มาเดินเที่ยว “ตลาดเก่าท่าหลวงริมแม่น้ำจันทบูร” กันต่อจากบล็อกที่แล้วนะครับ บล็อกที่แล้วเราเริ่มเดินจาก”ตลาดล่าง” ตรงที่ข้าม “สะพานนิรมล” มาจากอาสนวิหารแม่พระมารีอาปฎิสนธินิรมล มาจนถึงส่วนกลางๆของ“ตลาดท่าหลวงริมน้ำจันทบูร” ที่เกิดไฟไหม้ในช่วงปี 2537-2538เลยทำให้บ้านและห้องแถวเก่าๆบริเวณนี้ถูกพระเพลิงทำลายไปหมดปัจจุบันเจ้าของที่เดิมถ้าไม่ปลูกตึกแถวสมัยใหม่ขึ้นมาก็ปล่อยที่ให้ว่างๆแล้วเปิดเป็นร้านอาหารร้านกาแฟฮิปๆขึ้นมาหลายร้านเลยทีเดียว

บ้านเก่า ห้องแถวเก่าๆหลังถัดมาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในบริเวณ “ตลาดบน” คือ “บ้านหลวงราชไมตรี” ครับ

บ้านหลวงราชไมตรีกินบริเวณมากที่สุดในตลาดเก่าท่าหลวงริมแม่น้ำจันทบูรที่สังเกตได้ง่ายก็คือตึกแถวหลายคูหาที่อยู่ฝั่งซ้าย (ถ้าหันหน้าเข้าถนนท่าหลวงหรือวัดโบสถ์)ที่เขียนภาษาอังกฤษด้วนหน้าของตึกว่า “Casa Libro” เป็นห้องแถวหลายคูหาสร้างด้วยไม้สักทองส่วนบริเวณที่เป็นบ้านจริงๆจะอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้สร้างแบบสถาปัตยกรรมผสมตะวันตก(จากรายละเอียดที่ได้หามายังมีตึกแถวอีก 2-3หลังที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่ท่านปล่อยให้คนอื่นเช่าอยู่ด้วย)ปัจจุบันบ้านหลวงราชไมตรีทั้ง 2 หลังได้รับการบูรณะเป็นโรงแรมขนาดเล็กจำนวน 7 ห้องแต่ก็ยังคงหน้าตา เค้าโครงที่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้วเพียงแต่เพิ่มเติมเสริมสิ่งที่จะสร้างความแข็งแรงและความสะดวกสบายสมัยใหม่เข้าไปโดยที่ไม่ไปทำลายบรรยากาศเก่าๆ เท่านั้นเอง(ตอนที่เจ้าของบล็อกไปเที่ยวเค้ากำลังทำการตกแต่งภายในกันยกใหญ่ทีเดียวครับ)

หลวงราชไมตรี (ปูม ปุณศรี) (พ.ศ. 2419 - 2499)ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก”เพราะท่านเป็นบุคคลคนแรกที่นำเอาต้นพันธุ์ยางพาราจากมาเลเซียมาปลูกที่จังหวัดจันทบุรีเป็นคนแรกและได้ทำการพัฒนาพันธุ์ยางพาราและส่งเสริมให้มีการปลูกยางพาราจนกลายเป็นอาชีพที่นิยมกันทั่วภาคตะวันออก

 

หลวงราชไมตรีเป็นคนหัวก้าวหน้ามากเนื่องจากท่านได้รับการศึกษาจากเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซียเมื่อศึกษาจบก็ได้ติดตามบิดา (ขุนประมูลราชทรัพย์) ไปทำการค้าขายที่มาเลเซียและปีนังและสืบต่อการค้าจากบิดาจนประสบความสำเร็จถึงขั้นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์“หลวงราชไมตรี” จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

บ้านหมอชาญ

บ้านหมอชาญ เป็นชื่อที่เรียกขานกันโดยทั่วไปเจ้าของบ้านคนแรกเป็นผู้พิพากษาเมืองจันทบุรีในสมัยรัชกาลที่ 5 ชื่อ วิภาค วิชัยยะผู้รับมรดกตกทอดบ้านหลังนี้ต่อมาเป็นบุตรเขยของคุณตาวิภาค วิชัยยะประกอบอาชีพเป็นแพทย์ ชื่อ หมอชาญ ปัจจุสานนท์ ซึ่งได้ใช้บ้านหลังนี้เป็นคลินิกแพทย์รักษาด้วยยาตำราหลวงบ้านหลังนี้จึงได้ชื่อว่า “บ้านหมอชาญ”

บ้านหมอชาญ เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ชั้นล่างด้านหน้าซึ่งเป็นปูนสร้างแบบตะวันตกชั้นบนเป็นไม้ อายุร้อยกว่าถ้านับถึงปัจจุบันครับ

ร้านไอศกรีมตราจรวด

เดิมเป็นบ้านของหลวงราชไมตรีเป็นอาคารชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ ด้านหน้าเป็นสถาปัตยกรรมผสมระหว่างยุโรป –เอเชีย อายุอานานก็ 100 กว่าปีแล้วครับได้เปิดเป็นโรงงานทำไอศกรีมด้วยเครื่องจักรเป็นแห่งแรกของจังหวัดจันทบุรีเมื่อปีพ.ศ. 2502 จนถึงปัจจุบัน เจ้าของคนปัจจุบันคือ คุณลุงแช ปัตตโชติ กตัญญูกุลได้สืบต่อกิจการการทำไอศกรีมตราจรวจ ด้านในก็ยังเป็นร้านไอศกรีมเหมือเมื่อ 40กว่าปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมขายตามปกติครับ

บ้านคุณตาจรรยา  วานิชกุล

ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 273ฝั่งซ้ายของถนนสุขาภิบาล (ถ้าหันด้านขวามือให้แม่น้ำจันทบูร) บรรพบุรุษของคุณตาจรรยาเป็นชาวจีนแคะอพยพมาอยู่ที่จันทบุรีอากงและคุณแม่ของคุณตาจรรยาประกอบอาชีพช่างทอง และได้เปิดร้านทำพลอยชื่อ“ฮั่วเส็ง” แต่คุณตาไม่ได้สืบทอดกิจการของทางบ้าน เมื่อเรียนจบชั้น ม.8จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยคุณตาจรรยาได้เข้ารับราชการทหารเป็นพนักงานจ่ายยาที่สุขศาลา ขายของ ขายกาแฟ ทกสวน และได้เป็นสมาชิกสภาเทศมนตรีถึง4 สมัย 

 

บ้านหลังสุดท้ายเป็นหลังที่ประทับใจมากที่สุดเพราะมีของกินแสนอร่อยฮ่าๆๆๆๆ

 

ข้าวตังโบราณพี่จิ๋ม (น่าจะใช่ชื่อนี้นะครับลองเทียบดูกับเวบอื่นๆแล้ว)

บ้านนี้อยู่ฝั่งติดแม่น้ำจันทบูรนะครับใกล้ๆถนนท่าหลวง เป็นร้านของกินร้านแรกเลยครับข้าวตังของร้านนี้เป็นข้าวตังโบราณครับ ไม่ใช่ข้าวตังแบบ ข้าวตัง – นางเล็ดที่มีขายกันทั่วไป ถึงจะไม่ใช่ข้าวตังโบราณแท้ๆ(เพร่าะข้าวตังแบบโบราณแท้จะได้จากการหุงข้าวในกระทะใบบัวจะมีข้าวสุกติดก้นกระทะเป็นแผ่นๆแต่ข้าวตัวร้านนี้ได้จากการละเลงข้าวสุกในกระทะเป็นแผ่นบางๆแล้วจี่ด้วยไฟอ่อนๆให้สุกเกรียม) แต่หน้าตาก็ดูเหมือนข้าวตังโบราณที่สุดครับแผ่นข้าวตังจะปรุงรสให้เค็มๆ มันๆ โรยต้นหอม – ผักชี ให้หอมๆแล้วจี่จนสุกเกรียมอีกครั้ง กินร้อนๆกรุบๆกรอบๆ สนุกมากทีเดียวครับอย่าทิ้งไว้จนเย็นนะครับเพราะมันจะเหนียว ไม่กรอบครับวิธีที่ดีที่สุดคือทานเลยที่หน้าร้านครับ ทานไป ดูพี่จิ๋มทำข้าวตังกระทะต่อไปด้วยคุยกับพี่จิ๋มไปด้วย อร่อย สนุก และได้ความรู้ดีมากๆเลยครับ

พอเดินมาถึงตรงนี้ก็เป็นอันว่าการเดินเที่ยว“ชุมชนตลาดเก่าท่าหลวง ริมแม่น้ำจันทบูร” จบลงที่นี่ครับ จากความคิดที่ว่า“ชุมชนตลาดเก่าท่าหลวง ริมแม่น้ำจันทบูร” คงไม่มีอะไรมากคงเหมือนๆกับตลาดเก่าหลายๆที่ คงใช้เวลาเดินไม่นาน เจ้าของบล็อกต้องเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็วเลยครับจากที่วางแผนเอาไว้ว่าจะใช้เวลาที่ “ชุมชนตลาดเก่าท่าหลวง ริมแม่น้ำจันทบูร” ซักหนึ่งชั่วโมงกลับกลายเป็นว่าใช้เวลาเดินไป – กลับ เป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมงกว่าเดินไปอ่านข้อมูลของบ้านแต่ละหลังไป ถ่ายรูปไป ที่นานที่สุดเห็นจะเป็นหยุดคุยกับคุณพี่ที่บ้านโภคบาลเสียนานเลยครับเจ้าของบล็อกมีพี่สาวคนหนึ่งได้ทุนเรียนพยาบาลที่ “วิทยาลัยพยาบาลประปกเกล้า” อยู่4 ปี ก็เลย “มีความหลังเกี่ยวกับเมืองจันท์” เอาไว้คุยกับพี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ ที่“ชุมชนตลาดเก่าท่าหลวง ริมแม่น้ำจันทบูร” กันบ้างเล็กน้อยคราบ

เจ้าของบล็อกรู้สึกประทับใจกับ“ชุมชนตลาดเก่าท่าหลวง ริมแม่น้ำจันทบูร” มากๆครับจนยกให้เป็นที่หนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวในดวงในทริปนี้เลยครับ

Chubby Lawyer Tour .................... เที่ยวไป .............. ตามใจฉัน