สธ.พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ให้กลุ่มเสี่ยงฟรี ที่ รพ.ของรัฐ เริ่ม 1 มิ.ย. 31 สค.2560
สธ.พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่3.5 ล้านโด๊ส ให้กลุ่มเสี่ยงฟรี ที่รพ.ของรัฐเริ่ม 1 มิ.ย. 31 สค.60 //www.thaigov.go.th/news/contents/details/4076 https://www.hfocus.org/content/2017/05/14016 กระทรวงสาธารณสุขให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่3 สายพันธุ์ แก่ บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย และประชาชนกลุ่มเสี่ยง 3.5 ล้านโด๊ส ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้านฟรี 1มิถุนายน - 31สิงหาคม2560 นายแพทย์โสภณเมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้ามาตรการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ว่า โรคไข้หวัดใหญ่เกิดได้ประปรายตลอดทั้งปี โดยจะพบมากขึ้นในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาวไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นสาเหตุที่สำคัญของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลันทั้งนี้เชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี จากสถานการณ์ล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 1 พฤษภาคม 2560 พบผู้ป่วย 22,117 ราย เสียชีวิต 2 ราย เพื่อลดความรุนแรงของโรค การให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นจึงต้องมีการฉีดวัคซีนทุกปี ปี 2560 นี้ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรคและ สปสช.จึงขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นอกจากป้องกันโรคแล้ว ยังลดภาวะแทรกซ้อน และการแพร่ระบาดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะมีผลป้องกันร้อยละ 60-70 ดังนั้นประชาชนจึงต้องควบคู่กับการดูแลตนเองโดยหลีกเลี่ยงหรือป้องกันตนเองจากการสัมผัสผู้ที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่การทำร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารที่เอื้อต่อสุขภาพ และล้างมือให้สะอาดซึ่งเป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป รมว.สาธารณสุข กล่าว ด้านนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)กล่าวว่า ปี 2560องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงแนะนำวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด3 สายพันธุ์ ประกอบของไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1 N1) สายพันธุ์ใหม่/มิชิแกนแทนแคลิฟอร์เนีย2009, ชนิด A(H3 N2) สายพันธุ์เดิม/ฮ่องกง และไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B สายพันธุ์ เดิม/วิคตอเรีย ขณะที่วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ได้เพิ่มชนิดB/ยามากาตะซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่องค์การอนามัยโลกพิจารณาว่ามีโอกาสพบน้อยที่สุดของทั้งหมดโดยมีความชุกไม่ถึงร้อยละ 5 ทางการแพทย์ถือว่าประสิทธิภาพครอบคลุมใกล้เคียงจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้วัคซีน 4 สายพันธุ์ ซึ่งมีราคาสูงกว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจำนวน 3 ล้าน 5 แสนโด๊ส ให้กลุ่มเสี่ยง ได้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 4 แสนโด๊สและประชาชนกลุ่มเสี่ยง 3 ล้าน 1แสนโด๊ส ประกอบด้วย 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรัง คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมองไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน 4.บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้มีน้ำหนักตัว มากกว่า 100 กิโลกรัม 6.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 7.ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย 8.ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) การเตรียมตัวฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้นก่อนฉีดวัคซีน ควรพักผ่อนให้เพียงพอ สุขภาพโดยรวมสามรถปฏิบัติงานได้ปกติไม่ป่วยหรือมีอาการไข้ก่อนรับการฉีดวัคซีนนอกจากนี้ผู้ที่ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 6เดือน ผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ไก่อย่างรุนแรงมีประวัติเคยแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง โดยทั่วไปอาการข้างเคียงพบได้น้อยส่วนใหญ่เป็นอาการเฉพาะที่ เช่น บวม แดง ตรงบริเวณที่ฉีดวัคซีนปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมีไข้ต่ำๆอาการที่เกิดขึ้นมักหายได้เองภายใน 1-3 วัน การดูแลรักษาอาการข้างเคียง หากปวดบวมบริเวณที่ฉีดให้ประคบด้วยผ้าเย็น หากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอลในขนาดที่เหมาะสม ส่วนอาการแพ้รุนแรงหลังการฉีดนั้นพบได้น้อยมากจะมีอาการปรากฏให้เห็นภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมง หลังฉีด อาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ ดังนั้นหลังฉีดวัคซีนควรสังเกตอาการ 2-4 ชั่วโมง หากมีอาการรุนแรงหรือเป็นมาก ควรปรึกษาแพทย์ทันที และแจ้งอาการให้ทราบโดยละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 หรือ สำนักโรคติดต่อทั่วไป โทร 02-590-3183
แถม... ข้อมูลสำคัญไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และ สถานการณ์ล่าสุด ... แถม เวบน่าสนใจ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=25-11-2009&group=4&gblog=79 จากไข้หวัดใหญ่MEXICOถึงไข้หวัดใหญ่ 2009 .... บทเรียนสาธารณสุขไทย //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=21-05-2009&group=4&gblog=76 โรคหน้าฝน... (นำมาฝาก ไม่ได้เขียนเอง) //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=03-06-2016&group=4&gblog=123
Create Date : 06 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 6 มิถุนายน 2560 13:44:07 น. |
|
4 comments
|
Counter : 3891 Pageviews. |
|
|
|
14 มีนาคม 2016
https://healthtio.com/influenza/
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย และเป็นโรคที่สามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่มักจะพบได้มากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และในบางปีก็จะพบการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ไปทั่ว อีกทั้งยังเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโรคไข้หวัดใหญ่จึงถือได้ว่าเป็นโรคติดต่อที่ค่อนข้างรุนแรง หากได้รับการรักษาไม่ทันก็อาจทำให้เสียชีวิตจากการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้
ไข้หวัดใหญ่
สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า influenza virus ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ บี และซี ซึ่งเชื้อชนิดเอ เป็นเชื้อที่มักก่อให้เกิดอาการที่ค่อนข้างรุนแรงและมีโอกาสที่เชื้อจะกลายพันธุ์ได้ง่าย ส่วนเชื้อชนิดบีเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงน้อยกว่าเชื้อชนิดเอและสามารถกลายพันธุ์ได้เช่นเดียวกับเชื้อชนิดเอ แต่มีอัตราของการกลายพันธุ์ที่น้อยกว่า ส่วนเชื้อชนิดซี เป็นเชื้อที่ก่อให้อาการเพียงเล็กน้อยและไม่ค่อยพบการระบาด
เชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ
ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอเป็นเชื้อที่สามารถพบได้ทั้งในคนและสัตว์ โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีประวัติของการแพร่ระบาดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและได้คร่าชีวิตของผู้ป่วยไปแล้วมากมาย ซึ่งต่อไปนี้คือบางส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดการแพ้ระบาดของเชื้อชนิดเอ
H1N1
สายพันธุ์ H1N1 เป็นเชื้อไวรัสชนิดเอสายพันธุ์เก่า เป็นเชื้อที่เป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ล้านคนในช่วงปี พ.ศ. 2461-2462 โดยมีต้นตอมาจากประเทศสเปน จึงทำให้มีการเรียกเชื้อนี้อีกชื่อว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish flu) และก็ได้กลับมาระบาดอีกครั้งที่รัซเซียในปี พ.ศ. 2520 และในปี พ.ศ. 2552 ก็ได้กลับมาระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลกอีกครั้ง โดยในครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าเก่า จึงได้ให้ชื่อว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 สายพันธุ์ใหม่ (สายพันธุ์ 2009) ซึ่งมีต้นตอของเชื้อมาจากประเทศเม็กซิโก
สายพันธุ์ H2N2 เป็นเชื้อที่มีการระบาดในทวีปเอเชีย เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2500-2501 ซึ่งเป็นต้นเหตุที่คร่าชีวิตคนในเอเชียไปกว่า 1 ล้านคน
สายพันธุ์ H3N2 เป็นเชื้อไวรัสที่มีการระบาดใหญ่ในฮ่องกง ซึ่งได้ทำให้ชาวฮ่องกงเสียชีวิตในช่วงปี พ.ศ. 2511-2512 ไปกว่า 7 แสนคน
สายพันธุ์ H5N1 หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า ไข้หวัดนก ซึ่งเป็นเชื้อที่มีการแพร่ระบาดจากสัตว์ปีกสู่สัตว์ปีก และยังก่อผลกระทบต่อคนด้วย ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ได้มีการกำจัดสัตว์ปีกที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไปเป็นจำนวนมาก
การแพร่เชื้อของโรค
เชื้อไข้หวัดใหญ่ จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วยเหมือนกับโรคไข้หวัดธรรมดา ซึ่งจะติดต่อผ่านการสูดหายใจเอาละอองของเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามออกมา หรือโดยการสัมผัสถูกร่างกายและข้าวของเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่มีการเปื้อนเชื้อ
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงกว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดธรรมดา
ผู้ป่วยจะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ และปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ
ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ขมในคอ เบื่ออาหาร เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไส จุกแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน ไอแห้งๆ เป็นต้น
บางรายอาจมีน้ำมูกหรือเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว ปวดหู หูอื้อ หายใจหอบหืด เป็นต้น
อาจเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ขึ้นได้ ซึ่งอาการเหล่านี้พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดทุกชนิด เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางและชั้นในอักเสบ หลอดลมพอง ปอดอักเสบ เป็นต้น
อาการในข้างต้นทั้งหมดก็เหมือนกับอาการของโรคไข้หวัดธรรมดา ซึ่งทำให้แยกแยะออกได้ยากว่า แท้จริงเป็นโรคอะไรกันแน่ ซึ่งในทางที่ดี หากพบว่ามีอาการป่วยโดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยอาการของโรค
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
ป้องกันไข้หวัดใหญ่
สวมหน้ากากป้องกัน
ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อยิ่งต้องดูสุขภาพเป็นเป็นพิเศษ
หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้และสัมผัสผู้ป่วย แต่ถ้ามีความจำเป็นก็ควรป้องกันให้พร้อม เช่น สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือให้สะอาดหลังสัมผัสกับผู้ป่วยหรือข้าวของเครื่องใช้ของผู้ป่วย
แยกผู้ป่วยออกมาจากผู้ที่ไม่ป่วย เพราะหากทิ้งไว้จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ดี ครูหรือผู้ดูแลต้องหมั่นสอดส่องเป็นพิเศษ
หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งจะสามารถฉีดวัดซีนป้องกันได้เฉพาะกับเชื้อสายพันธุ์เก่าเท่านั้น
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดต่อที่นับได้ว่าค่อนข้างรุนแรง ซึ่งอาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาไม่ทัน ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพให้แข็งแร็งอยู่ตลอดและป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อย่างรัดกุม และหากพบว่ามีอาการป่วยเป็นโรคไข้หวัด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการข่าวการแพร่ระบาดหรือในช่วงที่มีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มากๆ ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยว่า คุณเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไม่ หากพบว่าเป็น จะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที