Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
ลับแลพิศวาส 1-2 จบตอน

“บ้านทัดเทวา” ที่ปรากฏแก่สายตานั้นผิดจากที่คาดไปไกลลิบ อันที่จริงมันต่างจากที่คิดยิ่งกว่าฟ้ากับเหวบ้านสองชั้นขนาดใหญ่กว่าบ้านของชาวบ้านทั่วไปก็จริงแต่ตัวตึกเก่าโทรมอายุน่าจะราวยี่สิบปีได้ เพ็ญศรีถึงกับอ้าปากหวอเมื่อมองเพดานห้องที่มีหยากไย่เกาะหนาจนน่าขนลุก ไม่มีใครเห็นหรืออย่างไรกันถึงได้ปล่อยมันย้อยเป็นสร้อยระย้าแบบนั้น

“แม่คนอ้วนนี่ชื่ออะไร”


“เพ็ญ...เพ็ญศรีเจ้าค่ะคุณนาย”

คุณนายของบ้านทัดเทวาดูไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลยหล่อนเป็นหญิงวัยห้าสิบเศษที่ดูแก่กว่าอายุจริง ใบหน้านั้นมีแต่รอยยับย่น ดวงตาหลังแว่นสายตาอันเล็กนั้นดูลอกแลกระแวงระวังมองในแง่ดีก็คงเป็นคนช่างสังเกต แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆมันดูไม่น่าไว้ใจคล้ายงูคอยจ้องฉกเหยื่อ


หล่อนมีผมขาวแซมเทาทั้งศีรษะอีกทั้งยังใส่เสื้อทำจากผ้าลูกไม้ราคาถูกสีครีมแขนกระบอกกับผ้าถุงสีน้ำเงินอย่างธรรมดายาวกรอมเท้าดูเผินๆเหมือนยายป้าชาวบ้านที่เห็นได้ทั่วไปมากกว่าจะเป็นคนร่ำรวย


“เรียกฉันว่าคุณแม่บ้านฉันชื่อแสงบุญ จะเรียกคุณแสงก็ได้” หล่อนขยับแว่นมองเอกสารสมัครงานสองฉบับที่อยู่ในมือ


“อายุสามสิบห้าเป็นคนที่นี่หรือ...อยู่แค่ตัวจังหวัดนี่เอง”


“คนที่นี่เจ้าค่ะ” เพ็ญศรีรับคำอย่างนอบน้อม “ฉันทำข้าวแกงขายมาหลายปีแล้วขอสมัครเป็นคนครัวเจ้าค่ะ”


“แล้วแม่คนนี้ล่ะ” แสงบุญหันมามองเอกสารฉบับที่สองสลับกับมองคนที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นเบื้องหน้าเอกสารสำเนาบัตรประชาชนนั้นไม่ชัดเจนนักจนต้องหรี่ตามองอย่างเพ่งพิศ


“นี่หล่อนเอาผ้ามาพันหัวหูทำไมเป็นพวกต่างศาสนาหรือไงกัน ฉันไม่รับหรอกนะ กินอยู่ก็ไม่เหมือนกัน ลำบาก”


“เป็นคนไทยพุทธค่ะ”


“เอาผ้าออกหล่อนเป็นโรคอะไรทำไมต้องคลุมผ้าอย่างนั้นเล่า”

คุณแม่บ้านใหญ่เหวขึ้นอย่างรำคาญ เพ็ญศรีลอบอมยิ้มนึกสมน้ำหน้านังคนจองหองแค่มาถึงก็ถูกเอ็ดเอาเสียแล้วท่าทางหล่อนจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน หญิงสาวที่ชื่อวันถอนหายใจยาว แต่ก่อนที่แสงบุญจะเอ็ดเอาหล่อนก็ชิงบอกเสียก่อน


“ดิฉันแพ้ฝุ่นทางเดินหายใจก็ไม่ค่อยดีเลยต้องคลุมหน้าเอาไว้กันฝุ่นพอใช้นานเข้าก็เลยติด”

หล่อนบอกขณะดึงผ้าคลุมผมออกช้าๆ เพ็ญศรีพลอยเอียงคอมอง อยากเห็นหน้าหล่อนชัดๆเหมือนกันฟังจากน้ำเสียงดูจะเป็นคนเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย


ผ้าคลุมผมสีดำของหล่อนเป็นผ้าเนื้อนิ่มผืนใหญ่ที่พับทบสองชั้นแล้วก็ยังคลุมได้ตลอดศีรษะใบหน้าบางส่วนและลำคอเมื่อมันถูกถอดอออกจนมองเห็นหน้าของหญิงประหลาดนั้นชัดตาก็ทำเอาหญิงต่างวัยทั้งสองจ้องหล่อนอย่างตกตะลึงด้วยความรู้สึกต่างกัน


สำหรับเพ็ญศรีแล้วหล่อนถึงกับอ้าปากค้างทีเดียว แม่วันอะไรสักอย่างคนนี้ สวยจัดจนน่าตกใจจริงๆ หล่อนมีผิวออกเหลืองแต่เป็นผิวเหลืองที่ดูผุดผ่องกระจ่างตาเป็นสีผิวอย่างที่ไม่ค่อยเห็นในหญิงไทยทั่วไปน่าจะออกไปทางพวกพม่ารามัญอะไรทำนองนั้นมากกกว่า

ดวงตาที่เพ็ญศรีเห็นจากด้านข้างนั้นล้อมด้วยแพขนตาดกหนายามที่หล่อนเงยหน้าขึ้นมองตอบคุณแม่บ้านยังเห็นประกายตาวาววามดวงตาน่าจะกลมโตดีทีเดียว ริมฝีปากนั้นหรือก็ได้รูปทั้งยังมีเลือดฝาดดีจนเป็นสีจัด ที่น่าประหลาดใจคือหล่อนน่าจะอายุราวยี่สิบต้นๆเท่านั้นทั้งที่น้ำเสียงห้วนดุทำให้นึกไปว่าหล่อนน่าจะรุ่นสักสามสิบ

เส้นผมของแม่วันน่าจะเป็นอีกส่วนที่สะดุดตาอย่างที่สุดมันเป็นผมยาวตรงที่ดำเงางามอย่างมีสุขภาพดีเพ็ญศรีเคยเห็นผมแบบนี้ก็แต่ในโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่เขาว่าภาพพวกนั้นใช้เทคนิคการถ่ายทำให้ดูสวยเกินจริงแต่นี่หล่อนได้เห็นกับตา มันเป็นผมเส้นเล็กละเอียดดำขลับที่ขึ้นเงาวับจนเป็นประกายน่าเสียดายเจ้าตัวกลับแสกกลางและรวบตึงเป็นมวยต่ำไว้เสียที่ท้ายทอยซึ่งทำให้หล่อนดูแก่ไปอีกมากโขหล่อนน่าจะปล่อยให้ยาวเคลียบ่าจะน่าดูขึ้นอีกมาก


แสงบุญเองก็เผลอมองหล่อนอย่างตะลึงเช่นกันคุณแม่บ้านใหญ่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างกังวลแกมด้วยไม่พอใจ กระทั่งเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหล่อนกระแอมเล็กน้อยก่อนจะตวาดแม่วันเสียงเข้ม


“หล่อนมีผ้าคลุมติดมากี่ผืน”


“ก็...หลายผืนอยู่ค่ะ” แม่วันตอบสั้นเช่นกัน หล่อนก้มหน้าแต่ตอบชัดถ้อยชัดคำไม่ได้กลัวคุณแม่บ้านใหญ่แม้แต่น้อย


“ฉันอนุญาตให้หล่อนคลุมผ้าได้ห้ามถอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนออกไปข้างนอก แม้แต่อยู่ในบ้านนี้ถ้าหล่อนไม่ได้อยู่ในห้องส่วนตัวก็ห้ามถอด” กฎประหลาดนั้นแม้แต่เพ็ญศรีที่ไม่ได้เกี่ยวด้วยยังถึงกับงงแต่แม่วันกลับรับคำง่ายๆคล้ายยอมรับสภาพ


“หล่อนอายุแค่ยี่สิบสองเองนี่นาชื่อแปลก...วันสุรีย์”


“ตอนแรกชื่อวันคำเดียวค่ะแต่อยากมีชื่อเพราะๆ บ้างเลยไปเปลี่ยนชื่อ”


“งานของหล่อนมันต้องดูแลเด็กเล็กด้วยจะทำไหวหรือ”


“ฉันเคยมีลูก...มาแล้วค่ะ” คราวนี้แม่วันหล่อนเงยหน้าขึ้นมองตาวาว


“อาไร้หล่อนยังอายุน้อยแค่นี้”


“ฉันแต่งงานตั้งแต่อายุสิบแปดค่ะแต่ไม่ได้จดทะเบียน” หล่อนบอกอย่างไม่สะทกสะท้านเช่นเดิม


“แล้วลูกผัวหล่อนไปอยู่ไหนเสีย”


“ฉันเพิ่งเลิกกับผัวก็เลยทิ้งลูกไว้ที่บ้านฝากให้แม่เลี้ยงค่ะ ต้องหางานทำส่งเงินไปให้”


“มิน่าล่ะเป็นแม่ร้างแม่ม่ายฉันถึงว่าหุ่นหล่อนมันเกินอายุทั้งหน้าอกหน้าใจสะโพกผายอวบ” แสงบุญกวาดตามองอย่างไม่เกรงใจ


“อายุแค่นี้ก็ปล่อยตัวปล่อยใจจนเสียคน” น่าแปลกที่คุณแม่บ้านกลับดูจะโล่งใจมากขึ้นที่หาข้อตำหนิได้ หล่อนขยับริมฝีปากยิ้มเหยียด


“นี่คงไม่ได้เรียนหนังสือสินะมัวใจแตกมีผัวเสียแบบนี้หล่อนเรียนจบชั้นไหน”


“มอหกเรียนไม่จบค่ะได้วุฒิแค่มอสาม”


“ว่าแล้วความรู้ก็ไม่มีคนเรานี่ก็นะลูกตัวไม่ได้เลี้ยงต้องมานั่งเลี้ยงลูกคนอื่นเวรกรรมแท้เชียว แต่เอาเถอะก็ยังดีที่หล่อนคิดจะทำงานทำการไม่ใช่เอาเนื้อตัวหางานง่ายๆเงินดีเออ...ว่าแต่หล่อนจะมาหาผู้ชายแถวนี้ไม่ได้นะยะแม่วัน จะเที่ยวได้เดินโชว์อวดรูปร่างให้ผู้ชายในไร่มันดูไม่ได้ไอ้พวกนั้นมันกลัดมันทั้งนั้น ที่มีเมียแล้วก็ไม่กี่คนถ้าฉันรู้ว่าหล่อนไปให้ท่าให้ทางมันล่ะก็ฉันไล่หล่อนออกแน่จำไว้”


“เจ้าค่ะ”วันสุรีย์รับคำพร้อมกับคลุมผ้าไว้ตามเดิม


เพ็ญศรีนั่งฟังไปก็อ้าปากค้างไป แม่วันคนนี้อายุยังน้อยแต่ช่างอดทนเสียจริงถ้าเป็นเพ็ญศรีอายุเท่านี้ถูกซักไซ้พร้อมกับตำหนิไปด้วยแบบนี้มีหวังได้ปล่อยโฮแต่ละเรื่องที่คุณแม่บ้านใหญ่ขุดคุ้ยถามล้วนแต่เป็นเรื่องน่าอายทั้งนั้นไม่ถามเปล่ายังแสดงท่าดูถูกแกมสบประมาทอีกด้วย...แม่วันยังทนนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไรเหลือเชื่อจริงๆ


“หล่อนทั้งสองคนมีหน้าที่ดูแลรับใช้แม่เพ็ญทำกับข้าวเป็นหน้าที่หลัก หล่อนรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินทั้งหมดของคุณผู้หญิงและคุณท่านเมนูแต่ละวันฉันจะเป็นคนจัดการสั่งช่วงแรกๆนี่จะต้องคอยมาดูหล่อนปรุงอาหารชิมรสด้วย ส่วนแม่วันหล่อนทำความสะอาดทั่วไปซักรีดเสื้อผ้าของท่านและดูแลคุณหนูทุกวัน”


“คุณแม่บ้านคะเพ็ญขอกราบอนุญาตขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมเจ้าคะ” เพ็ญศรีที่ช่างสังเกตถามขึ้น


“หล่อนสงสัยอะไร”


“คุณๆอยู่กันที่นี่หรือคะเอ่อ...เพ็ญว่าไม่ค่อยสมฐานะมั้งเจ้าคะ” หล่อนนึกในใจ...ท่านคงเป็นผู้ดีตกยาก


“โธ่เอ๊ย” นางแสงถึงกับอุทานด้วยความขบขัน “หล่อนนี่มันซื่อจริงๆ บ้านหลังนี้อยู่ในอาณาเขตของท่านจริงแต่ก็เป็นแค่...เรือนคนใช้เรือนใหญ่อยู่ด้านใน” แสงบุญหัวเราะ


“ตึกใหญ่ต้องเดินทะลุไปด้านหลังนั่นส่วนที่นี่นอกจากพวกหล่อนและฉันแล้วก็จะมีเด็กรับใช้อีกสองคนชื่อนังแป้นกับนังกลอยอายุสิบแปดสิบเก้ารุ่นๆแม่วันนี่ล่ะแต่ยังไม่มีลูกผัว” แสงบุญจงใจเน้นเสียงขณะปรายตาเยาะมาทางวันสุรีย์


“ฉันมีห้องพักที่ตึกใหญ่อีกที่หนึ่งเด็กสองคนนั่นก็เหมือนกันบางครั้งงานมากท่านเรียกให้รับใช้ก็ค้างเสียที่โน่นไม่กลับมานอนก็มี แต่หล่อนสองคนอยู่เสียที่นี่ล่ะ”แสงบุญจัดการให้เสร็จสรรพก่อนจะแจงต่อ เพื่อไม่ให้แม่คนขี้สงสัยถามอีก


“แต่ก่อนก็มีนังแป้นคอยรับใช้คุณผู้หญิงส่วนนังกลอยรับหน้าที่เลี้ยงคุณหนู แต่หลังๆนี้คุณผู้หญิงท่านออกงานสังคมบ่อยจัดเลี้ยงเพื่อนฝูงก็หลายครั้งงานเริ่มล้นมือ คุณหนูก็โตขึ้นทุกวันเด็กรับใช้สองคนนั่นรับงานไม่ไหวก็เลยต้องหาคนเพิ่มไงล่ะ”


“แต่ว่า...” เพ็ญศรียังสงสัยก็ประตูบ้านก็เก่าจวนพังไม่อายแขกไปใครมาบ้างหรือไร “ท่านไม่ซ่อมประตูหรือเจ้าคะเกรงว่าแขกไปใครมามันจะพังโครมเข้าให้”


“โอยนังคนนี้ช่างสงสัยจริง” คุณแม่บ้านเริ่มชักสีหน้า


“ก็ทางที่หล่อนมามันเป็นหลังบ้านย่ะประตูหน้าอยู่อีกทางหนึ่ง ทางนั้นน่ะเงียบเหงาเป็นป่าช้า นานๆถึงจะมีรถโดยสารของเด็กเฮียฮ้อผ่านเข้ามาสักทีโน่น ของพวกไร่รุ่งอรุณนู่นเป็นทางผ่านหน้าบ้านเขา”


“มิน่าล่ะเพ็ญถึงว่ามันต่างกันราวฟ้ากับเหว” เพ็ญศรีถึงบางอ้อ


“ฉันจะบอกให้นะยะหล่อนทัดเทวา น่ะเทียบกับบ้านไร่รุ่งอรุณนั่นไม่ได้เลยหล่อนอย่าเอาไปเปรียบทางนี้เป็นเจ้านายเก่าสมบัติที่ดินพะเรอเกวียนได้มาอย่างถูกต้องคนแถบนี้ก็รักใคร่เคารพคุณท่าน แต่ไอ้ไร่รุ่งอรุณนั่นมันพวกเศรษฐีใหม่อวดร่ำรวย กิริยามารยาททรามราวกับกุ๊ยดีๆนี่เอง” น้ำเสียงที่ใช้ทำให้จับได้ถึงความไม่ชอบหน้าอย่างแรงบางทีเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงนี้คงไม่ได้ไปมาหาสู่กันอย่างปกตินัก


“เอาล่ะแม่วันเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บ ห้องของหล่อนอยู่ปีกซ้ายชั้นล่างติดกับห้องคุณหนู เห็นเป็นตึกเก่าโทรมๆอย่างนี้กว้างขวางสะดวกสบายดีมีห้องน้ำในตัวเสร็จสรรพเชียวล่ะส่วนแม่เพ็ญหล่อนก็นอนเสียที่ห้องนอนเล็กชั้นสองเป็นห้องส่วนตัวเหมือนกัน”


เพ็ญศรีได้ยินดังนั้นก็หน้าบาน หล่อนดูจะได้รับโอกาสที่ดีกว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างน้อยการทำอาหารนั้นมีเวลาระบุไว้ชัดเจนแต่ละมื้อ เศรษฐีบางจำพวกนั้นไม่นิยมรับประทานอาหารคราวละมากๆเพราะต้องการรักษารูปร่างหล่อนจะเหนื่อยหน่อยก็น่าจะมือเย็นดูไปแล้วไม่ต้องวิ่งวุ่นทั้งวันเหมือนนังวันแม่แก่นั่น


“ฉันจะพาเพ็ญศรีไปดูตึกใหญ่บางทีหล่อนอาจต้องไปรับใช้ที่ตึกใหญ่บ้าง ถ้าท่านเรียกหาให้ทำของเช้าหรือของดึกให้กินแต่แม่วันไม่ต้องไปไหน เก็บของแล้วจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อยก็ได้เดี๋ยวคุณหนูตื่นจะให้นังกลอยพามา อ้อ ถ้าหล่อนว่างนักก็ไปเก็บกวาดห้องคุณหนูไว้ก็แล้วกันจะได้ไม่เสียเวลาไปนังเพ็ญไปด้วยกัน”


หญิงทั้งสองชักชวนกันไปที่ตึกใหญ่เพ็ญศรีนั้นช่างประจบหล่อนเรียกหาคุณแม่บ้านอย่างนอบน้อม คุณแสงอย่างนั้นคุณแสงอย่างนี้จนอีกฝ่ายเดินเชิดหน้านำไปอย่างพอใจ


วันสุรีย์มองตามพวกหล่อนจนลับสายตาจากนั้นจึงนำกระเป๋าสัมภาระเดินตรงไปยังห้องพักและเป็นที่ทำงานแต่แทนที่จะอาบน้ำจัดของอย่างที่คุณแม่บ้านบอก หญิงสาวกลับตรงไปยังประตูที่กั้นระหว่างห้องนอนของหล่อนกับห้องเด็กเป็นอย่างแรกเมื่อผลักให้ประตูเปิดกว้างกลิ่นบางอย่างก็โชยเข้าปะทะจมูก มันเป็นกลิ่นอับสกปรกของความอับชื้นคละกับกลิ่นหมักหมมของน้ำนมหรือปัสสาวะเด็กก็ไม่ทราบได้ทำเอาหล่อนแทบจะเป็นลม ข้าวของต่างๆวางระเกะระกะทั้งสกปรกไปด้วยฝุ่นอยู่ไม่น้อย


แม้สภาพห้องที่หล่อนต้องทำงานนับตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่น่าดูแต่วันสุรีย์ก็ไม่ได้นึกรังเกียจ ตรงข้ามหัวใจของหล่อนกลับเต้นโลดแรงขึ้นอย่างตื่นเต้นระคนด้วยความหวังบางอย่างหล่อนตรงไปยังเตียงคอกสำหรับเด็กที่มีทั้งหมอนใบเล็ก หมอนข้างและตุ๊กตาตาทำจากผ้าขนหนูเนื้อดีราคาแพงแต่เก่ามอยืนนิ่งมองอยู่เนิ่นนาน


มือเรียวเอื้อมออกไปหยิบหมอนที่เปรอะคราบเหงื่อไคลและน้ำลายอย่างที่คงไม่ได้ซักมาเป็นแรมเดือน มันสั่นน้อยๆขณะหยิบขึ้นมาแนบแก้ม หญิงสาวเกลือกหน้ากับหมอนใบเล็กสกปรกสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดราวกับจะซึมซับเอากลิ่นเนื้ออ่อนละมุนที่ยังจำได้ไม่ลืมแม้กระทั่งในความฝัน


น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นไว้กลับมาทะลักทลายเอาตอนนี้วันสุรีย์ใช้หมอนใบเล็กปิดกั้นเสียงสะอื้นและซับน้ำตาที่ไหลริน เสียงร้องไห้นั้นจึงดังสะท้อนอยู่เพียงในอก

...เป็นเสียงโหยไห้เจ็บปวดราวกับคนที่กำลังหัวใจสลายก็ไม่ปาน




Create Date : 10 มกราคม 2558
Last Update : 13 มกราคม 2558 7:55:02 น. 0 comments
Counter : 558 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.