.

0 comments

Counter : 1930 Pageviews.