Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
10 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
In my mom's garden part 2รูปหล่อหินทราย พระพิฆเนศวร










รูปหล่อหินทราย พระพิฆเนศวร





ที่เอามาทายคือส่วนศรีษะ ดูส่วนลำตัวกันบ้าง





ส่วนหัวท่อนบน





ส่วนหัวและงาที่หัก





ทำให้สงสัยความเป็นมาของตำนานจึงไปค้นดู

ได้ความว่าเป็น ปางวิชัยคเณศ ปางที่พระคเณศทางขี่หนูเป็นพาหนะ

มี 4 กร พระหัตถ์ขวาด้านล่างอยู่ในท่าประทานพร ซึ่งมีความหมายถึง

การอยู่เหนือบริวารนั่นเอง





นอกจากนั้นก็มีศาลเพียงตา





หมากพลูที่ศาลเจ้า





เหล่านางรำ





เอาประวัติมาฝากค่ะ

พระคเนศ (พระพิฆเนศวร) พระโอรสของพระศิวะกับพระนางอุมา


https://www.geocities.com/thaiganesh/p09.html


เหตุแห่งการเสียงา

มีหลายตำนานมาก พอจะแบ่งได้ดังนี้

ตำนานแรก ปรศุรามใช้ขวานจาม

ปรศุรามนั้นเป็นอวตารของวิษณุเทพ กล่าวว่า ปรศุรามได้ยืมขวาน

จากพระศิวะไปทำลายเหล่ากษัตริย์ เมื่อเสร็จภารกิจจะเข้าเฝ้าที่

เขาไกรลาส ระหว่างนั้นบริเวณพระที่นั่งชั้นใน พระศิวะมหาเทพ

กำลังสนทนาอยู่กับนางปราวตี พระคเณศไม่ยอมให้ปรศุรามเข้า

พบปรศุรามโมโหเลยใช้ขวานของพระศิวะขว้างไปยังพระคเณศ

พระองค์จำใจต้องใช้ใช้งาข้างซ้ายรับขวานนั้น ด้วยเหตุที่ท่านทรง

มีความกตัญญูเป็นอย่างยิ่งในบิดา ครั้นจะต่อสู้กันไปก็อาจทำได้

แต่จะมีประโยชน์อะไรกับการทำลายฤทธิ์เดชของอาวุธซึ่งเป็นของ

บิดาตนเอง


ตำนานสอง ได้เศียรช้างงาเดียว

เมื่อคราวที่พระศิวะได้ทำพิธีโสกัต์และพระวิษณุเทพพลั้งเผลอเปล่ง

วาจา ยังผลให้เศียรของกุมารหายไปนั้น ได้มีเทวโองการให้หาเศียร

ของมนุษย์ที่เสียชีวิตมาต่อให้ แต่ปรากฏว่าในวันอังคารนั้นไม่มีมนุษย์

ผู้ใดถึงฆาต มีเพียงช้างงาเดียวที่นอนตายอยู่ทางทิศเหนือ จึงตัดเศียร

มาต่อให้


ตำนานสามโดนพระศิวะใช้ขวานจาม

เมื่อคราวที่กุมารน้อยถือกำเนิดใหม่ ๆและเฝ้าปากทวารห้องสรงน้ำของ

พระแม่ปราวตีนั้นพระศิวะไม่ทราบว่าเป็นลูก เลยเกิดการต่อสู้กันพระ

ศิวะโมโหจึงใช้ขวานขว้างไปโดนงาของพระคเณศหัก


ตำนานสี่งาถอดได้เองตามธรรมชาติ

เมื่อคราวที่พระคเณศต่อสู้กับอสูรอสุรภัค พระคเณศแสดงเดชโดยการ

ถอดงาของตัวเองขว้างไปที่อสูร


https://www.geocities.com/thaiganesh/p15.html


ปางพระคเนศ


แม้ว่าพระคเณศจะมีพระนามมากมายถึง 108 พระนามไปจนถึง 1008

พระนาม แต่ในแง่เทวประติมานั้นมีอยู่เพียง 8 ถึง 9 ปางเท่านั้นที่คนนิยม

บูชา โดยการบูชาในแต่ละปางก็ให้คุณที่แตกต่างกันออกไป เชิญเลือก

บูชาได้ตามอัธยาศัยเลยครับ


ปางพาลคเณศ

เป็นพระคเณศในวัยเด็กรูปลักษณ์ที่เห็น มักจะเป็นพระคเณศยังคลานอยู่

กับพื้น หรือยังอยู่ในอิริยบถไร้เดียงสาอย่างเด็ก ๆ ถ้าโตขึ้นมาหน่อย จะนั่ง

ขัดสมาธิเพชรบนดอกบัวมี 4 กร ถือขนมโมทกะ กล้วย รวงข้าว ซึ่งหมายถึง

ความเป็นสุขภาพดีของเด็ก ๆในครอบครัวรวมความหมายถึงให้เด็ก ๆได้

ระลึกถึงการเคารพรักในบิดา มารดา ปางนี้นิยมบูชากันในบ้านที่มีเด็กเล็ก

และเด็กในวัยเรียน


ปางนารทคเณศ


ปางนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นพระคเณศมักจะอยู่ในอิริยาบถยืน มี 4 กร ในคัมภีร์และ

หม้อน้ำกมัลฑลุ ไม้เท้า และร่ม ซึ่งถ้าเป็นศาสนาพุทธแล้ว คงเปรียบได้กับพระ

สีวลีซึ่งเป็นพระธุดงค์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ผู้มีลาภมาก แต่สัญลักษณ์ของ

พระคเณศนั้น หมายถึงการเดินทางไกล แต่มักจะเป็นการเดินทางไปเพื่อการ

ศึกษาต่อ หรือเป็นปางที่เหมาะสมกับวิชาชีพของคนที่เป็นครูบาจารย์เท่านั้น


ปางลักษมีคเณศ


ปางนี้พระคเณศจะประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมี 6 กร และพระหัตถ์หนึ่ง

โอบพระลักษมีเทวีไว้ การบูชาปางนี้เสมือนหนึ่งได้บูชาเทพทีเดียวกันถึง 2

พระองค์ในลักษณะของทวิภาคี (คเณศ -ลักษมี) กล่าวคือ ลักษมีคเณศ ย่อมมี

ความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ พูนสุข ความมั่งคั่ง มั่งมีอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้

ปางวัลลยภาคเณศ


ปางนี้พระคเณศจะอุ้มพระชายาทั้ง2 ไว้บนตักทั้งซ้ายและขวา ซึ่งชายาทั้งคู่

คือนางพุทธิและสิทะ ดังที่ตำนานได้กล่าวไว้ ปางนี้ให้ความหมายในลักษณะ

ของความสมบูรณ์ของการเป็นครอบครัวมีทรัพย์สินและบริวารมากมาย


ปางมหาวีระคเณศ


เป็นพระคเณศที่มีจำนวนของพระกรมากเป็นพิเศษ อาจจะ 12,14,16, กรแต่ละ

พระหัตถ์นั้นถือศาสตราวุธหลากหลายชนิดแตกต่างกันไปอาทิลูกศร คันธนู

ดาบยาว ตะบอง ขวาน จักร บ่วงบาศ งูใหญ่ หอก ตรีศูล ปางนี้ถือกันว่าเป็น

ปางออกศึกเพื่อปราบศัตรูหมู่อมิตรทั้งหลาย ดังนั้นจึงเป็นความเหมาะสมพิเศษ

กับบรรดานักรบ แม่ทัพนายกอง ทหาร ตำรวจและข้าราชการ


ปางเหรัมภะคเณศ


เป็นปางพระคเณศที่ห้อยพระบาทอยู่บนพญาราชสีห์ พระคเณศปางนี้จะมีอยู่

ห้าเศียร หรืออาจจะเป็นเศียรตามปกติก็ได้ เพราะสัญลักษณ์ที่แท้จริงของปรางค์

นี้ก็คือ สิงโตเท่านั้น เพราะสิงโตเป็นเจ้าป่า ดังนั้นจึงเหมาะสมที่ผู้ใหญ่ที่ต้องมี

บริวารในการปกครองมาก นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ที่บรรดดากษัตริย์ทั้งหลาย

แต่โบราณนิยมบูชากัน เรียกว่าเป็นสุดยอดปางของพระคเณศก็ว่าได้

ปางสัมปทายะคเณศ


เป็นพระคเณศที่เราพบเห็นกันบ่อยคือ มีอาวุธอยู่ในสองพระหัตถ์บน ส่วนพระหัตถ์

ล่างด้านซ้ายนั้นถือขนม และด้านขวาอยู่ในท่าประทานพร ซึ่งความหมายของปาง

นี้คือ การอำนวยพรให้ประสบความสำเร็จนั่นเอง


ปางตรีมุขคเณศ


เป็นพระคเณศที่มี 3 พระพักตร์ 4 กร บ้างก็ว่ามีความหมายถึง 3 โลก บ้างก็ว่า

หมายถึง ศีล สมาธิ ปัญญา


ปางปัญจคฌณศ


บางคนเรียกปางนี้ว่า พระคเณศเปิดโลก


ปางวิชัยคเณศ


เป็นปางที่พระคเณศทางขี่หนูเป็นพาหนะมี 4 กร พระหัตถ์ขวาด้านล่างอยู่ในท่า

ประทานพร ซึ่งมีความหมายถึงการอยู่เหนือบริวารนั่นเอง





https://www.geocities.com/thaiganesh/p10.html

ความหมายของหนูกับช้าง


หนูกับช้างเป็นสัญลักษณ์ของการพึ่งพาและปรองดอง ในขณะเดียวกันก็แสดง

ให้เห็นถึงอำนาจและความมีชัยของฝ่ายที่อยู่เหนือกว่า


ในทางมนุษยวิทยาแล้วมีผู้วิเคราะห์ไว้ว่า


หนูกับช้างเป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าสองกลุ่ม เผ่าที่มีชัยเหนือกว่าอาจจะเป็นชน

กลุ่มที่นับถือช้างอยู่แต่เดิม จึงได้สร้างและยึดเอาประเพณีการนับถือช้างเป็น

เทพเจ้ามาเป็นตัวแทนกลุ่ม


หรืออีกอย่างที่เป็นไปได้คือ คนสมัยดั้งเดิมนั้นประกอบอาชีพทางด้านกสิกรรม

และแน่นอน หนูย่อมเป็นศัตรูอันร้ายกาจของไร่นา ภาพที่แสดงออกในรูปของ

ช้างและงูที่เป็นสังวาลนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้ทำลายหนูอันเป็นศัตรู

สำคัญของผลิตผลทางการเกษตรอย่างชัดเจน ทั้งการนำหนูมาเป็นบริวารนั้น

เนื่องจากหนูขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วเพราะหนูได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีความฉลาด

และกัดทุกอย่างให้ขาดได้ ดังนั้นจึงเป็นความเหมาะสมสำหรับการเป็นพาหนะ

ของเทพเจ้าแห่งปัญญา อันมีคุณสมบัติในการขจัดซึ่งอุปสรรค






https://www.geocities.com/thaiganesh/p05.html


กำเนิด


เชื่อกันว่า ลัทธิการบูชาพระคเณศนั้น น่าจะมาจากชนพื้นเมืองดั้งเดิมของอินเดีย

ซึ่งเป็นลัทธิการบูชาสัตว์ หรือลัทธิแห่งชัยชนะเหนือธรรมชาติ ชนพื้นเมืองของ

อินเดีย เชื่อกันว่าหนูเป็นสัญลักษณ์ของความมืด พระคเณศทรงขี่หนูจึงหมาย

ถึงชัยชนะของแสงอาทิตย์ที่ขจัดความมืดให้สิ้นสุดลง


พระคเณศอาจจะมีต้นกำเนิดมาจากการเป็นเทพประจำเผ่าของคนป่า ที่อาศัยอยู่

ในป่าเขาอันกว้างใหญ่ของอินเดีย คนเหล่านี้ต้องเผชิญกับฝูงช้างอันน่ากลัวจึง

เกิดการเคารพในรูปของช้างชึ้น เพื่อให้ปกป้องคุ้มครองและพัฒนาต่อมาเป็นเทพ

ชั้นสูงของชาวอารยัน


ต่อมาได้พัฒนาเป็นเทพผู้ขจัดซึ่งอุปสรรค มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ ทั้งยังได้รับ

การยกย่องให้เป็นหัวหน้าของเทพที่มีเศียรเป็นสัตว์ทั้งหลาย จนกระทั่งมีการรจนา

ปกรณ์ให้เป็นโอรสของพระศิวะเทพและพระนางปราวตีในเวลาต่อมา


แต่ในแง่ของคัมภีร์ทางศาสนาพราหมณ์ได้บรรยายจุดกำเนิดของพระคเนศไว้หลาก

หลายตำนานตามความเชื่อในแต่ละลัทธิ พอจะสรุปเป็นหลักๆได้ดังนี้


ตำนานที่ 1. วิฆเนศวรปราบอสูรและรากษส


อสูรและรากษสได้ทำการบวงสรวงพระศิวะจนได้คำพรจากพระศิวะหลายประการ

ยังให้เหล่าอสูรกลุ่มนี้ฮึกเหิมก่อความเดือดร้อนเป็นอันมาก พระอินทร์จึงทรงนำเทวดา

ทั้งหลายไปเข้าเฝ้าอ้อนวอนต่อพระศิวะ ขอให้พระองค์สร้างเทพแห่งความขัดข้องขึ้น

เพื่อขัดขวางความพยายามของอสูรและรากษส พระองค์จึงทรงแบ่งส่วนกายหนึ่งให้

เกิดบุรุษร่างงามจากครรภ์ของพระนางปราวตีและตั้งพระนามว่าวิฆเนศวร เพื่อทำหน้าที่

ขวางทางอสูร รากษส และคนชั่วมิให้ทำการบัดพลีเพื่อขอพรจากพระศิวะ ทั้งยังเป็นผู้

เปิดทางอำนวยความสะดวกต่อเทวดาและคนดีเพื่อเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ


ตำนานที่ 2. ปราวตีนำเหงื่อไคลปั้นเป็นลูก


ครั้งหนึ่ง ชยาและวิชยา พระสหายของนางปราวตีได้แนะนำว่าปกติพระนางมักจะต้อง

ใช้บริวารของพระศิวะอยู่เป็นประจำ ถ้าหากพระนางจะมีบริวารเป็นของตนเองก็คงจะ

ดีไม่น้อย พระนางเห็นด้วย จนวันหนึ่งขณะที่ทรงสรงน้ำอยู่ตามลำพังก็ทรงนึกถึงคำพูด

ของพระสหายจึงได้นำเอาเหงื่อไคลออกมาสร้างบุรุษรูปงาม สั่งให้ไปยืนเฝ้าทวาร มิให้

ใครเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอย่างนี้มาหลายเพลา จนวันหนึ่งพระศิวะได้เสด็จมา

ฝ่ายลูกก็ป้องกันแข็งขัน โดยไม่รู้ว่านั่นคือพ่อพระศิวะโกรธก็เลยสั่งให้ภูติและคณะของ

ตนเข้าสังหารทวารบาลพระองค์นั้น บ้างก็ว่าพระศิวะพุ่งตรีศูลตัดเศียรลูก บ้างก็ว่าพระ

วิษณุเทพที่มาช่วยรบนั้นใช้จักรตัดเศียร ความทราบถึงพระนางปราวตีจึงเกิดศึกใหญ่

ระหว่างเทพและเทพีขึ้นบนสวรรค์


ฝ่ายฤาษีนารอดอดรนทนไม่ได้ จึงได้เป็นทูตสันติภาพขอเจรจากับนางปราวตีเพื่อสงบศึก

นางบอกว่าจะสงบศึกก็ต่อเมื่อลูกของนางฟื้นเท่านั้น

พระศิวะจึงสั่งให้เทวดาเดินทางไปทิศเหนือให้เอาศีรษะของสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่พบมาต่อ

กับโอรสของนางปราวตี ปรากฏว่าเทวดาได้เศียรของช้างซึ่งมีงาเพียงข้างเดียวมา

เมื่อพระคเณศฟื้นขึ้นมา ทราบความจริงว่า พระศิวะคือพระบิดาก็ตรงเข้าไปขอโทษเพราะ

รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระศิวะพอใจมากประสาทพรให้พระคเณศมีอำนาจเหนือภูติผีทั้งหลาย

และทรงแต่งตั้งให้เป็นคณปติ


ตำนานที่ 3. ขวางทางคนชั่วไปเทวาลัยโสมนาถและโสมีศวร


พระนางปราวตีทรงเอาน้ำมันที่ใช้ในการสรงน้ำมาผสมกับเหงื่อไคลปั้นเป็นรูปคนแต่มีเศียร

เป็นช้างจากนั้นได้เอาน้ำจากพระคงคาปะพรมให้มีชีวิตขึ้น เพื่อทำการขัดขวางแก่คนชั่วที่

จะไปบูชาศิวะลึงค์ที่เทวาลัยโสมนาถและเทวาลัยโสมีศวรเพราะคนเหล่านี้หวังจะไปล้าง

บาปเพื่อมิให้ตกนรกทั้งเจ็ดขุม ด้วยเหตุนี้ การที่วันคเณศจาตุรถี นิยมเอารูปปั้นพระคเณศ

มาจุ่มน้ำหรือนำเทวรูปปูนชิ้นเล็ก ๆมาทิ้งตามแม่น้ำคงคา ชะรอยจะมาจากความเชื่อที่ว่า

น้ำจากแม่พระคงคาจะทำให้พระคเณศมีชีวิตขึ้นมานั่นเอง


ตำนานที่ 4. พระคเณศ กฤษณะอวตาร


พระนางปราวตีมเหสีของพระศิวะไม่มีโอรส พระศิวะจึงทรงแนะนำให้พระนางทำพิธีปันยาก

พรต (พิธีบูชาพระวิษณุเทพ ในวันขึ้น 13 ค่ำเดือนมาฆะ) มีระยะเวลากำหนด 1 ปีเต็มและ

เมื่อครบกำหนด พระนางจะได้โอรสซึ่งเป็นพระกฤษณะอวตารไปจุติ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตาม

คำตรัสของพระศิวะ ทวยเทพทั้งหลายมาร่วมอวยพรในกลุ่มเทพเหล่านี้มีพระศนิ (พระเสาร์)

รวมอยู่ด้วย เมื่อพระศนิเหลือบมองพระกุมารทันใดนั้นเศียรกุมารก็ขาดจากพระศอกระเด็น

ไปยังโคโลกซึ่งเป็นวิมานของพระกฤษณะพระวิษณุจึงเสด็จไปยังแม่น้ำบุษปุภัทรเห็นช้าง

นอนหัวไปทางทิศเหนือจึงตัดเศียรช้างกลับมาต่อให้กับเศียรกุมารที่หายไป ตำนานนี้เข้าใจ

ว่าเป็นเรื่องที่สร้างโดยกลุ่มที่นับถือพระกฤษณะเป็นใหญ่


ตำนานที่ 5 ศิวะ-อุมาแปลงกายเป็นช้างเข้าสมสู่


ครั้งหนึ่งพระศิวะและพระนางปราวตีได้เสด็จมายังแถบภูเขาหิมาลัยได้เห็นช้างสมสู่กันก็

บังเกิดความใคร่ พระศิวะจึงได้แปลงเป็นช้างพลาย ส่วนนางปาราวตีแปลงกายเป็นช้างพัง

ร่วมสโมสรจนมีลูกเป็นพระคเณศ





https://www.geocities.com/thaiganesh/p07.html


วิธีการพิชิตศัตรู


พระพิฆเนศนั้นเป็นเทพที่มีลักษณะโดดเด่นกว่าเทพพระองค์อื่น

นอกเหนือจากเรื่องมีพระเศียรเป็นช้างแล้ว นั่นคือ การนิยมการนำศัตรู

เอามาเป็นพวก พระคเณศนั้นไม่นิยมที่จะล้างผลาญศัตรูให้ตายไปเหมือน

เทพพระองค์อื่น แต่มักจะใช้ปัญญาที่มีอยู่เป็นทุนเดิมในการดำเนินกุศล

โลบาย เพื่อให้ศัตรูมีโอกาสกลับใจมาเป็นคนดี หรือเรียกง่าย ๆก็คือ เมื่อยอม

สวามิภักดิ์แล้วก็จะให้เป็นเทพบริวารไล่เรียงกันไป

บรรดาเหล่ารายชื่ออสูรที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระคเณศประกอบด้วย

มัตสระ (ที่มาของคเณศปางวักระตุณฑะ)

มะทะ เกิดจากฤาษีโจวะนะสร้างขึ้น (ที่มาของปางเอกทันตะ)

ยานาริ ลูกของอสูรทุระพุทธ (ที่มาของปาง ปุระณานันมโหกระซึ่งอวตาร

มาเป็นลูกพระลักษมี)โลภาสูร กำเนิดจากความโลภของท้าวกุเบธ

(ที่มาของปางคชนันท์)

โกรธาสูร เกิดจากความลุ่มหลงของพระศิวะที่เห็นพระวิษณุแปลงรูปเป็น

สาววัย 16 (ที่มาของปางลัมโพทระ)

กามาสูร เกิดจากความลุ่มหลงของวิษณุเทพต่อชายาอีกพระองค์หนึ่ง ชื่อ

พระแม่วฤนทา (ที่มาของปางวิกฎะ)มมตาสูร เกิดจากเสียงหัวเราะของ

พระนางอุมา (ที่มาของวิฆนราช) อหัมอสูร เกิดจากเสียงจามของสุริยเทพ

(ที่มาของปางธูมรวรรณ)





เห็นว่าประวัติน่าสนใจดี จึงนำมาให้ดูกัน

พนักเก้าอี้อัลลอยด์ที่สนาม





อัลลอยด์ หากเป็นเก้าอี้หรือโต๊ะสนาม ก็น่าใช้

แต่ถ้าฉีดเป็นประตูรั้วกั้นขนาดใหญ่ จำเป็นจะต้อง

มีรางรองรับที่แข็งแรง เพราะน้ำหนักมาก มีประสบการณ์

ที่เคยได้ยินมา คนถูกประตูนี้ล้มทับ ถึงกับเป็นอัมพาตมา

แล้ว ถึงสองราย ฉะนั้นหากคิดว่าจะใช้บานประตูรั้วอัลลอยด์

ต้องมั่นใจว่ารางรองรับต้องลึกและหนาแน่นพอ





ไปทำงานก่อนนะคะ ส่วนเรื่องที่มีผู้สนใจการจัดดอกไม้

แบบกระทู้แรกจะนำมานำเสนอภายหลังค่ะ


In my mom's garden part 2จากpantipห้องย่อยต้นไม้

ผลงานที่หนึ่งสมุดมดของย่า

ผลงานที่สองสมุดสร้างสุขของย่า






Create Date : 10 มิถุนายน 2551
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2561 8:04:01 น. 21 comments
Counter : 4302 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะย่าดา
ปอเคยแวะไปทักทายย่าดาที่ ok.
แต่ก้อไม่ได้เข้าไปอัพบล๊อกอีก เพราะงง ค่ะ แหะๆ..
เลยมาทำบล๊อกที่บลีอกแก๊งค์ (ย่าดาคงลืมไปแระ)

ได้อ่านเรื่องราวของพระพิฆเณศแล้วไม่น่าเชื่อว่า จามากมายนาดนี้ รูปปั้นที่เอามาลงให้ดูสวยมากเลยค่ะ
ปอเคยเห็นแต่เป็นปางนั่ง ไม่ค่อยเห็นแบบยืน
แล้วผิวหนังละเอียดมาก เห็นรอยย่นของหนังช้างเลย

ดีใจทีได้แวะเข้ามาดูค่ะ
ของฝากนะคะ


โดย: Butterflyblog วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:10:35:09 น.  

 
ชอบรูปหมากพลูที่ศาลเจ้าที่สุด ภาพชัดแจ่ม เหมือนของจริงเลยค่ะ

ตามที่มีของไปฝากไว้ จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ และมีดอกไม้มาฝาก


โดย: fulgurant วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:10:51:37 น.  

 
ที่ ok. ชื่อ "NiNjAmaruko" ค่ะยาดา
ปอเขียนไว้ แค่สองไดอารี่เองค่ะ
พอไดฯที่สอง เหมือนกับมานหาย หรือหลบอยู่
ปอ งง ๆ เลยไม่กล้าเขียนหรือทำอะไรค่ะ แหะๆ...

ดีใจที่ย่าดาแวะไปเยี่ยมค่ะ
ปอขออนุญาตแอดนะคะ งุงิ


โดย: Butterflyblog วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:10:57:04 น.  

 
ย่าดา โอ้ ถ้าทายไปก็ผิดชัวร์ อิอิ จริงๆอี๊ทำงานด้านศิลปะ ก็ต้องบูชา พระพิฆเนศวร ถึงจะดี แต่ก็ยังไม่ได้เช่ามาบูชาสักทีอะคะ แต่เวลานั่งรถผ่านก็ยกมือไหว้ท่านตลอดนะคะ เสาร์นี้เตรียมตัวพร้อมแล้วช่ายไหมคะย่า อิอิ ช่วงนี้งานเยอะอะคะ เลยไม่ค่อยได้ซ่าส์เท่าไหร่ อิอิ เมื่อวานรีบกลับไปทำsurprise แม่กะพ่อ อิอิ หิ้วเค้กไอติมไปให้ อร่อยกันใหญ่ พร้อมด้วยซุปมิโซะมื้อดึก อิอิ


โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู ) วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:11:30:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ ย่าดา มาชมภาพสวย ๆ เหมือนเดิมค่ะ

ไม่ได้มาเยี่ยมนานเลย มาไหว้พระพิฆเนศวรด้วยค่ะ

อิ่มบุญอิ่มใจเลยนะค่ะช่วงนี้ แถมได้ความรู้อีกเพียบเลย
ไว้จะมาเก็บข้อมูลดี ๆ ตรงนี้อีกนะค่ะ


โดย: บ้านดินริมสวน วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:22:31:37 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ

เช้านี้ท้องฟ้าไม่แจ่มใสเหมือนเดิม ฝนตกทุกวัน อยากจะออกไปเดินเล่นถ่ายรูป ฝนก็ตกอีก วันนี้ถ้าพอมีแดดออก หนูจะเดินไปถ่ายภาพดอกฮันนี้อีกค่ะ คิดว่าวันนี้น่าจะบานกันมากขึ้น แล้วจะอัพเรื่องนี้อีกค่ะ ดอกนี้จัดเป็น wildflowers

เมื่อคืนหนูอ่านบทความที่ย่าดาให้สัมภาษณ์ในหญิงไทย หนูล่ะปลื้มเชียว เพราะหนูเคยอ่านบทความดอกไม้เล่าเรื่องของย่าดาค่ะ

ส่วนตัวเหมี่ยว (แทนตัวว่าหนูดูเด็กไปหน่อย อิอิ) ชอบดอกไม้มาแต่เด็ก เพราะหนังสือเล่มแรกที่พ่อซื้อให้อ่านคือ "เมื่อดอกไม้บาน" ของไทยวัฒนาพานิช หนังสือเล่มนี้ถูกพิมพ์หลายครั้ง แต่หนูชอบและสนใจพวกดอกหญ้าหรือดอกไม้ป่ามากกว่าดอกไม้สามัญทั่วไป คงได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ เพราะในหนังสือเล่มนั้นจะมีเรื่องของดอกหญ้าส่วนมาก เช่น ต้อยติ่ง ไมยราบ (สะกดอย่างนี้หรือเปล่าคะ) เป็นต้น

เวปดอกไม้ของป้าดาทำให้กรี๊ด ถ้าทำเป็นหนังสือคงจะดีมากๆ หนังสือเด็กพร้อมภาพประกอบ เด็กจะได้เรียนรู้ เห็นภาพ และรักดอกไม้ธรรมชาติ




โดย: fulgurant วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:22:58:08 น.  

 
แวะมาทักทายย่าดาค่ะ

มีความสุขมากๆน่ะค่ะ


โดย: มาเรีย ณ ไกลบ้าน วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:0:34:25 น.  

 
กราบสวัสดีย่าดาค่ะ
เห็นคนอื่นๆเรียกย่า ป้าวีเลยขออนุญาตเรียกตามค่ะ
ป้าวีตามมาเยี่ยมค่ะ และมาขอบคุณในไมตรีจิตค่ะ
ได้อ่านเรื่อง พระพิฆเนศวรของย่าดาพอดี
ป้าวีก็เพิ่งตั้งรูปบูชาพระคเนศวรปีนี้ค่ะ
พอดีเกิดปีหนู แล้วมีคนรู้จักชอบพอกันนำรูปท่าน
ที่อ.เฉลิมชัยเป็นคนวาดมาให้
ป้าวีเลยเริ่มศึกษาวิธีบูชาท่าน
ป้าวีทำบล็อกเกี่ยวกับท่านด้วยนะคะ
ถ้าว่างลองกดดูนะคะ







โดย: ป้าวี (ดราก้อนวี ) วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:8:41:48 น.  

 
ขออนุญาตแอดบล็อกย่าดานะค่ะ
จะได้มาชมภาพสวย ๆ เรื่องราวดี ๆ กันบ่อย ๆ ค่ะ


โดย: บ้านดินริมสวน วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:8:49:22 น.  

 
สวัสดีค่ะ ย่าดา...^^

วันนี้มาแล้วได้ความรู้ล้วนๆเลย...

พระพิฆเนศ มีหลายปางมากๆเลย แต่ก็เป็นเทพที่มีคนบูชาเยอะนะคะ...

ปล. ชอบดอกปีบจังเลย ^^


โดย: im virgo วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:11:20:01 น.  

 

ปอเอากาแฟมาฝากค่ะย่าดา
ที่ ok เป็นอย่างที่ย่าดาบอกจิงๆ แหละค่ะ งิงิ

ปอเลยลี้ภัย แหะๆ...

เปงอีกเหตุผลนุงค่ะ แง่มๆๆๆ


โดย: Butterflyblog วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:11:34:07 น.  

 
มีหลายตำนาน และหลายปางมากเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาฝากกันนะคะ

และขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมบล๊อกค่ะ...


ดับร้อนกันหน่อยค่ะ


โดย: vanilla_ole วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:11:39:46 น.  

 
สวัสดีค่ะย่าดา แวะมาทักทายค่ะ อย่าลืมไปเยี่ยมหลานที่บล๊อกบ้างนะคะ


โดย: ลูกตาลโตนดน้อย วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:13:36:52 น.  

 


มีซุปมิโซะผักเพื่อสุขภาพร้อนๆมาฝากคะย่าดา อยากให้ถึงวันศุกร์ไวๆจังเลย อยากดูกล้วยไม้อะคะ เสียดายวันเสาร์ bloggang ซ่อมไม่งั้นจะรีบเอารูปมาลงเป็นน้ำจิ้มก่อน อิอิ


โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู ) วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:15:30:35 น.  

 
มาชมผลงานของย่าทวดครับ


โดย: พนบ. วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:17:06:32 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ

รายงานอากาศที่นี่ ฝนตกอีกแล้ว ตกปรอย ๆ แบบเดียวกับเมื่อวาน แบบเดียวกับเมื่อวานซืน โอ๊ย ตกทุกวันมาห้าวันแล้วค่ะ

มีอาหารเช้าง่าย ๆมาฝากจ้ะ เผื่อไว้ทำวันหยุด เรียกว่า egg in a hole: ไข่ 1 ฟอง เนยประมาณ 1 ชต และหนมปังแผ่น 1 แผ่น

เจาะรูหนมปังรูปกลม ตามภาพ วางบนกระทะที่ใส่เนยไว้แล้วบนไฟกลางอ่อน อาจจะโรยพริกไทยเกลือ แผ่นกลมที่เจาะออก วางในกระทะด้วยก้น





กลับข้าง สุกน้อยสุกมากตามใจคนทำ


โดย: fulgurant วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:22:59:02 น.  

 
271,694 on 10.15


โดย: ดา ดา วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:10:18:45 น.  

 
ผู้เข้าชม จำนวน 301,119 on 12.40 19.8.51


โดย: ดา ดา วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:12:44:46 น.  

 
ผู้เข้าชม จำนวน 525,019 on 16.5.53


โดย: ดา ดา วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:32:13 น.  

 
ป้าไม่ได้แวะมา กวนนานเลย จำได้รีเปล่าก็ไม่รู้ มาสวัสดีปีใหม่2555 นะป้านะ เพิ่มขึ้นอีกปีเรียกป้ารึว่า


โดย: โมรนรน IP: 10.0.0.174, 110.77.248.214 วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:9:07:18 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณป้า โมรนรน มาเยี่ยมตั้งแต่ปี 54 แต่ย่าเห็นเม้นท์นี้เอาปี 61 7ปี ล่วงแล้ว ไม่ว่ากันนะคะ เพราะหน้านี้ไม่ใช่หน้าเมน ต้องจงใจเข้ามาดู จึงจะเห็นค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ



โดย: ดา ดา วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:7:09:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.