Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
24 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
..กระถินกลิ่นขี้ควาย..บทที่ 16



บทที่ 16





เรื่องที่ตาฉายมาคุยกับคุณทนายทองใบวันนั้นเป็นเหตุให้ถิ่นไม่ได้พบกับป๋องอีกนาน



ก่อนวันนั้น และก่อนกว่านั้นอีกหลายวันตาทองใบว่าความให้ลูกความระดับเศรษฐีจนได้รับชัยชนะ..นอกจากเงินค่าจ้างจำนวนมากตาได้รถยนต์แถมอีกหนึ่งคัน ถึงไม่ใหม่เอี่ยมจากบริษัทแต่ใช้การได้ดี

“เดือดร้อนค่าน้ำมัน” ยายบุญศรีค้อนสามี

“จะขับไปไหนนักหนา..” ตามองรถที่จอดอยู่ในอู่..เสาต้นมะขามเทศสี่ต้นมุงด้วยผ้าใบ “แค่ขับไปทำงานและกลับบ้านจะสิ้นเปลืองเท่าไหร่กัน”

“สำนักงานของคุณอยู่ที่กรุงเทพฯ นะ ไม่ใช่หน้าวัดสำราญศีล”

“ก็ใช่..” ตาหน้าม่อยรับคำ “แต่ผมเริ่มอายุมากขึ้น คุณจะให้ผมงกเงิ่นหอบกระเป๋าหิ้วเสื้อนอกเบียดรถเมล์ไปทำงานหรือ?”

“อายุมากขึ้นนั่นแหละสำคัญ..” ยายบุญศรีได้ที “ขืนขับรถทางไกลไปกลับทุกวันในขณะที่สมองมีแต่งาน งาน งาน คงจูบต้นมะขามข้างทางเข้าสักวัน”

“ให้นายตั้มขับให้ จะได้ไปโรงเรียนพร้อมกับผม”

“ตั้มอายุเพิ่งสิบหกไม่กี่วัน คุณเป็นนักกฎหมายแต่จะละเมิดเสียเอง ใบขับขี่ก็ยังไม่มี”

“แล้วจะให้ผมทำอย่างไร นายริดก็อยู่หอ ขืนไม่ใช้รถคุณเจริญคงไม่พอใจ เขาอุตส่าห์ให้มา”

“ถ้าอย่างนั้นให้ถิ่นขับแล้วกัน..” ยายบุญศรีส่งเสียงตะโกน “ถิ่น!..”

“คุณบุญศรีเอาจริงหรือนั่น!..” ตาทองใบตกใจ

“วันนี้ช่วยยายเก็บข้าวของหน่อย เราจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ สักพัก”

“โธ่!..” ตาทองใบมองถิ่นที่ทำหน้าแปลกๆ “นึกว่าอะไร”


ยายบุญศรีไม่ได้ประชดสามีแต่อย่างใด..ทุกคนในบ้านไม่เพียงแต่ถิ่น ช่วยเก็บรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างจัดรวมเป็นหมวดหมู่ใส่ลังกระดาษใหญ่เล็กตามความสำคัญ ของมีค่าซึ่งมีไม่มากนักเรียงใส่กล่องเล็กเพื่อแบกขนได้ง่าย

ตั้ม ต๋อง ทุย และจ้อยตื่นเต้นกับงานนี้ แต่ถิ่นไม่สนุกด้วย..การไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้ไม่ใช่วันสองวัน อาจเป็นเดือนหรือมากกว่า..เพราะเงินที่ได้จากการชนะคดีความตาทองใบจึงสร้างบ้านใหม่ เป็นบ้านสองชั้นซึ่งจะอยู่ไปสร้างไปไม่ได้ต้องรื้อใหม่หมดทั้งหลัง

ที่ไม่สนุกค่อนไปทางมีทุกข์นั่นคือทั้งครอบครัวจะย้ายในวันรุ่งขึ้น ไม่มีทางที่ถิ่นจะบอกให้ป๋องรู้เลย ที่กังวลใจอีกอย่างคือตาฉายเป็นหัวหน้างานในการสร้างบ้านใหม่นี้ ป๋องต้องซ่อนตัวอย่างมิดชิด แต่ใกล้กันแค่นั้นและเวลาเป็นเดือนๆ ป๋องคงไม่รอดสายตาของตาฉายไปได้




บ้านน้องสาวยายบุญศรีที่กรุงเทพฯ อยู่ในตัวเมืองย่านคนมีเงิน บ้านแต่ละหลังทันสมัยเนื้อที่กว้างขวางสนามหญ้าเขียวขจี..สามีน้องสาวของยายเป็นทูตทหารประจำประเทศที่มีสงครามกลางเมืองอยู่ บ้านจึงไม่มีคนอยู่ ครอบครัวของยายบุญศรีอยู่ได้อย่างสะดวกใจ

“ไฟไหม้บ้านเหรอ..” สาวคนหนึ่งโหล่หน้าเหนือรั้วบ้านที่อยู่ติดกัน “ฮิ..ฮิ..” ผลุบหายไป

“ทำไมเขาทักเราอย่างนั้นล่ะยาย” ถิ่นอดสงสัยไม่ได้

“รั้วปีนไม่ยาก..ไปจัดการเสียดีม๊ะ?” ต๋องชูกำปั้น

“อย่านะนายต๋อง!..” ยายร้องห้าม “เขาคงเห็นเราหอบของพะรุงพะรัง ลังกระดาษเอย เสื้อผ้ามัดใหญ่เอย..เหมือนคนไร้ที่อยู่อพยพอย่างเขาว่าแหละ”

“แต่ว่าบ้านไฟไหม้นี่ไม่เป็นมงคลเลย” ทุยคนเงียบขรึมตำหนิ

“พวกบ้านนอก” เสียงเดิมดังจากหลังรั้ว

“เฮ้ย!..ไม่ใช่บ้านนอกสักหน่อย..” จ้อยตัวเล็กกว่าเพื่อน สำเนียงคนต่างจังหวัดเต็มๆ เพราะโตมากับไร่นา “เรามีหลายคนนะ”

“ทุกคนเข้าบ้านได้!..” ตาทองใบตัดบท รับลูกกุญแจจากยายบุญศรีไขประตูบ้าน



“ขอผมไปด้วยได้ไหมครับ” อาทิตย์หนึ่งต่อมาขณะตาทองใบและยายบุญศรีเตรียมตัวกลับไปดูความก้าวหน้าของการสร้างบ้าน

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก..” ยายบุญศรีปฏิเสธ “ถิ่นอยู่ดูแลที่นี่แหละดีแล้ว ต๋อง ทุย จ้อย จะได้ไม่ไปก่อเรื่องกับเด็กในซอย”

“ผมไม่เคย..” จ้อยรีบฟ้อง “มีแต่นายต๋องที่เที่ยวไปร้องท้าต่อยกับพวกเด็กผู้ดี”

“แล้วไง?..” ต๋องผลักอกจ้อย “เขาออกมาหรือเปล่าล่ะ”

“จ้อยก็ไม่ใช่ย่อย..” ทุยเอ่ยขึ้น “เอาขี้โคลนไปป้ายรั้วสวยเกือบทั้งซอย แถมยังด่าตอบสาวใช้ข้างบ้านอีก”

“หึ..หึ..” ตั้มหัวเราะ “เยี่ยมๆ ทั้งนั้น”

“พี่ตั้มไม่เดือดร้อนอะไรนี่..” ตั้มเป็นหนึ่งในสามที่มีคำนำหน้านามว่าพี่นอกจากเบิ้มและริด “พ่อแม่ไปไหนก็ได้ไปด้วยอยู่แล้วเพราะเป็นคนขับรถ”

“ที่ผมอยากไปบ้าน..” หลังจากนิ่งฟังอยู่นานถิ่นอ้างเหตุผล “สวนกุหลาบเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้..มีคนรดน้ำให้ก็จริงแต่จะถูกพวกด้วงเพลี้ยกินหรือเปล่า”

“เอาละๆ..” ตาทองใบตัดบท “ไปกันหมดทุกคน..” พูดกับถิ่น “ถึงตาจะแอบไปดูบ่อยๆ ก็ยังอดคิดถึงไม่ได้ ตาเข้าใจถิ่นนะ”




ผ่านวัดสำราญศีล ทุกคนในรถต่างดีใจไม่มากน้อยกว่ากัน ถิ่นดีใจมากกว่าคนอื่นไม่ใช่เพราะเหตุผลที่อ้างกับตายาย แต่เพราะเหตุผลแรกที่ซ่อนอยู่ในใจ

“เย้..เย้..วู้..ปี๊ด..” เสียงร้องดีใจจากเหล่าทโมน

“เย้..” อุทานเบาๆ ตามลูกหลาน “ถึงซะที” ยายบุญศรียิ้มแก้มปริ

“ไปพวกเรา..” ต๋องหัวโจกเปิดประตูรถออกวิ่งทันที “สำรวจบ้านใหม่กัน”

“เดี๋ยวๆ..” ยายบุญศรีร้องเสียงหลง “ช่วยขนของลงก่อน”

“ยายรอบคอบจัง..” ถิ่นยกหม้อข้าว ผัด แกง ขนมปังและอาหารแห้งลงจากรถ “มีหมอนผ้าห่มด้วยหรือครับ?”

“ก็ว่าจะมาวันเดียว..นี่บ่ายแล้วยังไม่ได้ดูอะไรเลย ถิ่นว่าจะดูด้วงกุหลาบด้วยไม่ใช่หรือ?”

“ครับ..” ถิ่นอมยิ้ม..นอกจากต้องบี้ด้วงกุหลาบตอนหัวค่ำแล้ว ความมืดยังทำให้มีโอกาสทำอะไรที่เขาอยากทำ



บ้านใหม่ยังมีแค่โครงและหลังคากระเบื้องที่มุงเรียบร้อยแล้ว..เป็นบ้านสองชั้นใหญ่กว่าเดิม..ตาทองใบเล่าว่าตาฉายอยากให้ชั้นล่างก่ออิฐถือปูนพื้นปูกระเบื้องอย่างที่นิยมกัน แต่ตาอยากได้เป็นพื้นไม้ยกลอยจากพื้นดินมากกว่า

“ฉันอยากได้พื้นปาเก้..” ยายออกความเห็น “จะได้เหมือนบ้านของศรีนวล”ศรีนวลคือน้องสาวยายบุญศรีที่กรุงเทพฯ

“พื้นไม่ปาเก้ลงแชล็กเป็นเงาอย่างนั้นเหมาะกับบ้านคุณศรีนวลที่ไม่มีเด็กและอยู่ในเมือง..” ตาใบมองลูกๆ ในนา “ไม่มีทโมนและคราบโคลนอย่างบ้านเรา”

“ก็จริง”



“ไปไหนน่ะ?..” ยายบุญศรีตะโกนถามถิ่นที่กำลังเดินไปหลังไร่

“ไปส้วมครับ” จริงอย่างที่ยายคาดการณ์..จนเย็นแล้วทุกคนยังไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องราว

“ยายไปด้วย..” ยายบุญศรีเดินตามทันถิ่น..ทั้งคู่เดินมาถึงเล้าหมู “เห็นเล้าเป็ดแล้วนึกแค้นใจ”

“ยายไปส้วมก่อนนะ เดี๋ยวผมตามไปจะไปสำรวจเล้าหมูเสียหน่อย” กระต๊อบเล้าเป็ดต่างหากที่ถิ่นอยากไปดู

“มาทำอะไรกันสองคนยายหลาน” ต๋องผู้มีส่วนเกือบทุกเรื่องในชีวิตถิ่นวิ่งตามมา

“พายายมาส้วม!” ถิ่นกระแทกเสียง นึกเคืองที่ถูกขวาง

“ส้วมอยู่ทางโน้น ทำไมนายมาทางนี้?”

“คิดถึงบ้าน คิดถึงไร่นา คิดถึงทุกอย่างที่อยู่ที่นี่..” ถิ่นปรับอารมณ์อำพรางความในใจ..ยิ้มให้ต๋อง “นายไม่คิดถึงบ้างหรือ?”

“ไปนั่งเล่นหลังไร่ดีกว่า มองฟ้ามองนาเวลาเย็น” ต๋องชวน

“ยายล่ะ?”

“อื้อ..แม่นั่งส้วมนานจะตาย”



สีส้มแดงทอแสงเหนือดงไม้เขียวริมขอบฟ้า ทุ่งนาเหลืองทองค่อยๆ หม่นลง พุ่มดอกหญ้าขาวนวลเอนล้อลมเย็นที่โชยมาเป็นระยะ..ถิ่นคิดถึงผืนนาคิดถึงไร่ของยายด้วยใจจริง..อาจมีบางเหตุการณ์ บางคนรวมอยู่ในความคิดถึงนี้แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ

“คิดอะไรอยู่น่ะ เหม่อเชียว” ต๋องกระเถิบเข้าชิด

“เปล่า..” ถิ่นนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรกับร่างที่เบียดเข้าใกล้..ถึงอย่างไรต๋องก็เป็นเพื่อนที่ให้ความอุ่นใจกับเขาคนหนึ่ง

“ถามจริง..” เสียงเบา ไม่จริงจัง “คิดถึงไอ้ป๋องไหม?”

ทำไมถิ่นจะไม่คิดถึง..แต่ไม่ใช่อย่างที่ต๋องคิด..นอกจากในแง่ของเพื่อนห่วงเพื่อนที่ไม่มีใครให้ยึดเหนี่ยวแล้วยังมีอีกด้านหนึ่งที่ไม่มีใครรู้..ไม่ใช่!..ไม่ใช่ความสุขที่ป๋องสอนให้ แต่คือส่วนสำคัญของชีวิตที่ถิ่นและป๋องมีคล้ายกัน

“ไงล่ะ..ที่เราถาม” ไม่ได้อยากรู้ แต่ถามนำเพื่อที่จะโอบแขนกอดถิ่น

“ลูกโจร..” ถิ่นเอ่ยขึ้นลอยๆ

“ใช่!..ไอ้ป๋องมันเป็นลูกโจร ใครจะคิดถึง ใครจะรักมัน” ต๋องกระชับวงแขน

“ใช่..ใครจะรักลูกโจรอย่างแท้จริง..” ถิ่นเหม่อยิ่งกว่าเดิม..ไม่รู้สึกถึงไอร้อนจากอกต๋อง

“ร้องไห้ทำไม?..” ต๋องสังเกตเห็นประกายวับจากขอบตาถิ่น


ถิ่นเม้มปาก..นานแล้วจนลืม..ถิ่นแอบได้ยินตาปรึกษากับยายเรื่องชาติกำเหนิดของเขา..มันไม่ต่างจากป๋องนัก..






Create Date : 24 มิถุนายน 2557
Last Update : 24 มิถุนายน 2557 16:30:28 น. 3 comments
Counter : 621 Pageviews.

 


โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 24 มิถุนายน 2557 เวลา:18:04:24 น.  

 
เป็นชั่วโมงแล้วที่ผมเข้าบล็อคไม่ได้..จะลง บทที่ 17 ครับ..ขัดข้องตรงไหนหนอ..


โดย: ดาเรน IP: 110.169.164.88 วันที่: 28 มิถุนายน 2557 เวลา:16:08:43 น.  

 
เขาบอกว่าอย่างนี้ Can't Connect Database Server แปลว่าอะไรเอ่ยครับ..


โดย: ดาเรน IP: 110.169.164.88 วันที่: 28 มิถุนายน 2557 เวลา:16:11:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.