Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

ขนมคุ๊กกี้ห่อหนึ่ง..กับการตัดสินคน

นำมาฝาก จาก ไทยคลินิก ..

หัวข้อ 27378: ขนมคุ๊กกี้ห่อหนึ่ง..กับการตัดสินคน (จำนวนคนอ่าน 79 ครั้ง)

« เมื่อ: วันนี้ เวลา 4:17pm »

ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี
จำเป็นต้องรอเวลาถึง3 ชั่วโมง
ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง
เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ
และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ

เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง
เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้
เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่ม
ซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ
ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุง
ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น
เธอมองด้วยความโกรธ
แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา

ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป
เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า "ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....
ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"

ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น
ทั้งสองส่งสายตามองกัน เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย
เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น
ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น

เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า
"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ
ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ"
เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง
ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม

ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว
เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก
ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....
คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน

เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม
แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า
มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง
เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท
เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด
มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น
และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง
ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย


นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น
หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี
แล้วคอยสังสัยตัวเองว่า





" เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?

เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่ "




--------------------------------------------------------------------------------

ส่งโดย: เมเปิ้ล






Create Date : 25 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 19:09:47 น. 7 comments
Counter : 1296 Pageviews.  

 
ใช่.....จะมีสักกี่ครั้งในชิวิตนะ


โดย: env42_tay วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:19:54:36 น.  

 
เคยได้รับเมลล์ฉบับนี้เหมือนกันค่ะ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:19:58:56 น.  

 

OMG!


โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:20:13:45 น.  

 
...หวัดดีคะ...

ยินดีที่รู้จักนะคะ..หมอหมู..

อืม..บางทีเราคิดว่าคนอื่นไม่ดี...

ไม่มีการศึกษา..แต่ไม่เคยมาพิจารณามองตัวเราเองว่า..อาจจะเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่นได้เหมือนกัน...

คิดว่า...คืนอื่นเป็นขโมย..แต่เราเองกลับเป็นขโมยหน้าด้านเสียเอง...แต่..ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้เสมอๆๆ...

...ถึงแม้ว่าคุกกี้ชิ้นนั้นจะเป็นของผู้หญิงคนนั้นจริงๆๆ แต่ถ้าจะให้เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆหนึ่งคนได้ชิมรสคุกกี้ชิ้นนั้นและแบ่งปันความอร่อยของมัน..ให้คนอื่นสักนิดคงจะไม่เหนือบากกว่าแรง...

เค้าชอบแบ่งปัน...และมักจะมองโลกในเเง่ดีเสมอ(ไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกนะ)...ถ้าเราจะมีน้ำใจสักนิด..โลกใบนี้คงน่าอยู่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าเลย...



โดย: Gypsy..jInA วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:20:40:26 น.  

 
อื้ม..ดีจังแฮะ
คุณผู้ชายคนนั้นก็ใจดีจังเลยนะ ไม่ว่าอะไรคุณผู้หญิงแล้วแถมยังแบ่งชิ้นสุดท้ายให้อีกครึ่งชิ้น อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ


โดย: plum and jam วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:1:23:32 น.  

 

เรื่องบางเรื่อง ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ฉุกคิดเหมือนกันนะครับ .. ว่า สิ่งที่เราได้ทำไปนั้น เหมาะสมหรือไม่ .. ???

เรามองคน ด้วยอคติ ด้วยความคิดแง่ร้าย มากเกินไปหรือเปล่า ...

มีหลายครั้งเหมือนกัน ที่พอมองย้อนกลับไปแล้ว .. รู้สึกได้เลยว่า ทำไม เราถึงไปทำแบบนั้น ... ถ้ามีโอกาศ ย้อนกลับไปได้ เราจะไม่ทำแบบนั้น ..


แต่ก็อย่างว่าแหละครับ มันย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้ .. ได้แต่หวังว่า ถ้ามีเหตุการณ์ทำนองนี้ เราจะไม่ทำพลาดแบบเดิมอีก ...


โดย: หมอหมู วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:14:53:08 น.  

 
ชอบคะ


โดย: PLOY (sweetheart_ploy ) วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:23:58:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]