แม่คนอ้วนนี่ชื่ออะไร
เพ็ญ...เพ็ญศรีเจ้าค่ะคุณนาย
คุณนายของบ้านทัดเทวาดูไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลยหล่อนเป็นหญิงวัยห้าสิบเศษที่ดูแก่กว่าอายุจริง ใบหน้านั้นมีแต่รอยยับย่น ดวงตาหลังแว่นสายตาอันเล็กนั้นดูลอกแลกระแวงระวังมองในแง่ดีก็คงเป็นคนช่างสังเกต แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆมันดูไม่น่าไว้ใจคล้ายงูคอยจ้องฉกเหยื่อ
หล่อนมีผมขาวแซมเทาทั้งศีรษะอีกทั้งยังใส่เสื้อทำจากผ้าลูกไม้ราคาถูกสีครีมแขนกระบอกกับผ้าถุงสีน้ำเงินอย่างธรรมดายาวกรอมเท้าดูเผินๆเหมือนยายป้าชาวบ้านที่เห็นได้ทั่วไปมากกว่าจะเป็นคนร่ำรวย
เรียกฉันว่าคุณแม่บ้านฉันชื่อแสงบุญ จะเรียกคุณแสงก็ได้ หล่อนขยับแว่นมองเอกสารสมัครงานสองฉบับที่อยู่ในมือ
อายุสามสิบห้าเป็นคนที่นี่หรือ...อยู่แค่ตัวจังหวัดนี่เอง
คนที่นี่เจ้าค่ะ เพ็ญศรีรับคำอย่างนอบน้อม ฉันทำข้าวแกงขายมาหลายปีแล้วขอสมัครเป็นคนครัวเจ้าค่ะ
แล้วแม่คนนี้ล่ะ แสงบุญหันมามองเอกสารฉบับที่สองสลับกับมองคนที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นเบื้องหน้าเอกสารสำเนาบัตรประชาชนนั้นไม่ชัดเจนนักจนต้องหรี่ตามองอย่างเพ่งพิศ
นี่หล่อนเอาผ้ามาพันหัวหูทำไมเป็นพวกต่างศาสนาหรือไงกัน ฉันไม่รับหรอกนะ กินอยู่ก็ไม่เหมือนกัน ลำบาก
เป็นคนไทยพุทธค่ะ
เอาผ้าออกหล่อนเป็นโรคอะไรทำไมต้องคลุมผ้าอย่างนั้นเล่า
คุณแม่บ้านใหญ่เหวขึ้นอย่างรำคาญ เพ็ญศรีลอบอมยิ้มนึกสมน้ำหน้านังคนจองหองแค่มาถึงก็ถูกเอ็ดเอาเสียแล้วท่าทางหล่อนจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน หญิงสาวที่ชื่อวันถอนหายใจยาว แต่ก่อนที่แสงบุญจะเอ็ดเอาหล่อนก็ชิงบอกเสียก่อน
ดิฉันแพ้ฝุ่นทางเดินหายใจก็ไม่ค่อยดีเลยต้องคลุมหน้าเอาไว้กันฝุ่นพอใช้นานเข้าก็เลยติด
หล่อนบอกขณะดึงผ้าคลุมผมออกช้าๆ เพ็ญศรีพลอยเอียงคอมอง อยากเห็นหน้าหล่อนชัดๆเหมือนกันฟังจากน้ำเสียงดูจะเป็นคนเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
ผ้าคลุมผมสีดำของหล่อนเป็นผ้าเนื้อนิ่มผืนใหญ่ที่พับทบสองชั้นแล้วก็ยังคลุมได้ตลอดศีรษะใบหน้าบางส่วนและลำคอเมื่อมันถูกถอดอออกจนมองเห็นหน้าของหญิงประหลาดนั้นชัดตาก็ทำเอาหญิงต่างวัยทั้งสองจ้องหล่อนอย่างตกตะลึงด้วยความรู้สึกต่างกัน
สำหรับเพ็ญศรีแล้วหล่อนถึงกับอ้าปากค้างทีเดียว แม่วันอะไรสักอย่างคนนี้ สวยจัดจนน่าตกใจจริงๆ หล่อนมีผิวออกเหลืองแต่เป็นผิวเหลืองที่ดูผุดผ่องกระจ่างตาเป็นสีผิวอย่างที่ไม่ค่อยเห็นในหญิงไทยทั่วไปน่าจะออกไปทางพวกพม่ารามัญอะไรทำนองนั้นมากกกว่า
ดวงตาที่เพ็ญศรีเห็นจากด้านข้างนั้นล้อมด้วยแพขนตาดกหนายามที่หล่อนเงยหน้าขึ้นมองตอบคุณแม่บ้านยังเห็นประกายตาวาววามดวงตาน่าจะกลมโตดีทีเดียว ริมฝีปากนั้นหรือก็ได้รูปทั้งยังมีเลือดฝาดดีจนเป็นสีจัด ที่น่าประหลาดใจคือหล่อนน่าจะอายุราวยี่สิบต้นๆเท่านั้นทั้งที่น้ำเสียงห้วนดุทำให้นึกไปว่าหล่อนน่าจะรุ่นสักสามสิบ
เส้นผมของแม่วันน่าจะเป็นอีกส่วนที่สะดุดตาอย่างที่สุดมันเป็นผมยาวตรงที่ดำเงางามอย่างมีสุขภาพดีเพ็ญศรีเคยเห็นผมแบบนี้ก็แต่ในโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่เขาว่าภาพพวกนั้นใช้เทคนิคการถ่ายทำให้ดูสวยเกินจริงแต่นี่หล่อนได้เห็นกับตา มันเป็นผมเส้นเล็กละเอียดดำขลับที่ขึ้นเงาวับจนเป็นประกายน่าเสียดายเจ้าตัวกลับแสกกลางและรวบตึงเป็นมวยต่ำไว้เสียที่ท้ายทอยซึ่งทำให้หล่อนดูแก่ไปอีกมากโขหล่อนน่าจะปล่อยให้ยาวเคลียบ่าจะน่าดูขึ้นอีกมาก
แสงบุญเองก็เผลอมองหล่อนอย่างตะลึงเช่นกันคุณแม่บ้านใหญ่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างกังวลแกมด้วยไม่พอใจ กระทั่งเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหล่อนกระแอมเล็กน้อยก่อนจะตวาดแม่วันเสียงเข้ม
หล่อนมีผ้าคลุมติดมากี่ผืน
ก็...หลายผืนอยู่ค่ะ แม่วันตอบสั้นเช่นกัน หล่อนก้มหน้าแต่ตอบชัดถ้อยชัดคำไม่ได้กลัวคุณแม่บ้านใหญ่แม้แต่น้อย
ฉันอนุญาตให้หล่อนคลุมผ้าได้ห้ามถอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนออกไปข้างนอก แม้แต่อยู่ในบ้านนี้ถ้าหล่อนไม่ได้อยู่ในห้องส่วนตัวก็ห้ามถอด กฎประหลาดนั้นแม้แต่เพ็ญศรีที่ไม่ได้เกี่ยวด้วยยังถึงกับงงแต่แม่วันกลับรับคำง่ายๆคล้ายยอมรับสภาพ
หล่อนอายุแค่ยี่สิบสองเองนี่นาชื่อแปลก...วันสุรีย์
ตอนแรกชื่อวันคำเดียวค่ะแต่อยากมีชื่อเพราะๆ บ้างเลยไปเปลี่ยนชื่อ
งานของหล่อนมันต้องดูแลเด็กเล็กด้วยจะทำไหวหรือ
ฉันเคยมีลูก...มาแล้วค่ะ คราวนี้แม่วันหล่อนเงยหน้าขึ้นมองตาวาว
อาไร้หล่อนยังอายุน้อยแค่นี้
ฉันแต่งงานตั้งแต่อายุสิบแปดค่ะแต่ไม่ได้จดทะเบียน หล่อนบอกอย่างไม่สะทกสะท้านเช่นเดิม
แล้วลูกผัวหล่อนไปอยู่ไหนเสีย
ฉันเพิ่งเลิกกับผัวก็เลยทิ้งลูกไว้ที่บ้านฝากให้แม่เลี้ยงค่ะ ต้องหางานทำส่งเงินไปให้
มิน่าล่ะเป็นแม่ร้างแม่ม่ายฉันถึงว่าหุ่นหล่อนมันเกินอายุทั้งหน้าอกหน้าใจสะโพกผายอวบ แสงบุญกวาดตามองอย่างไม่เกรงใจ
อายุแค่นี้ก็ปล่อยตัวปล่อยใจจนเสียคน น่าแปลกที่คุณแม่บ้านกลับดูจะโล่งใจมากขึ้นที่หาข้อตำหนิได้ หล่อนขยับริมฝีปากยิ้มเหยียด
นี่คงไม่ได้เรียนหนังสือสินะมัวใจแตกมีผัวเสียแบบนี้หล่อนเรียนจบชั้นไหน
มอหกเรียนไม่จบค่ะได้วุฒิแค่มอสาม
ว่าแล้วความรู้ก็ไม่มีคนเรานี่ก็นะลูกตัวไม่ได้เลี้ยงต้องมานั่งเลี้ยงลูกคนอื่นเวรกรรมแท้เชียว แต่เอาเถอะก็ยังดีที่หล่อนคิดจะทำงานทำการไม่ใช่เอาเนื้อตัวหางานง่ายๆเงินดีเออ...ว่าแต่หล่อนจะมาหาผู้ชายแถวนี้ไม่ได้นะยะแม่วัน จะเที่ยวได้เดินโชว์อวดรูปร่างให้ผู้ชายในไร่มันดูไม่ได้ไอ้พวกนั้นมันกลัดมันทั้งนั้น ที่มีเมียแล้วก็ไม่กี่คนถ้าฉันรู้ว่าหล่อนไปให้ท่าให้ทางมันล่ะก็ฉันไล่หล่อนออกแน่จำไว้
เจ้าค่ะวันสุรีย์รับคำพร้อมกับคลุมผ้าไว้ตามเดิม
เพ็ญศรีนั่งฟังไปก็อ้าปากค้างไป แม่วันคนนี้อายุยังน้อยแต่ช่างอดทนเสียจริงถ้าเป็นเพ็ญศรีอายุเท่านี้ถูกซักไซ้พร้อมกับตำหนิไปด้วยแบบนี้มีหวังได้ปล่อยโฮแต่ละเรื่องที่คุณแม่บ้านใหญ่ขุดคุ้ยถามล้วนแต่เป็นเรื่องน่าอายทั้งนั้นไม่ถามเปล่ายังแสดงท่าดูถูกแกมสบประมาทอีกด้วย...แม่วันยังทนนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไรเหลือเชื่อจริงๆ
หล่อนทั้งสองคนมีหน้าที่ดูแลรับใช้แม่เพ็ญทำกับข้าวเป็นหน้าที่หลัก หล่อนรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินทั้งหมดของคุณผู้หญิงและคุณท่านเมนูแต่ละวันฉันจะเป็นคนจัดการสั่งช่วงแรกๆนี่จะต้องคอยมาดูหล่อนปรุงอาหารชิมรสด้วย ส่วนแม่วันหล่อนทำความสะอาดทั่วไปซักรีดเสื้อผ้าของท่านและดูแลคุณหนูทุกวัน
คุณแม่บ้านคะเพ็ญขอกราบอนุญาตขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมเจ้าคะ เพ็ญศรีที่ช่างสังเกตถามขึ้น
หล่อนสงสัยอะไร
คุณๆอยู่กันที่นี่หรือคะเอ่อ...เพ็ญว่าไม่ค่อยสมฐานะมั้งเจ้าคะ หล่อนนึกในใจ...ท่านคงเป็นผู้ดีตกยาก
โธ่เอ๊ย นางแสงถึงกับอุทานด้วยความขบขัน หล่อนนี่มันซื่อจริงๆ บ้านหลังนี้อยู่ในอาณาเขตของท่านจริงแต่ก็เป็นแค่...เรือนคนใช้เรือนใหญ่อยู่ด้านใน แสงบุญหัวเราะ
ตึกใหญ่ต้องเดินทะลุไปด้านหลังนั่นส่วนที่นี่นอกจากพวกหล่อนและฉันแล้วก็จะมีเด็กรับใช้อีกสองคนชื่อนังแป้นกับนังกลอยอายุสิบแปดสิบเก้ารุ่นๆแม่วันนี่ล่ะแต่ยังไม่มีลูกผัว แสงบุญจงใจเน้นเสียงขณะปรายตาเยาะมาทางวันสุรีย์
ฉันมีห้องพักที่ตึกใหญ่อีกที่หนึ่งเด็กสองคนนั่นก็เหมือนกันบางครั้งงานมากท่านเรียกให้รับใช้ก็ค้างเสียที่โน่นไม่กลับมานอนก็มี แต่หล่อนสองคนอยู่เสียที่นี่ล่ะแสงบุญจัดการให้เสร็จสรรพก่อนจะแจงต่อ เพื่อไม่ให้แม่คนขี้สงสัยถามอีก
แต่ก่อนก็มีนังแป้นคอยรับใช้คุณผู้หญิงส่วนนังกลอยรับหน้าที่เลี้ยงคุณหนู แต่หลังๆนี้คุณผู้หญิงท่านออกงานสังคมบ่อยจัดเลี้ยงเพื่อนฝูงก็หลายครั้งงานเริ่มล้นมือ คุณหนูก็โตขึ้นทุกวันเด็กรับใช้สองคนนั่นรับงานไม่ไหวก็เลยต้องหาคนเพิ่มไงล่ะ
แต่ว่า... เพ็ญศรียังสงสัยก็ประตูบ้านก็เก่าจวนพังไม่อายแขกไปใครมาบ้างหรือไร ท่านไม่ซ่อมประตูหรือเจ้าคะเกรงว่าแขกไปใครมามันจะพังโครมเข้าให้
โอยนังคนนี้ช่างสงสัยจริง คุณแม่บ้านเริ่มชักสีหน้า
ก็ทางที่หล่อนมามันเป็นหลังบ้านย่ะประตูหน้าอยู่อีกทางหนึ่ง ทางนั้นน่ะเงียบเหงาเป็นป่าช้า นานๆถึงจะมีรถโดยสารของเด็กเฮียฮ้อผ่านเข้ามาสักทีโน่น ของพวกไร่รุ่งอรุณนู่นเป็นทางผ่านหน้าบ้านเขา
มิน่าล่ะเพ็ญถึงว่ามันต่างกันราวฟ้ากับเหว เพ็ญศรีถึงบางอ้อ
ฉันจะบอกให้นะยะหล่อนทัดเทวา น่ะเทียบกับบ้านไร่รุ่งอรุณนั่นไม่ได้เลยหล่อนอย่าเอาไปเปรียบทางนี้เป็นเจ้านายเก่าสมบัติที่ดินพะเรอเกวียนได้มาอย่างถูกต้องคนแถบนี้ก็รักใคร่เคารพคุณท่าน แต่ไอ้ไร่รุ่งอรุณนั่นมันพวกเศรษฐีใหม่อวดร่ำรวย กิริยามารยาททรามราวกับกุ๊ยดีๆนี่เอง น้ำเสียงที่ใช้ทำให้จับได้ถึงความไม่ชอบหน้าอย่างแรงบางทีเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงนี้คงไม่ได้ไปมาหาสู่กันอย่างปกตินัก
เอาล่ะแม่วันเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บ ห้องของหล่อนอยู่ปีกซ้ายชั้นล่างติดกับห้องคุณหนู เห็นเป็นตึกเก่าโทรมๆอย่างนี้กว้างขวางสะดวกสบายดีมีห้องน้ำในตัวเสร็จสรรพเชียวล่ะส่วนแม่เพ็ญหล่อนก็นอนเสียที่ห้องนอนเล็กชั้นสองเป็นห้องส่วนตัวเหมือนกัน
เพ็ญศรีได้ยินดังนั้นก็หน้าบาน หล่อนดูจะได้รับโอกาสที่ดีกว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างน้อยการทำอาหารนั้นมีเวลาระบุไว้ชัดเจนแต่ละมื้อ เศรษฐีบางจำพวกนั้นไม่นิยมรับประทานอาหารคราวละมากๆเพราะต้องการรักษารูปร่างหล่อนจะเหนื่อยหน่อยก็น่าจะมือเย็นดูไปแล้วไม่ต้องวิ่งวุ่นทั้งวันเหมือนนังวันแม่แก่นั่น
ฉันจะพาเพ็ญศรีไปดูตึกใหญ่บางทีหล่อนอาจต้องไปรับใช้ที่ตึกใหญ่บ้าง ถ้าท่านเรียกหาให้ทำของเช้าหรือของดึกให้กินแต่แม่วันไม่ต้องไปไหน เก็บของแล้วจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อยก็ได้เดี๋ยวคุณหนูตื่นจะให้นังกลอยพามา อ้อ ถ้าหล่อนว่างนักก็ไปเก็บกวาดห้องคุณหนูไว้ก็แล้วกันจะได้ไม่เสียเวลาไปนังเพ็ญไปด้วยกัน
หญิงทั้งสองชักชวนกันไปที่ตึกใหญ่เพ็ญศรีนั้นช่างประจบหล่อนเรียกหาคุณแม่บ้านอย่างนอบน้อม คุณแสงอย่างนั้นคุณแสงอย่างนี้จนอีกฝ่ายเดินเชิดหน้านำไปอย่างพอใจ
วันสุรีย์มองตามพวกหล่อนจนลับสายตาจากนั้นจึงนำกระเป๋าสัมภาระเดินตรงไปยังห้องพักและเป็นที่ทำงานแต่แทนที่จะอาบน้ำจัดของอย่างที่คุณแม่บ้านบอก หญิงสาวกลับตรงไปยังประตูที่กั้นระหว่างห้องนอนของหล่อนกับห้องเด็กเป็นอย่างแรกเมื่อผลักให้ประตูเปิดกว้างกลิ่นบางอย่างก็โชยเข้าปะทะจมูก มันเป็นกลิ่นอับสกปรกของความอับชื้นคละกับกลิ่นหมักหมมของน้ำนมหรือปัสสาวะเด็กก็ไม่ทราบได้ทำเอาหล่อนแทบจะเป็นลม ข้าวของต่างๆวางระเกะระกะทั้งสกปรกไปด้วยฝุ่นอยู่ไม่น้อย
แม้สภาพห้องที่หล่อนต้องทำงานนับตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่น่าดูแต่วันสุรีย์ก็ไม่ได้นึกรังเกียจ ตรงข้ามหัวใจของหล่อนกลับเต้นโลดแรงขึ้นอย่างตื่นเต้นระคนด้วยความหวังบางอย่างหล่อนตรงไปยังเตียงคอกสำหรับเด็กที่มีทั้งหมอนใบเล็ก หมอนข้างและตุ๊กตาตาทำจากผ้าขนหนูเนื้อดีราคาแพงแต่เก่ามอยืนนิ่งมองอยู่เนิ่นนาน
มือเรียวเอื้อมออกไปหยิบหมอนที่เปรอะคราบเหงื่อไคลและน้ำลายอย่างที่คงไม่ได้ซักมาเป็นแรมเดือน มันสั่นน้อยๆขณะหยิบขึ้นมาแนบแก้ม หญิงสาวเกลือกหน้ากับหมอนใบเล็กสกปรกสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดราวกับจะซึมซับเอากลิ่นเนื้ออ่อนละมุนที่ยังจำได้ไม่ลืมแม้กระทั่งในความฝัน
น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นไว้กลับมาทะลักทลายเอาตอนนี้วันสุรีย์ใช้หมอนใบเล็กปิดกั้นเสียงสะอื้นและซับน้ำตาที่ไหลริน เสียงร้องไห้นั้นจึงดังสะท้อนอยู่เพียงในอก
...เป็นเสียงโหยไห้เจ็บปวดราวกับคนที่กำลังหัวใจสลายก็ไม่ปาน