ต่อจากตอนที่แล้ว 

จาก Brisbane บินมา Auckland ใช้เวลาประมาณ 3.10 ชั่วโมง แต่เวลาที่ Auckland (GMT +13) เร็วกว่าที่ Brisbane 3 ชั่วโมง ต้องรีบปรับนาฬิกาก่อนจะได้ไม่งง

ระหว่างรอก็นั่งดูนั่งแก้เซ็งกันไป

อาหารมาเสิร์ฟแล้ว

ก่อนเครื่องถึงก็กรอกฟอร์มเข้าเมืองก่อน

เครื่องถึงเมืองกีวีตอน 10.45 pm กว่าจะรับกระเป๋าอะไรเสร็จก็ ห้าทุ่มกว่า ดึกตลอดๆ (T_T)

สำหรับการเดินทางเข้าเมือง ก็อาศัยรถ Shuttle อีกตามเคยเพื่อความประหยัด โดยใช้บริการของ Super Shuttle ซึ่งเราสามารถbook ล่วงหน้าได้ โดยเข้าไปที่ web ของ Super Shuttle (https://www.supershuttle.co.nz)

แต่ถ้าไม่สะดวกจ่ายเงินล่วงหน้า ก็เดินไปที่จุดจอดรถของ Super Shuttleตอนไปถึงก็ได้ Super shuttle จะไม่ได้มีเป็น counter แค่เราเดินไปที่จุดจอดรถแล้วบอกคนขับรถได้เลยว่าจะไปลงที่ไหน แล้วก็จ่ายเงินที่คนขับรถได้เลย

จุดจอดรถของ Super Shuttle (International Airport)

จุดจอดรถของ Super Shuttle (Domestic Airport)

สำหรับขากลับ หากเราต้องการใช้บริการ ก็ให้โรงแรมช่วยต่อสายเพื่อจองให้ก็ได้ เบอร์โทร +64 9 522 5100 (สำหรับ email ที่นี่ตอบค่อนข้างช้า ถ้าหากเป็นต้องการคำตอบแบบเร่งรีบไม่แนะนำค่ะ เพราะเคย email ไปถามตำแหน่ง counter ของ Super Shuttle ในสนามบิน กว่าพี่แกจะตอบมา เราก็ออกจากนิวซีแลนด์ล่ะ)

สำหรับการโทรจอง ก็แจ้งว่าจะให้เค้ามารับที่ไหน วันไหน ตอนกี่โมง แนะนำให้โทรจองล่วงหน้า 1 วันค่ะ

ค่าโดยสารจากสนามบินเข้าเมือง ก็ราคา NZ$ 35 (one way) จากสนามบินเข้าเมือง ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที

กว่าจะมาถึงโรงแรม ก็เที่ยงคืนกว่าล่ะ โรงแรมที่จะพักครั้งนี้คือ Copthorne Hotel Harbourcity Auckland โรงแรมอาจจะดูเก่าหน่อย แต่ที่ตั้งดีมากและราคาก็ไม่แพง (เรทที่จาก Hotelclub รวมหมดแล้วอยู่ที่ 7,764.12 / 2 คืน รวมอาหารเช้า) 

ตรงข้ามโรงแรมมีร้านสะดวกซื้ออยู่ เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย พอถึงโรงแรมก็เลยยังพอหาอะไรกินได้จากร้านนี้

อิ่มแล้ว อาบน้ำอาบท่าแล้ว นอนพักผ่อนก่อนดีกว่า

วันที่ 7 ของการเดินทาง วันที่มีภารกิจต้องพบลูกค้าสองราย ช่วงเช้าลูกค้าอาสามารับเลยสบายชิวๆ ระหว่างรอลูกค้ามารับ เลยไปขอยืมโทรศัพท์ที่ receptionโทรจองรถ Shuttle ให้มารับพรุ่งนี้ก่อนจะได้ไม่ลืม

หลังจากพบลูกค้าช่วงบ่ายเสร็จ รอบนี้ขอลองใช้บริการสาธารณะของเมืองกีวีซะหน่อย เนื่องจากลูกค้าอยู่แถวๆ Greenlane มีสถานีรถไฟอยู่ไม่ไกลนัก

แผนที่เส้นทางของรถไฟ

ลองนั่งรถไฟจากสถานี Greenlane มาลงที่สถานี Britomart ใช้เวลาไม่นาน ค่าโดยสารอยู่ที่ NZ$ 4.00

ที่สถานี Greenlane จะมีตู้ขายตั๋วอยู่แต่ไม่ได้มีเครื่องกันใดๆ

แต่ที่สถานี Britomart จะมีเจ้าหน้าที่ยืนตรวจตั๋วตอนขาออกอยู่ ใครไม่ได้ซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถ เสี่ยงถูกปรับนะจ๊ะ

จากสถานี Britomart เดินไปโรงแรม Copthorne ใกล้มากเดินแค่ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงล่ะ

เพิ่งห้าโมง วันนี้ยังมีเวลาเหลืออีกตรึม ก็เลยออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย ดูบรรยากาศเมืองกีวีซะหน่อย

เนื่องจากไม่ได้แพลนไว้ล่วงหน้า เพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่มีเวลา เลยไม่ได้คิดไว้ก่อนว่าจะไปไหนดี เดินออกมาเห็นตึก Sky Tower เอาเป็นว่าไป Sky Tower ดูวิว Auckland จากมุมสูงล่ะกัน

จากโรงแรมเดินไปประมาณ 700 เมตรก็ถึงล่ะ

ถึงแระ

ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ คนละ NZ$28 หลังจากซื้อตั๋วแล้วก็กดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 51 ได้เลย

จาก Sky Tower เดินกลับโรงแรม เดินมั่วมากเดินทางเส้น Queen Street บ้าง Albert Street บ้าง แบบว่าไม่มีแบบแผนสุดๆ 555

กลับมาถึงโรงแรมประมาณทุ่มกว่า ฟ้าใกล้จะมืดล่ะ เลยเดินไปอีกทาง ไปแถวๆ Halsey Street ที่จุดนี้ถ่ายรูปเห็นตึก Sky Tower กับตึกอื่นๆของ Auckland ด้วย สวยดี

ถ่ายจาก Halsey Street

สี่ทุ่มกว่าแล้ว เลยเดินกลับโรงแรมไปแพ็คกระเป๋าดีกว่า เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องอำลาเมืองกีวีซะแระ ทำอะไรเสร็จก็เตรียมพักผ่อน

วันที่ 8 วันนี้ไฟล์ทออกตอน 1.30pm บินไปสิงค์โปร์ต่อ เลยนัด Shuttle มารับที่โรงแรมตอน 9.30 

รถติดนิดหน่อยในตัวเมือง แต่พอออกนอกเมืองไปแล้ว สภาพจราจรก็ดีขึ้น ไปถึงสนามบินก็ประมาณ 10.30

เช็คอินแล้ว อย่าลืมหยิบแบบฟอร์มขาออกด้วยนะ

เช็คอินแล้วก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปเลยจร้า

ขึ้นมาแล้วก็จะเจอรูปปั้นนี้ หุหุ

ข้างบนนี้ก็จะมีร้านอาหารและร้านค้าให้กินให้ช็อปก่อน

หรือถ้าเบื่อแล้วอยากจะเข้าไปด้านใน ผ่านตม ก็เข้าไปทางนี้เลยจร้า

พอผ่าน ตม แล้ว ด้านในก็จะมีร้านค้าปลอดภาษี ร้านอาหาร

แต่เนื่องจากนอนน้อยมาหลายคืนล่ะ gate ยังไม่เปิด เลยขอไปพักที่ Lounge ซะหน่อย ใช้บัตร Priory Pass สามารถเข้าใช้บริการที่ Emperor Lounge ได้ 

หน้าตาภายใน Lounge มีอาหารและเครื่องดื่ม ที่นี่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บริการฟรีด้วย นั่งชิวๆ รอ gate เปิด

พอเกทเปิดก็เตรียมเดินไปขึ้นเครื่อง เนื่องจากไฟล์ทนี้เป็นเครื่อง A380 เครื่องใหญ่ผู้โดยสารเยอะ กว่าจะได้ขึ้นรอเรียกอยู่ตั้งนาน

พอได้ขึ้นเครื่องก็นั่งดูหนังยาวเลย เพราะจาก Auckland ไป Singapore ใช้เวลา 10.30 ชั่วโมง แต่ก็ปรับเวลาให้เป็นเวลาสิงคโปร์ก่อน ที่สิงค์โปร์ (GMT +8) เวลาช้ากว่า Auckland 5 ชั่วโมง

เครื่องถึงสิงค์โปร์ ตอน 7.00pm แต่กว่าจะได้กระเป๋า รอนานอยู่เหมือนกัน เพราะเครื่องบินลำใหญ่ กระเป๋าเรามาล๊อตท้ายๆเลย เศร้า

พอได้กระเป๋าก็มองหาป้าย Train to City เพื่อนั่ง MRT เข้าเมือง สถานี MRT จะอยู่ชั้นใต้ดินของ Terminal 2 & 3

สามารถซื้อตั๋ว EZ-Linkได้ที่ตู้ขายตั๋วที่สถานี Changi Airport ได้เลย ค่าบัตร S$ 12 (มีเงินในบัตร S$ 5 และเป็นค่าบัตร S$ 7 ค่าบัตรไม่สามารถ refund ได้)

พอได้ตั๋วแล้วก็รอรถไฟกันเลย จากสนามบินถ้าเราจะเข้าเมืองต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Tenah Merah แล้วไปเส้นที่ไป Joo Koon

สำหรับรอบนี้เราจองโรงแรมไว้ใกล้ๆกับสถานี China Town เลยนั่งรถไปเรื่อยๆ ไปลงที่สถานี Outram Park แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีม่วง นั่งไปอีก 1 สถานีก็ถึง China Town

โรงแรมที่จองไว้คือ The Southbridge Hotel ห่างจากสถานีแค่ 350 เมตร ใกล้สุดๆ

สภาพห้องเล็กมาก พอวางกระเป๋าแล้วแทบไม่มีทางเดินเลย แต่ห้องสะอาดแถม Location สะดวกสบาย ครั้งนี้จองผ่าน Agoda เป็นห้อง Single ได้เรทรวมภาษีแล้วอยู่ที่ 4,889.80 / 2คืน

พอได้ห้องแล้ว ขอพักผ่อนก่อนเพราะเหนื่อยเข้าขั้นจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

วันที่ 9 วันนี้เหลือภาระกิจพบลูกค้ารายสุดท้ายแล้ว หลังจากเสร็จภารกิจตอนบ่ายสาม แยกย้ายกับลูกค้า เลยนั่งรถไป Clark Quay กะว่าจะไปกินปูที่ร้าน Jumbo ไปถึงประมาณสี่โมง แต่ร้านยังไม่เปิด แป่วว

ด้วยความหิว เลยนั่ง search จากเน็ต เห็นแนะนำกันอีกร้านคือ No Signboard Seafood เลยตัดสินใจไปร้านนี้เลยล่ะกัน

ร้านนี้มีหลายสาขา เลยเลือกไปที่สาขา Esplanade นั่ง MRT ไปลงที่ Esplanade แล้วเดินต่อไปอีกหน่อย

และแล้วก็ถึงร้าน No Signboard Seafood แล้ว เข้าไปถึง ตั้งใจมากอยากลองกินปูศรีลังกา

ดูเมนูเสร็จพอจะสั่ง พนักงานบอกปูศรีลังกาไม่จร้า แป่วววว อดรับประทานเลย งานนี้เลยต้องกินกุ้งแทน กับข้าวผัดซีฟู้ดมากินแทน

Fried Rice with Seafood (S$20)

Crisp-Fried Prawn with Black Sauce (S$26)

สำหรับมื้อนี้ รวมน้ำชาร้อนกับผ้าเย็น หมดไป S$49.80

หลังจากอิ่มแล้ว เลยเดินไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เค้ามีลูกบอลให้เขียนคำอวยพรด้วย มี 2 สี สีแดงกับสีขาว

พอคำอวยพรเต็มลูกบอลจะมีเจ้าหน้าที่เอาลูกบอลหย่อนลงไปที่น้ำ

ข้าม Helix เพื่อไป Garden by the bay

พอถึง Garden by the bay แค่เดินดูบรรยากาศบริเวณรอบๆ ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปด้านใน

เดินไปเดินมาฟ้าก็มืดล่ะ มองนาฬิกาอีกทีก็สามทุ่มล่ะ ว่าจะกลับล่ะ แต่เดินหลงไปมาไปโผล่เข้าห้าง Marina Bay เลยเดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เดินมั่วๆ เลยได้รูปมุมนี้มาด้วย เห็นตึกชัดเลย

เดินต่อไปเรื่อยๆ

เอ้อระเหยไปเรื่อยกว่าจะได้ขึ้นรถไฟกลับมาถึงโรงแรมก็สี่ทุ่มกว่าล่ะ

พรุ่งนี้มีแผนว่าจะตื่นไปถ่ายรูปตอนเช้าด้วยเลยรีบนอนดีกว่า

วันที่ 10 วันสุดท้ายของทริปแล้ว

วันนี้ขุดตัวเองขึ้นจากเตียงตอนตีห้า อาบน้ำเสร็จก็ให้โรงแรมช่วยเรียก Taxi ไป Merlion

พอบอก Taxi ว่าจะไป Merlion แท็กซี่บอกจริงๆเดินไปก็ได้นะ ไม่ไกล (เช้าขนาดนี้ไม่มีอารมณ์เดินหรอกคร้าคุณพี่ ง่วงฝุดๆ) เอาเป็นว่ายอมจ่ายค่า Taxi เนื่องจากเราให้โรงแรมเรียกให้ และมีค่า Charge ต่างหากสำหรับแท็กซี่รอบเวลาไม่ปกติ สรุปรวมแล้วเสียค่าแท็กซี่ไป S$9.80

ถึง Merlion ตอนประมาณตีห้าสี่สิบ คราวนี้ก็รอเวลาอย่างเดียวจร้า

พอพระอาทิตย์ใกล้ขึ้นก็เตรียมตั้งกล้อง ถ่ายรูปกันเลย

วันนี้ก็ไม่มีแผนอะไร เพราะกะว่าถ่ายรูปตอนเช้าเสร็จก็จะไปกินติ่มซำที่ร้าน Tak Po แถวๆ china town เห็นเค้าว่าอร่อยกัน

จาก Merlion เลยลองเดินตาม Google Map ไปเรื่อยๆ เพราะจะได้สูดอากาศยามเช้าของเมืองสิงโตไปด้วย

เดินไปประมาณ 20-30นาทีก็ถึงล่ะ ร้านจุดหมายเรา

เข้าไปก็สั่งเรยจร้า

มีถั่วลิสงมาให้ เป็นไฟล์ทบังคับ (เก็บตังค์ด้วยนะ เพราะฉะนั้นกินไปเถอะ เค้าคิดค่าผ้าเย็นด้วย ใช้หรือไม่ใช้ก็คิดอยู่ดี เพราะฉะนั้นใช้ไปโลด)

สั่งไป 4 อย่าง กับน้ำชาร้อน

มื้อนี้หมดไป S$17.80

พออิ่มแล้ว ก็เดินกลับโรงแรมถ่ายรูประหว่างเดินกลับมาเรื่อยๆ

ถึงโรงแรมประมาณเก้าโมง เห็นเวลา Check-Out ให้ได้ถึงเที่ยงเลย เลยขอนอนพักก่อนแล้วค่อยไปสนามบินดีกว่า

กะว่าจะตื่นซะสิบเอ็ดโมงครึ่ง แต่ตกใจเพราะได้ยินเสียงฟ้าผ่าเลยตื่นมาก่อน มองออกมาปรากฎฝนตก เซ็งฝุดๆ เพราะกะเดินเล่นซื้อ Souvenir แถวๆ สถานีก่อนขึ้นรถไฟกลับ นั่งรอจนได้เวลา check-out แล้วฝนก็ยังไม่หยุดตก เลยต้องยอม check-out วิ่งลุยฝนไปสถานี MRT เซ็งเบยของก็อดซื้อแถมตัวเปียกปอน

มาถึงสนามบินประมาณเที่ยงกว่าๆ เลยนั่งกินกาแฟของหวานรอเวลา check-in counter เปิด เพราะไฟล์ท 4.00pm

พอได้ check-in แล้วก็ขอถ่ายรูปเล่นแถวๆนั้นก่อน พอดีมันใกล้ช่วง Christmas เค้ามีคาแรกเตอร์ของ Disney ประดับอยู่หลายจุดเลย น่ารักดี

พอเข้าไปด้านใน ก็ขอไปพักผ่อนต่อใน Lounge รอเวลาขึ้นเครื่องดีกว่า

บรรยากาศของ Ambassor Transit Lounge Terminal 3

ด้านนอกใกล้ๆ Lounge มีสวนดอกทานตะวันด้วย เลยได้ออกไปถ่ายรูปเล่นด้วย มาดูดอกทานตะวันถึงเมืองสิงโต คริคริ

ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว และแล้วก็จบทริปหฤโหดอย่างเป็นทางการ