มหัศจรรย์พลังสุขภาพ กาย จิต สมอง

 
กันยายน 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
13 กันยายน 2557
 

มหัศจรรย์ กระแสไฟฟ้าในสมอง

 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมันสมอง 6 ข้อ  ซึ่งจะช่วยให้ท่านเข้าใจมันสมองของวิเศษในตัวท่าน

1.  มันสมองเหนื่อยหรือเพลียกับใครไม่เป็น

          คนที่ทำงานใช้ความคิดติดต่อกันนานๆจะรู้สึกมึนงง เพลียทำงานช้าลง  เข้าใจเอาเองว่าใช้สมองมากจนสมองเพลีย  จึงต้องหยุดพักสมอง  เมื่อได้พักแล้วก็รู้สึกแจ่มใส ทำงานได้ดีขึ้น  พวกนักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเรื่องนี้พบว่าไม่จริง  สมองเพลียกับใครไม่เป็นเพราะสมองไม่เหมือนกล้ามเนื้อ  ไม่ได้ทำงานอย่างกล้ามเนื้อพลังของสมองเกิดจากไฟฟ้าเคมี (Electrochemical) ในสมอง   มันจึงไม่เพลีย เช่นเดียวกับเราเปิดไฟห้าสิบแรงเทียนเปิดไว้นานเท่าใดมันก็สว่างอยู่เท่านั้น   ถ้ามันจะดับก็ดับไปเลย อาการที่ใกล้กับความเพลียของสมองก็คือความเบื่อ   อย่างเช่นเวลาท่องตำรายากๆ สักเล่มหนึ่ง   พอดึกเข้าสักหน่อยใจหนึ่งอยากอ่านต่อไป   อีกใจหนึ่งอยากนอน เช่นนี้ทำให้ท่านหมดความตั้งใจที่จะอ่าน   ดังนี้พอจะพูดได้ว่าสมองเพลียคือหมายความว่าท่านหย่อนความตั้งใจที่จะทำงาน   และไม่สามารถที่จะบังคับความคิดไม่ให้ฟุ้งซ่านไปในทางอื่น

2.  กำลังสมองไม่มีที่สิ้นสุด

          สมองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มีหน้าที่เกี่ยวกับการจดจำการคิดและความรู้สึกต่างๆ  สมองประกอบด้วยตัวเซลล์ประมาณ 10 พันล้านตัวถึง 12 พันล้านตัว  แต่ละตัวมีเส้นใยที่เรียกว่าแอกซอน (Axon)  และเดนไดรต์ (Dendrite) สำหรับให้กระแสไฟฟ้าเคมี (Electrochemical) แล่นผ่านถึงกัน  การที่เราจะคิดหรือจดจำสิ่งต่างๆ นั้นเกิดจากการเชื่อมต่อของกระแสไฟฟ้าในสมอง  คนที่ฉลาดที่สุดก็คือคนที่สามารถใช้กำลังไฟฟ้าได้เต็มที่  

3.  อัตราส่วนเชาวน์ (I.Q.) นั้นที่จริงไม่ใช่ของสำคัญ

          นักจิตวิทยา เช่น อัลเฟรดและบิเนต์  มีวิธีการวัดความฉลาดของคน โดยการวัดอัตราส่วนเชาวน์ หรือไอคิว   แล้วกำหนดว่าคนนั้นๆ มีไอคิวเท่านั้นๆ   ถ้าใครวัดแล้วได้ไอคิวต่ำกว่าร้อย  ก็ออกจะเสียใจสักหน่อย  แต่นักจิตวิทยาเขาว่าอย่าไปสนใจกับไอคิวนักเลย  เพราะการทดสอบนั้นมันไม่ค่อยแน่นัก  อาจทดสอบผิดพลาดได้ง่ายเท่าที่เขาค้นพบนั้นว่า  ใครมีร่องยู่ยี่หยุกหยิกตอนกลางกระหม่อมมากๆ มักจะฉลาดกว่าคนอื่น "แต่คนที่ธรรมชาติไม่ได้สร้างสิ่งพิเศษมาให้   จะไม่มีทางฉลาดกับเขาบ้างหรือ?" นักวิทยาศาสตร์ตอบว่ามีและมีได้แน่ๆ  คนที่มีไอคิวปานกลางอาจจะเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง  มีความรู้ดีได้โดยการหมั่นฝึกตัวเซลล์ในสมองให้มันทำงาน  ไม่ปล่อยให้มันขี้เกียจอยู่เฉยๆ

          เขาพบว่าคนที่มีชื่อเสียงมากมายหลายคนมีไอคิวเท่าๆ กับคนธรรมดา  อย่างเช่น จอห์น อาดัมส์, อับราฮัม ลินคอล์น, นโปเลียน, เนลสัน เหล่านี้มีสมองธรรมดาๆ   แต่ว่าเป็นคนมีลักษณะพิเศษ  คืออุตสาหะพากเพียรอย่างไม่หยุดยั้ง  คนสมองดีๆ ถ้าไม่หมั่นใช้มันก็จะฝ่อได้

4.  แก่แล้วก็เรียนได้ดีเท่าหนุ่มๆ เหมือนกัน

          ....ความเข้าใจผิดอย่างไม่เข้าท่าก็คือว่า  ยิ่งแก่ตัวยิ่งเรียนไม่ได้สมองเสื่อมความจำไม่ดี  ถ้าเป็นคนขี้เหล้าเมายาหรือมีโรคอาจเป็นได้อย่างนั้น  แต่คนปรกติแล้วย่อมเรียนได้ตลอด  อายุความแก่ชราไม่เป็นอุปสรรคแก่การเรียน  การเรียนเกี่ยวกับการให้กระแสไฟฟ้าในสมองเคลื่อนไหว   ดังนั้นถ้าสมองไม่ผุพังเพราะเชื้อโรคหรือการกระทบกระเทือนอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว  อายุ 90 ปีก็ยังเรียนได้  ที่ว่าแก่ป้ำๆ เป๋อๆ ชื่อคนที่เคยจำได้ก็นึกไม่ออก อะไรพวกนี้ เป็นการยอมรับตัวเองทั้งสิ้น

5.  กำลังสมองจะดีขึ้นถ้าได้ใช้มันอยู่เสมอ

          สมองเหมือนกับกล้ามเนื้อตรงที่การฝึก  ถ้าได้ใช้ให้ทำงานอย่าปล่อยให้มันขี้เกียจ  มันจะยิ่งเก่งกล้าขึ้น  ท่านยิ่งใช้ความคิด ความคิดของท่านก็จะดีขึ้น  หากท่านใช้ความจำอยู่เสมอ ความจำของท่านก็จะดีขึ้นคือ  ท่านจะจำอะไรได้เร็วขึ้น มีอำนาจอย่างหนึ่งที่เราพูดถึงกันเสมอคืออำนาจใจหรือกำลังใจ   กำลังอันนี้สะสมอยู่ในสมอง  ทุกคราวที่ท่านใช้กำลังใจหรืออำนาจใจต่อสู้อุปสรรคปัญหา  หรือความยากลำบากต่างๆ กำลังใจของท่านก็เพิ่มพูนมีกำลังแรงขึ้น

6.  จิตใต้สำนึก…คลังอันน่ามหัศจรรย์

          ส่วนลี้ลับและแสนจะพิศดารในตัวของเราคือจิตใต้สำนึก  หรือบางทีเรียกว่า "จิตไร้สำนึก" มันเป็นที่เก็บพลังพิเศษ  และความจดจำเรื่องทั้งหลายมากมายก่ายกอง  แต่มันน่าประหลาดที่เราไม่สามารถให้มันสำแดงฤทธิ์ตามใจเราได้  มันจะแสดงพลังของมันออกมาในขณะที่มีเหตุใหญ่ฉันพลันทันด่วน  และแสดงออกมาโดยเราเองก็ไม่รู้ตัว


          จิตแพทย์ได้เพียรใช้จิตสำนึกรักษาโรคจิตอย่างเช่น  บางคนอยู่ดีๆ กลัวและเกลียดคนหน้าดำ  เจ้าตัวเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงเกลียดและกลัวอย่างไม่มีเหตุผล  จิตแพทย์ต้องใช้วิธีให้จิตใต้สำนึกบอกเรื่องราวแต่หนหลัง  ที่ตกตะกอนลงไปอยู่ในจิตแห่งนั้นก็รู้ได้ว่าเมื่อตอนนั้นยังเล็กอยู่  มีคนหน้าดำคนหนึ่งได้เข้ามาปลุกปล้ำบีบคอเขาในบ้าน  แต่เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้  เพราะมันตกไปอยู่ในจิตใต้สำนึก  เมื่อเขาโตขึ้น  มันจึงแสดงอาการออกมาในลักษณะที่เขากลัวและเกลียดคนหน้าดำ นักจิตวิทยากล่าวว่า  หากเราหัดพูดกับจิตใต้สำนึก  เราก็สามารถสร้างพลังขึ้นในตัวได้ อย่างเช่นเราพูดกับจิตใต้สำนึกว่า  คืนนี้เราจะตื่นตีห้า  ทำใจให้แน่วแน่  เพ่งอยู่ในการตื่นเวลาตีห้า  พอถึงตีห้าจิตใต้สำนึกก็จะปลุกเราเอง  ถ้าเราเป็น"คนขลาด"ขี้อาย  เราพยายามพูดกับจิตใต้สำนึกว่าเราจะไม่ขลาด  เราจะไม่ขี้อาย  ความขลาด  ความขี้อายก็จะหายไปเอง


Create Date : 13 กันยายน 2557
Last Update : 13 กันยายน 2557 11:42:44 น. 1 comments
Counter : 963 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณครับ บทความมีประโยชย์มากครับ

อุตสาหะพากเพียร อันนี้แหละที่จะทำให้คนเป็นอัจริยะ

 
 

โดย: slurpeeman วันที่: 13 กันยายน 2557 เวลา:14:49:58 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง
 
Location :
ธิรดา สุวัณณะศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine (THAILAND) Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com