Group Blog
|
ทนายอ้วนชวนเที่ยว ... เที่ยวเมืองชาละวัน ... พิจิตร - วัดมหาธาตุ พิจิตร สถานที่ท่องเที่ยว : วัดมหาธาตุ พิจิตร, พิจิตร Thailand พิกัด GPS : 16° 24' 43.62" N 100° 17' 40.77" E สถานที่ท่องเที่ยวในบล็อกนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิจิตรนะครับ จะเป็นวัดโบราณทั้งสองวัดเลยครับ วัดมหาธาตุ พิจิตร วัดมหาธาตุ พิจิตร ตั้งอยู่ภายในอุทยานเมืองเก่าพิจิตร หรือ สวนรุกขชาติกาญจนกุมาร บ้านท่าฉนวน ต.โรงวัว อ.เมือง จ.พิจิตร ทางใต้ก่อนถึงเมืองพิจิตรในปัจจุบันประมาณ 10 กิโลเมตร มีพื้นที่รวมกว่า 400 ไร่ เมืองพิจิตรเก่านี้สันนิษฐานตามพงศาวดารเหนือ เรื่องพระยาแกรก ว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ.1601 โดยเจ้ากาญจนกุมาร ราชบุตรของพระยาโคตรบองเจ้าเมืองละโว้ที่ลี้ภัยมาสร้างเมืองชัยบวร (บริเวณ ต.บ้านน้อย ต.บางคลาน อ.โพทะเล ในปัจจุบัน) โดยเมืองพิจิตรที่เจ้ากาญจนกุมารสร้างนั้นตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านเก่า มีกำแพงเมือง 2 ชั้น ก่อด้วยอิฐล้อมรอบ มีป้อม ค่าย คู ประตูหอรบ ด้านเหนือยาว 10 เส้น ด้านใต้ยาว 10 เส้น ด้านตะวันตกยาว 35 เส้น แล้วขึ้นครองเมือง พระยาโคตรบองเทวราช วัดมหาธาตุ พิจิตร สันณิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยและมีการใช้งานต่อเนื่องจนถึงสมัยอยุธยา ปัจจุบันเป็นโบราณสถานร้าง ก่อด้วยอิฐ ตั้งอยู่กึ่งกลางเมืองพิจิตรเก่า ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านเก่า (ชาวบ้านเรียก แม่น้ำเมืองเก่า หรือ แม่น้ำพิจิตร) สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สร้างคู่กับเมืองพิจิตร สิ่งก่อสร้างหลักของวัดสร้างตามแนวแกนทิศตะวันออก-ตะวันตก โดยจากรูปแบบแผนผังที่มีวิหารอยู่ทางด้านหน้าเจดีย์ซึ่งเป็นประธานของวัด และมีคูน้ำล้อมรอบตามความหมายของอุทกสีมานั้น เป็นรูปแบบของวัดที่นิยมสร้างในสมัยสุโขทัย พระวิหาร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกหรือด้านหน้าเจดีย์ประธาน (วัดหันหน้าไปทางทิศตะวันตกสู่แม่น้ำพิจิตรหรือแม่น้ำน่านสายเดิม) มีขนาด 9 ห้อง (รวมพื้นที่เป็นมุขหน้าขนาด 2 ห้อง) ยกพื้นสูงขึ้นมา ถ้าสังเกตุด้านข้างพระวิหารจะเห็นว่ามีแนวเสานอกผนังพระวิหาร น่าจะเป็นแนวเสาที่รองรับชายหลังคาที่ลาดต่ำลงมาซึ่งเป็นลักษณะของวิหารที่นิยมสร้างในยุคสุโขทัย เสาภายในเป็นเสาสี่เหลี่ยม ด้านในสุดน่าจะเป็นฐานชุกชีสำหรับประดิษฐานพระประธาน เมื่อเดินเลยฐานชุกชีจะเป็นทางเดินที่เชื่อมต่อกับฐานประทักษิณของพระเจดีย์ ตรงนี้น่าจะมีบันไดเพราะพื้นมีความต่างกันมาก แต่ไม่น่าจะสร้างคนละคราวเพราะผนังพระวิหารยังต่อเนื่องกัน เจดีย์ประธาน รูปแบบเจดีย์ประธานเป็นทรงระฆังแบบสุโขทัย คือมีชุดบัวถลาสามชั้นบนฐานเตี้ยๆรองรับทรงระฆังที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เหนือองค์ระฆังคือบัลลังก์สี่เหลี่ยม ส่วนยอดพังลงมาเพราะเคยถูกต้นยางล้มฟาดจนปล้องไฉนหัก เมื่อปี พ.ศ.2479 ต่อมาในปี พ.ศ.2481 พระธาตุเจดีย์ส่วนที่เหลือก็พังลงมาเกิดโพรงทำให้เห็นว่ามีซุ้มจระนำ อยู่ภายในพระเจดีย์ มีพวงมาลัยร้อยด้วยลวดเงิน ลูกปัดเป็นหยก แต่ถูกคนร้ายขโมยไป รอบพระเจดีย์มีฐานประทักษิณรอบพระเจดีย์ พระอุโบสถ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกหรือด้านหลังเจดีย์ประธาน อาจสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เนื่องจากในสมัยสุโขทัยยังไม่นิยมสร้างพระอุโบสถ ประกอบกับสมัยอยุธยานิยมสร้างพระอุโบสถในแนวเดียวกับวิหารและเจดีย์ ซึ่งสอดรับกันดีกับผลการขุดแต่งเนินโบราณสถานในปี พ.ศ.2534 ของกรมศิลปากรที่พบว่าวัดมหาธาตุมีสิ่งก่อสร้าง 2 สมัย คือ สมัยสุโขทัย และสมัยอยุธยา ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนฐานพระอุโบสถ บริเวณโดยรอบพบเจดีย์รายจำนวนมากและแนวกำแพงขนาดใหญ่ ในปี พ.ศ.2495 ทางกรมศิลปากรดำเนินการขุดค้นเจดีย์ประธาน พบแผ่นอิฐมีจารึกอักษรขอมโบราณ 2 แผ่น ได้ความว่า “สุนทร” ที่อาจเกี่ยวกับคำว่า “พิจิตร” ซึ่งแปลว่างามเหมือนกัน จากการพิจารณาตัวอักษรบนแผ่นอิฐโดยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่เข้าไปตรวจสอบวัดมหาธาตุในปี พ.ศ.2495 นี้ กำหนดอายุตัวอักษรราวพุทธศตวรรษที่ 18 โบราณวัตถุชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง ได้จากภายในองค์เจดีย์ประธาน คือ พระสุพรรณบัฏ จารึกอักษรขอมโบราณ ปรากฏชื่อ “เมืองสระหลวง” ในปี พ.ศ.1959 ซึ่งตรงกับศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ 1 ที่สันนิษฐานว่าคือเมืองพิจิตรเก่า พระสุพรรณบัฏ หรือลานทอง เป็นแผ่นทองคำกว้าง 4.5 เซนติเมตร ยาว 14.2 เซนติเมตร ข้อความที่ปรากฏเป็นประกาศพระบรมราชโองการ เลื่อนพระสมณศักดิ์ภิกษุรูปหนึ่งของวัดมหาธาตุ โบราณวัตถุอื่นๆที่พบก่อนกรมศิลปากรเข้าพื้นที่เท่าที่พอสืบค้นได้ คือ พระเครื่องชนิดต่างๆ ได้แก่ พระบุเงิน บุทอง ใบตำแย ใบมะยม พระแก้วสีต่างๆ พระแผง พระบูชาขนาดต่างๆ เทวรูปประจำทิศโลหะ เสลี่ยงเล็กๆ ผอบ บาตร พวงมาลัยหยกร้อยด้วยลวดเงินลวดทอง แผ่นอิฐปิดทองขนาดใหญ่ 25x75x15 เซนติเมตร ดังนั้นอาจสรุปลำดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของวัดมหาธาตุ จังหวัดพิจิตรตามหลักฐานทางโบราณคดีได้ว่า อาจเป็นโบราณสถานที่มีมาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 18 ดังปรากฏว่าสิ่งก่อสร้างที่มีซุ้มจระนำภายในเจดีย์ทรงระฆัง แผ่นอิฐมีจารึกอักษรขอมโบราณ และประวัติการสร้างเมืองพิจิตรเก่าโดยเจ้ากาญจนกุมาร หรือพระยาโคตรบองเทวราช ต่อมาในสมัยสุโขทัย จึงมีการปฏิสังขรณ์โดยพอกเจดีย์ทรงระฆังทับ สร้างพระวิหาร และขุดคูน้ำล้อมรอบ เนื่องจากเมืองพิจิตรเก่านี้มีความสำคัญเป็นหัวเมืองเอกของสุโขทัย ดังปรากฏชื่อเมืองสระหลวงในจารึกสมัยสุโขทัย จนกระทั่งในสมัยอยุธยามีการสร้างพระอุโบสถต่อเติมที่ด้านหลังวัดมหาธาตุในแนวแกนของสิ่งก่อสร้างหลัก โดยปรากฏชื่อเมืองพิจิตร ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับสมเด็จพระนพรัตน์ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานของวัดนี้เมื่อพ.ศ.2478 อีกช่องทางหนึ่งในการติดตาม “ทนายอ้วนพาเที่ยว” Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนพาเที่ยว https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/ Chubby Lawyer Tour ………………….. เที่ยวไป ............. ตามใจฉัน หอบเพลงมาฟังในวัดด้วยคน...
เฮ๊ยยยยย แบบนี้ก็ได้หรออออ โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:13:53:45 น.
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
เป็นสถานที่ที่ดูขลังมาก เพิ่งรู้ว่าที่พิจิตรก็มีวัดชื่อนี้ แสดงถึงความรุ่งเรืองของพระรพุทธศาสนาในอดีตจริงๆ ลูกหลานรุ่นหลังมีหน้าที่ทำนุบำรุงให้รุ่งเรืองเหมือนแต่กาลก่อนนะๆๆ ป.ล. จากบล็อกใช่จ้า โดย: หอมกร วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:15:06:30 น.
เคยไปต.ท่าล้อไปเดินตลาด
เคยไปกับเพื่อนๆเอาหนังกลางแปลงไปฉายให้ชาวบ้านชม เพื่อนจะให้เป็นนักพากหนังกลางแปลง555 โดย: ธนูคือลุงแอ็ด วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:15:07:36 น.
สวัสดีค่ะคุณบอล
ไม่ได้เข้ามาอัพบล็อกนานมากเพราะภารกิจรัดตัว พอได้เข้าเลยนึกขึ้นได้ว่าบ้านนี้มักมีอาหารอร่อยให้ชิม ได้มาเจอเรื่องราววัดมหาธาตุ ดีใจค่ะ เพราะเมื่อสุดสัปดาหที่ผ่านมาไปเดินดูสิ่งปลูกสร้างเก่า ๆ ใน กทม ผู้รู้พูดถึงวัดมหาธาตุ ก็ยังนึกว่าจะประมาณไหนนะท่านถึงได้หยิบยกมาพูดถึง ตอนนี้เลยได้คำตอบ ประมาณนี้นี่เอง มีคุณค่าจริง ๆ ค่ะ โดย: melody_bangkok วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:15:43:30 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ไม่เคยเที่ยวพิจิตรเลยค่ะ เลยมาเดินตามหลังเที่ยวด้วยนะคะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:16:43:35 น.
สวัสดีครับ
มาเที่ยววัดด้วยครับ ชอบโบราณสถานเก่าๆแบบนี้ครับ โดย: Sleepless Sea วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:17:35:19 น.
โบราณสถานที่อาจมีมาราวพุทธศตวรรษที่ 18
เก่าแก่ น่าไปชมมากค่ะคุณบอล ภาพสวยมากค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:23:26:35 น.
ตามมาเที่ยวด้วยคน ก็เสียหายไปตามกาลเวลานะครับ สมัยก่อนน่าจะรุ่งเรืองน่าดูเลย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:23:31:53 น.
มาชมวัดด้วยค่ะ ดนตรีไพเราะ คิดถึงบรรยากาศวัดจัง โดย: newyorknurse วันที่: 26 มิถุนายน 2563 เวลา:0:07:50 น.
รู้ว่า พิจิตรเป็นเมือง อู่ข้าวอู่น้ำ คือมีน้ำเยอะ ปลาก็เยอะ..
เคยไปบ้างครับแต่ไม่บ่อย.....เจดีย์บูรณะขึ้นมาได้ดีเลยครับไม่งั้น คงเป็นกองอิฐ สังเกตว่า อิฐที่ใช้เป็นอิฐก้อนเล็กกว่า ทางเชียงใหม่ ลำพูน โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 26 มิถุนายน 2563 เวลา:6:05:36 น.
สวยงามแบบทิ้งร่องรอยอารยธรรมไว้ให้ชวนค้นหา
จะเสียดายมากถ้าต้องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลานะคะ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 26 มิถุนายน 2563 เวลา:10:15:07 น.
มันสะสมไว้หลายๆเรื่องมาก มันจนสุดจะทน ก็แปลกใจในความชราของพวกเรา แต่มันรับไม่ไหวจริงๆ พวกจะพาไปตกเขาตกห้วยเอา ก็จำเป็นจะต้องเลือก ในยามนี้แล้ว แก่ๆกันแล้วทั้งครู่ ครับคุณบอล ขอบคุณครับที่แวะไปคุยด้วย
โดย: ธนูคือลุงแอ็ด วันที่: 26 มิถุนายน 2563 เวลา:21:45:27 น.
แวะมาทักทายยามดึกค่ะคุณบอล
ขอบคุณที่แวะเยี่ยมนะคะ โดย: melody_bangkok วันที่: 26 มิถุนายน 2563 เวลา:22:22:48 น.
ดูร่มรื่นในอดีตคงงดงามมาก
เห็นแล้วก็ได้สัจจธรรมนะคะ ทุกสิ่งล้วนพ่ายแพ้แก่กาลเวลา โดย: เนินน้ำ วันที่: 28 มิถุนายน 2563 เวลา:12:31:22 น.
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
โดย: สมาชิก 3661152 IP: 139.99.104.93 วันที่: 1 กรกฎาคม 2563 เวลา:2:04:30 น.
|
ทนายอ้วน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?] Friends Blog
|
นึกว่าคุณบอลจำศีลเสียที่วัดไหนซะแล้ว