space
space
space
 
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
31 มกราคม 2559
space
space
space

โมรอคโค (Morocco) ดินแดนสุดขอบตะวันตก: เมืองเอลจาดีด้า (El Jadida)
สถานที่ท่องเที่ยว : เมืองเอลจาดีด้า (El Jadida), Morocco
พิกัด GPS : 32° 48' 55.28" N -9° 38' 36.70" E


     “โมรอคโค” เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เกษตรกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ ถึงแม้จะเป็นประเทศในดินแดนแอฟริกาแต่ชีวิตความเป็นอยู่ บ้านเรือน และวัฒนธรรมของโมรอคโคก็มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในทวีปนี้ โมรอคโคเป็นประเทศที่มีกลิ่นอายของยุโรป และแขกมัวร์ผสมอยู่ด้วยกัน ศิลปะและสถาปัตยกรรมคล้ายกับของประเทศสเปน อาคารบ้านเรือนแบบฝรั่งเศสมีให้เห็นทั่วไปในเขตเมืองใหญ่ๆ ของประเทศนี้ ดินแดนตะวันตกสุดขอบโลกนี้จึงเป็นประเทศที่น่าไปเยี่ยมสักครั้ง การผจญภัยในประเทศนี้คงน่าตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย  และแล้วจุดหมายใหม่ของการเดินทางก็ถูกเลือก และแน่นอนโมรอคโค คือ ประเทศที่คณะเดินทางเล็กๆ ของเราจะไปเยือน 
     เมื่อเท้าเหยียบพื้นดินแดนตะวันตกสุดของทวีปแอฟริกาสิ่งแรกที่ทำก็คือการตั้งเวลาให้ตรงกับเวลาท้องถิ่น เวลาท้องถิ่นที่โมรอคโคช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มเรื่องราวการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นในดินแดนไม่คุ้นเคยนี้ บุคคลสำคัญอีกคนที่ต้องแนะนำให้รู้จักกันก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือคุณไกด์ผู้น่ารักของเรา คุณฮามิท (Mr. Harmit)

เมื่อตั้งเวลากันเรียบร้อย รู้จักผู้นำเที่ยวประจำทริปเสร็จสรรพ การเดินทางก็เริ่มขึ้น ในตอนแรกคณะเรายังคงไม่แวะเที่ยวที่คาซาบลังก้า เนื่องจากขากลับต้องมาขึ้นเครื่องกลับที่เมืองนี้จึงขอเก็บเมืองนี้ไว้เที่ยวเมืองสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย รถบัสของเราจึงออกจากสนามบินตรงไปเมืองต่อไปเลย เมืองแรกในอาณาจักรโมรอคโคที่จะไปเที่ยวชมคือเมืองที่ตั้งอยู่ติดมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งห่างจากเมืองคาซาบลังก้าไปทางใต้ 2 ชั่วโมง เมืองที่ได้รับเกียรติเป็นเมืองแรกของการทัศนศึกษาของคณะเราในครั้งนี้คือ เมืองเอลจาดีด้า (El Jadida)


คุณไกด์เล่าให้ฟังว่า เมืองเอลจาดีด้า เดิมชื่อ มาซากัน (Mazagan) ซึ่งเป็นภาษาโปรตุเกส เพียงเท่านี้ก็รู้ทันทีว่าเมืองนี้ต้องเคยตกอยู่ภายใต้การดูแลของชนชาติยุโรป ชนชาติที่เป็นเจ้าแห่งการล่าอาณานิคมในสมัยก่อน และโปรตุเกสก็ถือว่าเป็นประเทศที่ออกล่าดินแดนในทวีปต่างๆ เป็นประเทศแรกๆ และแน่นอนเมืองตามชายฝั่งของโมรอคโคก็คงหนีไม่พ้น เอลจาดีด้าเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนอ่าวชายฝั่งทะเลแอตแลนติค เคยเป็นเมืองท่าที่สาคัญของโมรอคโคที่ทำการค้ากับชาวฟินีเชียน จากข้อมูลของคุณฮามิททำให้เราทราบว่า ในปี ค.ศ. 1502 ชาวโปรตุเกสขึ้นฝั่งที่นี่และได้สร้างป้อมปราการ เรียกว่า El Brijia El Jadida ขึ้นที่นี่ และหลังจากนั้นไม่นานชาวโปรตุเกสก็สร้างเมืองขึ้นและเรียกเมืองนี้ว่า “มาซากัน” ซึ่งต่อมาก็กลาย เป็นเมืองท่าที่สาคัญของชาวโปรตุเกสนั่นเอง โปรตุเกสใช้เมืองนี้เป็นเมืองท่าสำหรับออกไปค้าขาย และยังใช้เป็นฐานกำลังในการปกป้องเส้นทางการเดินเรือที่กองทัพโปรตุเกสใช้เดินทางไปอินดีย และอเมริกาอีกด้วย คุณไกด์เล่าต่อว่า ในปี ค.ศ.1562 ป้อมถูกโจมตีโดยโดยชาวอาหรับแต่ไม่สำเร็จ และระหว่าง ค.ศ.1580 - 1640 เมืองนี้ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวสเปน และกลับมาถูกปกครองโดยชาวโปรตุเกสอีกครั้งหลังจากนั้น


     ความสำคัญของมาซากันเป็นการบอกถึงความรุ่งเรืองของประเทศที่มาครอบครองหลายยุคหลายสมัย ซึ่งทำให้เมืองนี้มีการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดวัฒนธรรมของคนหลายชาติ อิทธิพลของวัฒนธรรมยุโรปและโมรอคโคมีแทรกอยู่ในทุกซอกมุมของเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ถนนหนทาง ประตูหน้าต่าง ร้านค้าต่างๆ และนี่คงเป็นเสน่ห์ของเอลจาดีด้าที่ยูเนสโกหลงรัก จึงทำให้เมืองเอลจาดีด้าขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2004 โดยเฉพาะป้อมปราการชาวโปรตุเกสที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ทำให้เราเห็นลักษณะที่โดดเด่นของการก่อสร้างของโปรตุเกสในยุคเรเนสซองส์ได้อย่างชัดเจน


เมื่อมองลงมาจากบนป้อมจะเห็นวิวทะเลออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ฟ้าใสๆ กับทะเลของที่นี่ทำให้รู้สึกว่ายืนอยู่บนป้อมปราการริมทะเลของประเทศในแถบยุโรปเหมือนกัน เรือประมงลำน้อยลำใหญ่ที่ลอยอยู่ไม่ไกลทำให้สามารถวาดภาพของวิถีชีวิตคนริมทะเลของโมรอคโคได้เป็นอย่างดี ปืนใหญ่วางเรียงที่ส่วนบนของป้อม ถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์การใช้งานจะเปลี่ยนไป แต่ความยิ่งใหญ่ของปืนใหญ่ปลดประจำการของป้อมปราการแห่งนี้ก็ดูไม่เคยเหงาเลย เนื่องจากยังคงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาขอถ่ายรูปอยู่เป็นประจำ เดินมองบรรยากาศมุมสูงของป้อมพอสมควรก็ได้เวลาเดินชมเมืองด้านล่างซักที


      เอลจาดีด้าเป็นชื่ออาหรับ ซึ่งแปลว่า เมืองใหม่ โดยกษัตริย์โมรอคโคเป็นผู้พระราช ทานให้แก่เมืองนี้หลังจากที่ได้ขับไล่ชาวโปรตุเกสออกไปตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 ถึงแม้ว่าตอนนี้เอลจาดีด้าจะเป็นส่วนหนึ่งของโมรอคโคอย่างสมบูรณ์แล้วก็ตาม แต่ชาติตะวันตกก็ได้ทิ้งสิ่งปลูกสร้างสำคัญๆ หลายแห่งไว้ให้ระลึกถึงความรุ่งเรืองของชาติยุโรปในอดีต ป้อมปราการเป็นตัวอย่างหนึ่ง แต่สถานที่ที่น่าสนใจมากกว่าคือ อ่างเก็บน้ำใต้ดินที่คุณไกด์ของเราภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างมาก อยากจะเห็นเหมือนกันว่าจะดูอลังการงานสร้างขนาดไหน ได้ข่าวว่ายูเนสโกให้ความสำคัญกับอ่างเก็บน้ำนี้มากทีเดียว เนื่องจากเป็นสิ่งแปลกใหม่ในอาณาจักรโพ้นทะเลของโปรตุเกส มีที่นี่ที่เดียวและไม่เหมือนใคร ไม่มีในเขตอาณานิคมของโปรตุเกสในที่อื่นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นในแอฟริกาแหล่งอื่นๆ หรือในเอเซีย จะสามารถดูได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น



อ่างเก็บน้ำใต้ดิน (Citerne Portugaise) ไม่ไกลจากประตูเมืองของเอลจาดีด้ามากนัก ทางเข้าเหมือนกับประตูเข้าตึกธรรมดาๆ ภายในมีเพียงแสงสลัวๆ ของพระอาทิตย์ที่ส่งลงมาจากช่องเล็กๆ ตรงกลางตึก ทำให้เห็นภาพอ่างเก็บน้ำใต้ดินไม่ชัดเจนเท่าไหรนัก แต่ก็พอจะรู้ได้ถึงโครงสร้างที่ใหญ่โตของอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ถ้าจะว่าไปการเรียกว่าอ่างเก็บน้ำคงไม่ถูกต้องซักเท่าไร ควรจะเรียกว่าอาคารเก็บน้ำมากกว่า เนื่องจากมีการสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะเหมือนห้องใต้ดินขนาดใหญ่ โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบโกธิค คือมีเพดานทรงโค้งยอดแหลมสูงขึ้นไปข้างบน รองรับด้วยเสาหินทรงกลมขนาดใหญ่รวมทั้งหมด 25 ต้น จนทำให้เกิดเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ไว้เก็บสำรองน้ำของเมือง สำหรับคนที่เคยไปดู Basilica Cistern (Yerebatan Sarayı) ที่เมืองอิสตันบูล ก็คงพอจะจินตนาการได้ว่าเป็นลักษณะเดียวกัน ที่ต่างกันก็คือ อ่างเก็บน้ำที่นี่เริ่มจะแห้งเหือดไปแล้ว ในขณะที่อ่างเก็บน้ำที่อิสตันบูลยังคงมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่จนถึงปัจจุบัน

เมืองสำคัญๆ สมัยก่อนมักจะมีระบบการบริหารจัดการน้ำที่แตกต่างกันออกไป เมืองมาซากันนี้เลือกการเก็บน้ำจืดไว้ในห้องขนาดใหญ่ อาจเป็นเพราะเป็นเมืองติดทะเล และหาแหล่งน้ำจืดได้ยาก แหล่งน้ำที่สำคัญก็คือน้ำฝนที่อนุญาติให้ผ่านเข้ามาให้ห้องนี้ได้จากทางช่องบนเพดานตรงส่วนกลางของห้อง เพื่อสามารถเก็บน้ำให้คนในเมืองไว้ใช้ได้ตลอดปี นอกจากนี้ห้องนี้ยังคงมีประโยชน์อื่นๆ อีก ฮามิทเล่าให้ฟังว่าที่นี่เคยเป็นยุ้งฉางสำคัญของเมือง มีไว้เก็บอาหารในยามฉุกเฉิน ยังคงเป็นที่เก็บน้ำกิน น้ำใช้ ของคนในเมืองทั้งหมดเวลาสงคราม นอกจากนี้ยังเคยเป็นที่ผลิต และเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของทหารอีกด้วย แหม.... ห้องเดียวสามารถมีประโยชน์ได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือนี่ ฟังการบรรยายของคุณไกด์ท้องถิ่นแล้วมองห้องกว้างๆที่มีร่องรอยน้ำสูงจนเกือบถึงเพดาน ก็สามารถสร้างภาพซ้อนของผู้คนเดินเข้าออก ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในห้องนี้ ต่างยุคต่างสมัยต่างเวลาได้เป็นฉากๆ ทำให้ห้องมืดๆ ชื้นๆ แห่งนี้มีชีวิตขึ้นมาได้ในจิตนาการ



หลังจากเดินเที่ยวชมสถานที่สำคัญๆ ไปเรียบร้อย ก็ถึงเวลาอิสระเดินเที่ยวชมเมืองบาง ถนนหนทางไม่กว้างมากนัก ปูด้วยหินและอิฐก้อนคล้ายเมืองเก่าในยุโรป มีร้านค้าเปิดขายของริมทางเดิน โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นเมือง ลักษณะเหมือนสินค้าของคนอาหรับ ทำให้บางครั้งหลงไปว่าเดินอยู่ในดินแดนของอาหรับ หรือดินแดนของแอฟริกากันแน่ เดินมองๆ สินค้าที่วางขาย พอเป็นไอเดียได้ว่ามีอะไรบ้างให้สามารถจับจ่ายซื้อไปเป็นของฝาก แต่คราวนี้ยังไม่มีใครเสียเงินอาจเป็นเพราะต้องการเก็บข้อมูลสินค้าให้ครบ ถ้วนก่อน  เดินเล่นถ่ายรูปพอสมควร ก็ได้เวลาที่จะต้องเดินทาง แต่ความทรงจำของเมืองโปรตุเกสในดินแดนของแอฟริกาก็ทำให้เราเห็นความเชื่อมโยงของวัฒนธรรมยุโรปและโมรอคโคได้ไม่รู้ลืม





Create Date : 31 มกราคม 2559
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2559 20:58:25 น. 3 comments
Counter : 931 Pageviews.

 
ข้างบน กล่าวไว้ว่า มอรอคโค เป็นเมืองเกษตร
ซึ่ง ผมอ่านแล้วแปลกใจ ที่ผ่านมา ดูหนัง
หรืออ่านหนังสือ... จะเห็นคนสูบยาเส้นผ่าน
น้ำ.. เป็นเมืองแห่งเครื่องหนัง

แต่ที่เห็นภาพข้างบน เป็นร้านค้า... ยังไม่เห็น
พืช หรือตลาดขายผัก..

คาดว่าคงจะเป็น การเยือนในเมือง คงจะมีไร่พืช
ให้เห้นสีเขียวบ้างนะครับ

ถ้ามีโอกาศ ขอดูระบบ อ่างเก็บน้ำใต้ดิน ที่น่า
สนใจ บ้างนะครับ..

ถ้าอัพบล๊อก ช่วยไปเคาะประตูให้รู้ ผมจเะได้
แวะมาครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:6:17:34 น.  

 
พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงใช้ในการปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์ค่ะ พืชส่วนใหญ่ที่ปลูกจะเป็นพวกอินเทอผาลัม กับแอลมอนต์ โดยมีการปลูกกระจายตามเขตโอเอซีส และเขตที่มีการทำระบบชลประทาน ซึ่งระบบชลประทานที่นี่น่าสนใจค่ะ อาจเป็นเพราะพื้นที่เป็นทะเลทราย ทำให้เค้าเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบชลประทาน

ของที่วางขายส่วนใหญ่ก็จะเป็นของขายนักท่องเที่ยว ยังไม่ได้ไปเดินในตลาดท้องถิ่น ไว้ถ้ามีโอกาสจะเอารูปตลาดท้องถิ่นมาฝากค่ะ


โดย: connecting memories (สมาชิกหมายเลข 2958247 ) วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:12:08:02 น.  

 
ประเทศในฝัน เลย


โดย: amoderndog (amoderndog ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:42:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 2958247
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 2958247's blog to your web]
space
space
space
space
space