Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
ลับแลพิศวาส 3-3

คุณสายบัวดูตื่นเต้นเป็นพิเศษดวงตาที่แห้งแล้งอยู่เสมอนั้นทอประกายบางอย่าง มันเป็นประกายแห่งความหวังที่วันสุรีย์ไม่เคยเห็นมานานแล้วหล่อนจัดการทำตามที่ท่านสั่งเชิญแขกมารับรองที่ชุดเก้าอี้ในสวนโชคดีที่วันสุรีย์เบื่อที่จะนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้านหล่อนจึงจัดการเก็บกิ่งไม้แห้งและเล็มต้นไม้ที่ระเกะระกะสภาพทั่วไปบริเวณนั้นจึงพอรับแขกได้บ้าง

ชายท่าทางภูมิฐานคนนั้นแนะนำตัวเหมือนที่บอกกับวันสุรีย์ครั้งนี้เขามอบนามบัตรให้อีกใบเป็นการการยืนยันตัวตน “กระผมชื่อบุญรัตน์เป็นคนสนิทของท่านอรรณพที่มาวันนี้เพราะท่านอรรณพสั่งเสียไว้ให้มาเยี่ยมเพื่อนรักที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันคือท่านสว่าง”

วันสุรีย์ที่นั่งอยู่ห่างๆรอให้ท่านเรียกใช้จึงพลอยได้ยินเรื่องราวที่เขาเล่าไปด้วยนายบุญรัตน์เล่าถึงความรักและสนิทสนมของเจ้านายของเขาตามที่ได้รับฟังมา ทั้งยังนำความระลึกถึงจากท่านอรรณพมาแจ้งเมื่อทราบว่าท่านสว่างป่วยก็ขออนุญาตขึ้นไปเยี่ยมสักครู่จากนั้นจึงลงมาสนทนากันที่ในสวนเช่นเดิม

“ท่านอรรณพเสียแล้วครับเมื่อสองเดือนก่อนจัดงานศพเรียบร้อยแล้วธุระที่กระผมมาในวันนี้ก็เกี่ยวกับคำสั่งเสียของท่าน”

นายบุญรัตน์แจ้งว่าท่านอรรณพได้สั่งเสียเกี่ยวกับสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับท่านสว่างเรื่องที่จะดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน “ท่านเคยสัญญากันไว้ว่าหากมีบุตรชายหญิงจะให้สมรสกันแหวนนี้ถือเป็นคำสัญญา ท่านว่าได้ทำไว้สองวงเหมือนกันทุกประการหากได้เข้าพิธีก็จะได้ใช้เป็นแหวนแต่งงาน”

วันสุรีย์สังเกตเห็นแววตาตระหนกของคุณนายวูบหนึ่งหล่อนเดาว่าแหวนที่คุณท่านสว่างเก็บไว้นั้นคงไม่อยู่เสียแล้วหากมันมีมูลค่าพอจะแปรเป็นเงินได้คุณนายสายบัวยิ้มอย่างอ่อนแรงบอกกับนายบุญรัตน์ไปตรงๆ

“ดิฉันยินดีเหลือเกินค่ะคุณบุญรัตน์ที่ทางท่านอรรณพยังคิดถึงสัญญาที่ให้ไว้คุณท่านสว่างเคยเล่าให้ดิฉันฟังอยู่เหมือนกันแต่ก็คิดว่าเป็นคำพูดเล่นหยอกกันไม่ได้มีความหมายจริงจังอะไร”

“มิได้ครับท่านอรรณพสั่งเสียไว้เป็นมั่นเหมาะ อันที่จริงก่อนท่านเสีย ท่านก็พูดถึงท่านสว่างมานานแล้วเกริ่นว่าจะมาพบแต่เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานหลายปีทำให้ไม่ทราบว่าท่านย้ายไปอยู่ไหนอีกอย่างทางบ้านของท่านก็บุกเบิกทำธุรกิจ จึงยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ นี่กระผมเองก็ใช้เวลาสืบเสาะอยู่เป็นอาทิตย์จึงหาที่อยู่ของท่านได้”

ท่านอรรณพคนนี้คงเป็นคนใหญ่คนโตและมีอำนาจน่าเกรงขามอยู่มากลูกหลานจึงได้ปฏิบัติตามคำสั่งเสียของท่านอย่างเคร่งครัดเช่นนี้

“ดิฉันมีลูกสาวค่ะลูกสาวคนเดียวชื่อเอื้องอรุณอายุได้ยี่สิบปีแล้วยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่” คุณนายโกหกหน้าตาเฉยปีนี้คุณเอื้องอายุย่างเข้ายี่สิบสองแล้วหล่อนเพิ่งเริ่มเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งใหม่แต่อาศัยเทียบโอนวิชาจากที่เก่าซึ่งถูกรีไทร์ออกมาได้บางวิชาจึงเทียบเท่าได้กับนักศึกษาปีที่สอง

นายบุญรัตน์มีสีหน้ายินดีขึ้นทันตาเขายิ้มกว้างขณะบอก “ดีเลยครับ ท่านอรรณพมีบุตรชายคนเดียวเหมือนกัน...คุณใหญ่คุณอาชวิน”

นั่นเป็นครั้งแรกที่วันสุรีย์ได้ยินชื่อเขา...อาชวินทัดเทวา 

ผู้ชายที่เปลี่ยนชีวิตหล่อนไปตลอดกาล

**********

นายบุญรัตน์มาเพื่อทำตามคำสั่งของลูกหลานตระกูลทัดเทวาเพื่อทาบทามคุณเอื้องอรุณไปเป็นสะใภ้แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือเรื่องนี้กลายเป็นชนวนเหตุให้คุณนายและบุตรสาวทะเลาะกันครั้งใหญ่อีกครั้ง

“เอื้องไม่แต่งนะแม่เป็นตายยังไงเอื้องก็ไม่แต่ง”คุณเอื้องอรุณยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียว หล่อนมีเหตุผลสารพัดที่จะยกมาอ้างทั้งเรื่องการเรียนการเข้าสังคม หลักๆแล้วคือการที่หล่อนต้องแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนไม่เคยเห็นแม้กระทั่งหน้าตา

“สมัยนี้มันไม่มีแล้วนะแม่ไอ้ที่พวกผู้ใหญ่จะรวบรัดให้ลูกหลานแต่งงานกันแบบคลุมถุงชนคนหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้รู้จักกันได้ง่ายไม่ใช่เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่กับบ้านไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอย่างสมัยก่อนพ่อแม่ถึงต้องไปมองหาคู่ให้”

อันที่จริงก็ถูกของคุณเอื้องประเพณีคลุมถุงชนนั้นเกิดจากที่ในสมัยก่อนผู้หญิงต้องเก็บตัวเป็นกุลสตรีอยู่กับบ้านไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชายไปมาหาสู่กันง่ายๆการจะได้คบหาดูใจกันก่อนนั้นยากเย็นนัก พ่อแม่หรือเถ้าแก่จึงต้องมองหาคู่ครองที่เหมาะสมกันและทาบทามสู่ขอให้สมัยนี้แค่เดินตามถนนถูกใจกันก็แลกเบอร์โทรศัพท์หรือแค่เข้าอินเทอร์เน็ตเห็นหน้าตาถูกใจก็เข้าไปคุยกันได้แล้ว

“แม่รู้แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ที่ว่าเขารวย รวยมากนะเอื้อง”

“แม่จะให้เอื้องขายตัวหรือไง” เอื้องอรุณโพล่งขึ้นมาตามนิสัยกร้าวกระด้างของหล่อน “ขายตัวเอาเงินสินสอดมาใช้หนี้หรือไง”

“เอื้องจะพูดให้มันฟังดูแย่อย่างนั้นก็ตามใจแต่มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะทำได้”คุณนายกลับไม่แก้ตัวอะไรทั้งสิ้น

“สิ้นเดือนนี้ธนาคารจะมายึดบ้านแล้วนะเอื้อง” ท่านวางจดหมายเตือนจากธนาคารปึกใหญ่บนโต๊ะ “เราจะไม่มีที่ซุกหัวนอนกันแล้ว”

“ก็ย้ายสิแม่เอื้องเคยบอกแล้วไปอยู่บ้านหลังเล็กกว่านี้ก็ได้ เอื้องอยู่ได้”

“ไปเช่าห้องแถวอยู่อย่างนั้นหรือห้องที่เราพอจะจ่ายค่าเช่าได้มันจะได้สักกี่ตารางเมตร คุณพ่อก็ป่วยต้องมีคนดูแลแทบตลอดเวลาเอื้องกับแม่นอนรวมกันกับท่านในห้องเดียวแล้วให้วันกับยายแววนอนที่บันไดไหมล่ะ” คุณสายบัวพูดเรื่อยๆไม่มีร่องรอยประชดประชัน แต่เอื้องอรุณได้ฟังก็สะอึกไปหล่อนได้แต่กำมือก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่นอย่างคับแค้นใจ

“เอื้องจะให้แม่ทำอะไรลงทุนให้แววทำกับข้าว วันเอาไปขายตามตลาดไหมเอื้องอยู่บ้านคอยดูแลคุณพ่อได้หรือเปล่า ต้องเช็ดตัวทำความสะอาดเวลาท่านขับถ่าย ป้อนอาหารทางสายยางเช็ดแผลไม่ให้อักเสบติดเชื้อคอยวัดไข้และพลิกตัวทุกชั่วโมงเอื้องทำได้ไหม” คุณนายพูดราวกับจะตัดพ้อ

“เราจนกรอบแล้วเอื้อง ยอมรับความจริงเถอะและบ้านนั้นร่ำรวยมากไม่ใช่แค่ระดับเศรษฐีแต่เป็นมหาเศรษฐีแค่สินสอดทองหมั้นก็พอให้เราปลดหนี้ได้แล้วมันเป็นทางออกเดียวที่เรามีในเวลานี้”

เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่วันสุรีย์เห็นคุณเอื้องร้องไห้หล่อนร้องไห้เงียบๆไม่ฟูมฟายแต่น้ำตามากมายไหลอาบแก้มอย่างคนทุกข์ใจแสนสาหัส

“ถ้าแม่บังคับเอื้องเอื้องจะฆ่าตัวตาย” หล่อนบอกเสียงกร้าวจากนั้นจึงกระแทกเท้าปึงปังกลับเข้าห้องไปคุณนายสายบัวเอนกายพิงพนักเก้าอี้หลับตาอย่างอ่อนแรงสีหน้าของท่านก็เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นกัน

วันสุรีย์ใจหาย เห็นสภาพเช่นนั้นแล้วก็พลอยทุกข์และกังวลราวกับเป็นปัญหาของตนเองไปด้วยคืนนั้นบ้านทั้งบ้านตกอยู่ในบรรยากาศเคร่งเครียดและเศร้าหมอง ด้วยความขัดแย้งและปัญหาที่แก้ไม่ตกวันสุรีย์เฝ้าพยาบาลคุณท่านสว่างตามปกติ น่าแปลกที่ท่านไม่หลับเช่นทุกคืนแต่กลับกระสับกระส่ายขยับตัวไปมา

วันสุรีย์รับหน้าที่ดูแลท่านมานานสังเกตเห็นความผิดปกติหลายอย่างจึงไม่กล้าทิ้งท่านกลับไปที่ห้องปกติแล้วหากท่านรู้ตัวท่าน จะนอนลืมตากลอกตาไปมาคล้ายเด็กเล็กร่างผอมแห้งเหลือแต่กระดูกนั้นงอก่องอขิงแต่ขาของท่านจะขยับยืดงอสลับกันเช่นเดียวกับแขนผอมๆท่านอยู่ในลักษณะนี้จนสี่ทุ่มก็ยังไม่มีท่าว่าจะหลับวันสุรีย์ตัดสินใจไปเรียนคุณนายให้ทราบพร้อมกับบอกท่านเรื่องที่คุณเอื้องไม่ยอมลงมาทานอาหารเย็น

“ท่านมีไข้หรือเปล่าวัน” คุณนายห่วงสามีเป็นอันดับแรกท่านเฝ้าแตะตามเนื้อตัวสังเกตความผิดปกติ

“ไม่มีค่ะวัดแล้วเมื่อตอนสามทุ่ม ท่านดูกระสับกระส่ายไม่ยอมนอน”

“วันไปเรียกคุณเอื้องไปออกไปโทรศัพท์ที่หน้าปากซอยลองถามอาการกับคุณหมอวิสุทธิ์ดูจะให้ทำยังไง” นายแพทย์ท่านนั้นเป็นเพื่อนสนิทของครอบครัวที่คอยดูแลอาการป่วยของท่านสว่างมาโดยตลอดแต่การจะติดต่อท่านก็ต้องออกไปใช้โทรศัพท์ที่ร้านสะดวกซื้อบริเวณปากซอยดึกดื่นเช่นนี้เด็กผู้หญิงเดินไปคนเดียวออกจะน่าห่วงไม่น้อย ท่านจึงให้คุณเอื้องออกไปเป็นเพื่อน

“วันไปเองก็ได้ค่ะรีบไปรีบกลับไม่เป็นไร”วันสุรีย์เองก็ห่วงท่านไม่น้อยไปกว่าคุณนาย

“เรียกเอื้องเถอะเขายังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่หรือ เผื่อว่าออกไปด้วยกันเห็นของอะไรอยากกินที่ร้านนั่นจะได้ซื้อเข้ามาด้วยเสียเลย” คุณนายเองก็รู้ดีว่าคุณเอื้องโกรธท่าน และนี่เป็นวิธีการง้อบุตรสาวที่หัวแข็งวิธีหนึ่ง

วันสุรีย์เคาะประตูเรียกเอื้องอรุณอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับหล่อนเริ่มใจไม่ดีจึงเรียนคุณนายให้ทราบอีกท่านรีบหยิบกุญแจสำรองพวงใหญ่ไขเปิดประตูอย่างร้อนใจ

“เอื้อง เอื้องเอ๊ยทำอะไรอยู่ลูก นอนหลับหรือไม่สบาย”ปากท่านพร่ำเรียกหามือก็สั่นเทาเสียจนวันสุรีย์ขอเป็นคนไขกุญแจให้

เมื่อประตูเปิดออกภาพที่เห็นนั้นทำให้หล่อนตกใจจนตัวแข็งค้างตกตะลึงไปชั่วขณะเสียงแหบที่พยายามจะหวีดร้องของคุณนายสายบัวดังขึ้นเบื้องหลังปลุกวันสุรีย์ให้ขยับวิ่งเข้าไปที่เตียง

คุณเอื้องอรุณนอนหงายขวางกับเตียงในสภาพหมดสติที่พื้นหน้าเตียงนั้นเม็ดยาสีขาวกระจายเกลื่อนห้องนอนเล็กๆของหล่อนเหม็นคลุ้งด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่ที่ไม่รู้ว่าหล่อนไปหามาจากไหนคุณนายสายบัวพลอยหมดแรงทรุดนั่งลงกับพื้นวันสุรีย์ละล้าละลังว่าจะช่วยปฐมพยาบาลใครก่อนหล่อนตัดสินใจพุ่งตัวไปที่คุณเอื้องอรุณใช้นิ้วมือที่สั่นระริกรองใต้จมูกและจับตามเนื้อตัวตัวหล่อนยังอุ่นอยู่ลมหายใจยังมีแม้จะรวยรินเหลือเกิน

“คุณเอื้องคะคุณเอื้อง” หล่อนพยายามปลุกเอื้องอรุณให้ได้สติ แต่หญิงสาวอือออตอบได้ไม่เป็นภาษาตาเหลือกลอยหมดสภาพเสียงคุณนายสายบัวร่ำไห้สะอื้นราวกับจะขาดใจดังโหยหวนขึ้นในนาทีนั้น




Create Date : 17 มกราคม 2558
Last Update : 17 มกราคม 2558 18:52:55 น. 0 comments
Counter : 532 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.